"โลกของเราเป็นบ้านของผู้คนเกือบแปดพันล้านคน แต่ในเวลาเพียง 50 ปี ประชากรสัตว์ป่าลดลงมากกว่าครึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังคงหลงเหลือบางพื้นที่ที่รักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตนานาชนิดได้ ...ภูมิภาคสุดท้ายเหล่านั้นคือสิ่งที่เราเรียกว่า สวนสวรรค์อีเดน”
นั่นเป็นคำกล่าวของ มาร์ค บราวน์โลว์ ผู้สร้างสารคดีซีรีส์นี้ ซึ่งงดงามมากจนสามารถสะกดทั้งสายตาและความรู้สึกของเราได้ราวกับมีมนต์ขลัง – ราวกับสิ่งมีชีวิต สายลม ผืนน้ำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏบนจอนั้นกำลังบอกกับเราว่า เจ้าพวกมนุษย์ที่มักเผลอคิดว่าตนเองเป็น “ผู้กำกับ” ของโลกใบนี้ทั้งหลาย เจ้าไม่รู้หรอกว่ายังมีสถานที่ที่ธรรมชาติยังเป็นผู้ครอบครองอันยิ่งใหญ่ ที่ที่โลกไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าไปเปลี่ยนแปลงฉากและตัวละครตามใจปรารถนา
ใน Eden: Untamed Planet เราจะได้เห็น 6 พื้นที่อันเป็นตัวแทนของระบบนิเวศหลักที่ยังรักษาความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมไว้ได้ เริ่มจากบอร์เนียว ป่าฝนเขตร้อนในเอเชียตะวันออกเฉียงให้ บ้านของสัตว์และพืชร่วม 60,000 สายพันธุ์และเป็นที่ที่อุรังอุตังยังคงใช้ชีวิตอย่างอิสระท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยักษ์, ทะเลทรายนามิบทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริกาอันแสนแห้งแล้ง แต่ก็เต็มไปด้วยนวัตกรรมจากธรรมชาติ ทั้งด้วงที่ยกก้นรับน้ำหมอกได้และหญ้าที่สร้าง "โอเอซิสจากไอน้ำ", หุบเขาลูอังวาในแซมเบียซึ่งแรดดำที่หาดูได้ยากยิ่งยังหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า, เกาะกาลาปาโกส ห้องทดลองวิวัฒนาการยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่เคยทำให้ ชาร์ลส์ ดาร์วิน มองเห็น "ต้นกำเนิด" ของสรรพสิ่งมาแล้ว, ปาตาโกเนีย สุดปลายใต้ของทวีปอเมริกา และอะแลสกา ทางเหนือของทวีปเดียวกัน อันเป็นเขตแดนสุดท้ายที่มนุษย์ยังเข้าถึงได้ยากและธรรมชาติยังคงความเป็นใหญ่อยู่
แน่นอนว่าการจะบุกเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้เพื่อเก็บภาพความมหัศจรรย์มาให้เราได้ดูนั้น ย่อมหมายถึงการทำงานหนักอย่างสาหัสของทีมงานซึ่งนอกจากจะต้องใช้เวลายาวนานแล้ว ยังต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ทั้งบางเบา ร้อนระอุ ไปจนถึงหนาวจัด ทีมงานเล่าไว้น่าสนใจในสารคดีเบื้องหลังการถ่ายทำว่า ตอนจะบันทึกภาพแม่น้ำที่ลูอังวาท่วม พวกเขาต้องคอยจับสัญญาณเอาเองจากท้องฟ้า สังเกตเมฆที่ก่อตัว ฟ้าแลบ และเสียงฟ้าคำรามเพื่อจะได้รู้ว่าฝนกำลังจะมา หรืออย่างตอนติดตามแรดดำที่ใกล้สูญพันธุ์ก็ต้องเดินลัดเลาะป่าทึบที่มีสิงโตและช้าง แบกอุปกรณ์หนักอึ้ง เพื่อจะตะลุยเข้าไปถ่ายสัตว์ (ซึ่งไม่ไว้ใจมนุษย์อย่างสุด ๆ) ในระยะใกล้ชิดมาให้ได้
ไม่เท่านั้น การทำสารคดีธรรมชาติที่ต้องมีความพิเศษเหนือคู่แข่งถึงขนาดนี้ ใช้แรงคนอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอีกหลากหลายด้วย ทั้งเลนส์คุณภาพสูงที่จับภาพระยะไกลได้คมชัด และโดรนที่ใช้บินตามติดสิ่งมีชีวิตกลางป่า ในบอร์เนียวนั้นทีมงานใช้สลิงแขวนกล้องบนต้นไม้เพื่อจะบันทึกภาพอุรังอุตังโดยไม่เข้าไปแทรกแซงรบกวนกิจวัตรของมัน ขณะที่ในทะเลทรายนามิบ พวกเขาก็ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษป้องกันเครื่องมือทั้งหมดให้รอดพ้นจากความร้อน ความหนาวและพายุทรายให้ได้
เหนืออื่นใด สำคัญมากที่ทีมงานจะต้องมีความเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้งด้วย พวกเขาต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ศึกษาพฤติกรรมสัตว์ พร้อม ๆ กับปรับตัวเองให้สามารถเข้าไปอยู่ในป่าทึบได้อย่างกลมกลืนจนสัตว์คุ้นเคยและระวังตัวน้อยลง
การคลุกคลีกับความเป็นไปของธรรมชาติอย่างใกล้ชิดขณะทำถ่ายทำ เปิดโอกาสให้ทีมงานได้เห็นสภาพความจริงและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น พวกเขาได้พบว่าแม้แต่สถานที่เหล่านี้ก็กำลังเผชิญภัยคุกคามเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าในบอร์เนียวจนต้องสูญเสียพื้นที่ป่าปีละหลายแสนเฮกตาร์ การทำเหมืองแร่ยูเรเนียมในนามิบ ไปจนถึงการล่าสัตว์ผิดกฎหมายในลูอังวา ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้เราต้องย้อนกลับมาเตือนใจตัวเองพร้อมกับตั้งคำถามว่า เราเคยอยู่อย่างไรกับธรรมชาติ และเราจะอยู่กับมันอย่างไรในอนาคต หากเรายังต้องการให้สวนสวรรค์บนโลกใบนี้ยังคงมีอยู่จริงต่อไป
▶ ติดตามสารคดี Eden: Untamed Planet สวนสวรรค์...สุดขอบโลก และ Eden: Untamed Planet Making of เบื้องหลัง สวนสวรรค์...สุดขอบโลก เดินทางไปยังมุมห่างไกลของโลก เพื่อค้นพบความลับของดินแดนไม่กี่แห่งที่ยังไม่ถูกมนุษย์รุกราน ตั้งแต่ทะเลทรายนามิบถึงปาตาโกเนีย เพราะตำแหน่งที่อยู่สุดปลายโลก ความห่างไกลและสภาพอากาศโหดร้ายได้ปกป้องจากความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากน้ำมือมนุษย์
รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application