ถ้าเราเคยคิดว่า “สารคดีประวัติศาสตร์” น่าจะต้องประกอบด้วยการสัมภาษณ์นักวิชาการผู้มาพร้อมน้ำเสียงเคร่งขรึม ตัดสลับกับฟุตเตจข่าวและเรื่องราวที่ถ่ายขึ้นใหม่ แล้วบางจังหวะก็สอดแทรกด้วยตัวอักษรเรียบ ๆ สีขาวบนพื้นดำเพื่ออธิบายความ ...สารคดีเรื่องนี้ของ โยฮัน กรีมงเปรซ ก็จะช็อกเราด้วยการทุบสูตรสำเร็จนั่นจนไม่เหลือซาก แล้วท้าทายความสามารถทางโสตประสาททั้งตาและหูของเราอย่างเอาจริงเอาจัง ด้วยการใช้คลังภาพประวัติศาสตร์จำนวนมหาศาลและบทเพลงนับไม่หวาดไหวมาประกอบสร้างเข้าด้วยกัน ภายใต้การตัดต่ออันหวือหวาเฉียบขาดจนเกิดเรื่องราวซ้อนทับกันหลายชั้น ชนิดที่ถ้าเราดูรอบเดียวก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บความได้ครบ
นอกจากวิธีการนำเสนอ กรีมงเปรซยังแสดงให้เห็นความทะเยอทะยานและกล้าหาญ ด้วยการใช้องค์ประกอบเหล่านี้เป็นเครื่องมือวิพากษ์ประเทศเบลเยียมบ้านเกิดของเขาเองอย่างเจ็บแสบ หนังพุ่งเป้าเจาะลึกลงไปยังบทบาทของเบลเยียมและชาติมหาอำนาจยุคสงครามเย็นต่อคองโกและชาติแอฟริกัน โดยจุดศูนย์ของทุกอย่างคือชายชื่อ “ปาทริซ ลูมูมบา”
ลูมูมบาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของคองโกหลังได้รับเอกราชจากเบลเยียมในปี ค.ศ. 1960 เขาไม่ใช่แค่นักการเมือง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกทางความคิดและเป็นศูนย์รวมใจของชาติใต้อาณานิคมอื่น ๆ ในแอฟริกา ลูมูมบามีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าคองโกควรเป็นเจ้าของทรัพยากรตัวเองและไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณเจ้าอาณานิคมอีกต่อไป
แต่เมื่อเขาป่าวประกาศเรื่องนี้อย่างเปิดเผย เขาก็ถูกมองเป็นภัยต่อโครงสร้างอำนาจตะวันตกทันที
ภายใต้ฉากหน้าที่โลกกำลังเฉลิมฉลองเอกราชของแอฟริกา ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับเบลเยียมกลับเริ่มเข้าแทรกแซงคองโกผ่านการสนับสนุนให้เกิดรัฐประหาร จนในที่สุดลูมูมบาก็ถูกจับกุม ทรมาน และถูกสังหารอย่างโหดร้ายในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1961 ด้วยความเห็นชอบจากชาติตะวันตก อันเป็นเหตุการณ์ที่โลกส่วนใหญ่ไม่รับรู้เพราะข่าวถูกปกปิดไว้นานนับเดือน


ไม่เพียงเท่านั้น สหรัฐอเมริกายังเริ่มต้นกลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ให้ตนเองในฐานะดินแดนแห่งเสรีภาพและความศิวิไลซ์ ผ่านโครงการ “ทูตแจซ” ด้วยการส่งศิลปินแจซระดับตำนานอย่าง หลุยส์ อาร์มสตรอง, ดิซซี กิลเลสพี และ ดุค เอลลิงตัน ไปทัวร์ต่างประเทศ ด้านหนึ่งเพื่อทำหน้าที่เป็นทูตเผยแพร่วัฒนธรรมอันดี แต่อีกด้านก็เพื่อเบี่ยงเบนสายตาของชาวโลกจากปัญหาการเหยียดผิวในอเมริกาเองและสร้างภาพความเป็นชาติประชาธิปไตยเสรีที่น่าเคารพ
...นโยบายนี้ช่างเป็นความย้อนแย้ง ดนตรีแจซที่เกิดจากการดิ้นรนต่อสู้ของคนผิวดำในอเมริกา กลายมาเป็นเครื่องมือของรัฐในการโฆษณาความเป็นเสรีชนในต่างแดนไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าศิลปินแจซทุกคนจะไม่เท่าทันความร้ายกาจนี้ หนังเล่าถึงศิลปินอย่าง แอบบีย์ ลินคอล์น และ แม็กซ์ โรช ซึ่งไม่เพียงสร้างงานดนตรีเพื่อประท้วง แต่พวกเขายังพากันบุกเข้าสู่การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1961 เพื่อประณามการสังหารลูมูมบาอย่างเปิดเผย เหตุการณ์ช่วงนี้เป็นหนึ่งในช่วงที่ทรงพลังมาก ๆ ของสารคดี เพราะเราจะได้ยินเสียงรัวกลองของโรชซึ่งกลายมาเป็นจังหวะหัวใจของขบวนการต่อต้าน สื่อสารความโกรธ ความเศร้า และความไม่ยอมจำนนของยุคสมัยอย่างสุดทรงพลัง



ความเฉียบขาดของกรีมงเปรซอยู่ตรงที่เขาถ่ายทอดพลังเหล่านี้ออกมาได้หมดจด ผ่านการตัดต่อที่แม่นยำ ความฉลาดในการใช้เสียง ผสมผสานเข้ากับภาพเก่า วรรณกรรม และงานออกแบบกราฟิกกระแทกกระทั้นความรู้สึก ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อสร้างความเท่เก๋ไก๋ แต่มันแสดงถึงสายตาและรสนิยมไม่ธรรมดาของเขาที่สามารถจัดตำแหน่งให้ “ศิลปะ” และ “การเมือง” มาอยู่ร่วมเฟรมเดียวกันได้อย่างชวนตื่นตะลึง
สิ่งที่น่าทึ่งมาก ๆ อีกข้อหนึ่งของ Soundtrack to a Coup d'Etat คือหนังทั้งเรื่องไม่มีการสัมภาษณ์ใหม่เลย ทั้งหมดเกิดจากการนำคลังเอกสารทางประวัติศาสตร์มาจัดลำดับ ประกอบเข้ากับจังหวะดนตรีที่ทำให้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซึ่งถูกฝังกลบไปนานนั้นผุดโผล่ขึ้นมาแสดงตัวครั้งใหม่ต่อหน้าต่อตาเรา และที่สำคัญคือ กรีมงเปรซไม่ได้ปฏิบัติต่อเรื่องราวนี้ว่าเป็นแค่ “อดีต” แต่การที่หนังสอดแทรกด้วยภาพตัวแทนของยุคสมัยใหม่ (เช่น ภาพมือถือไอโฟน ภาพรถเทสล่า) ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการกล่าวถึงมันในฐานะโศกนาฏกรรมที่เป็น “แม่แบบ” สำหรับความสัมพันธ์เหี้ยมโหดระหว่างโลกตะวันตกกับทวีปแอฟริกาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเต็มไปด้วยการแทรกแซง การสูบกินทรัพยากร และการควบคุมผ่านสถาบันนานาชาติที่สวมหน้ากากนักบุญผู้ช่วยเหลือ
Soundtrack to a Coup d'Etat เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ปี ค.ศ. 2024 และคว้ารางวัล Special Jury Award for Cinematic Innovation ในสาย World Cinema Documentary ซึ่งมอบให้แก่หนังที่มีวิธีการทางภาพยนตร์โดดเด่นแปลกใหม่ ตามด้วยรางวัลเขียนบทยอดเยี่ยมจากเวทีสำคัญของโลกหนังสารคดีอย่าง International Documentary Association Awards และตบท้ายด้วยการได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาสารคดียอดเยี่ยมประจำปี ค.ศ. 2025

▶ ติดตามสารคดี Soundtrack to a Coup d'Etat สารคดี Essay Film เรื่องดังจากเทศกาลหนังซันแดนซ์ปีล่าสุดที่ได้รับคำชมล้นหลาม ย้อนกลับไปปี 1960 ขณะที่โลกกำลังปั่นป่วนทางการเมืองอย่างรุนแรง สองนักดนตรี "แอ๊บบี้ ลินคอล์น" และ "แม็กซ์ โรช" บุกเข้าไปรบกวนการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application