เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ไม่ว่าจะจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมภาคเหนือ หรือภัยจากเหตุปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา “ศูนย์พักพิง – ศูนย์อพยพ” ถือเป็นสถานที่สำคัญเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้ได้มีชีวิตอย่างปลอดภัย
ศูนย์พักพิง และ ศูนย์อพยพ กลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับหลายชีวิต หลากครอบครัว ที่ต้องลี้ภัยเอาชีวิตรอด Thai PBS พาไปรู้จักและเข้าใจ “ศูนย์พักพิง – ศูนย์อพยพ” คืออะไร ? แล้วสถานที่เหล่านี้ควรเป็นอย่างไร ? มีเรื่องอะไรที่เราควรรู้เมื่อต้องไปอาศัยในศูนย์อพยพและศูนย์พักพิง
1. “ศูนย์พักพิง – ศูนย์อพยพ” เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?
ศูนย์พักพิงหรือชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า ศูนย์พักพิงชั่วคราว (Temporary Shelter) และ ศูนย์อพยพ (Refugee camp) ถือเป็นสถานที่ปลอดภัยเพื่ออยู่อาศัยของผู้คนที่ต้องย้ายออกจากที่อยู่อาศัยในช่วงเวลาหนึ่ง มีจุดแตกต่างที่ขนาดของสถานที่ และระยะเวลาที่ให้อยู่อาศัย
ศูนย์พักพิงชั่วคราว เป็นสถานที่เพื่อหลบภัยในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพื่อไว้หลบภัยระยะสั้นได้แก่ ภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งจากน้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว มักจะใช้อยู่อาศัยเป็นเวลาไม่นาน อาจจะ 2 – 3 วัน หรือไม่กี่เดือน มีผู้เข้าพักจำนวนไม่กี่ร้อยคน ขึ้นอยู่กับระดับของภัยพิบัติหรือเหตุวิกฤตที่เผชิญ
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พักพิงชั่วคราวอาจต้องมีการให้บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพิ่มเติม หากกรณีเหตุวิกฤตเกิดความไม่แน่นอน และขยายเวลายาวนานยิ่งขึ้น สิ่งที่ศูนย์พักพิงต้องให้ความสำคัญจึงเป็นเรื่องของความปลอดภัย และการอยู่รอดของผู้ที่ลี้ภัยมาอยู่อาศัย ขณะที่การให้บริการหรือการพัฒนาโครงสร้างทางสังคมสำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาวจะมีการให้ความสำคัญน้อยกว่า และเน้นที่การเยียวยาเพื่อกลับสู่ที่อยู่อาศัยเดิมโดยเร็ว
ศูนย์อพยพ เป็นสถานที่ลี้ภัยเพื่ออยู่อาศัยเป็นเวลานาน มักใช้ในกรณีเหตุความรุนแรงที่เกิดวิกฤตในพื้นที่เป็นเวลานาน เช่น ภัยจากการก่อการร้าย สงคราม ความขัดแย้ง ระยะเวลาการอยู่อาศัยอาจเป็นหลักปี หรือทศวรรษ ขึ้นอยู่กับสถานะของผู้ลี้ภัยว่าจะสามารถกลับบ้านได้หรือไม่ มักมีการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ที่รองรับผู้อพยพหลายร้อยหรือหลายพันคน
ด้วยเหตุนี้เอง ศูนย์อพยพจึงถูกออกแบบสร้างให้อยู่ถาวร เน้นพัฒนาให้เกิดโครงสร้างทางสังคมที่ผู้คนต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน หลายครั้งที่ศูนย์อพยพเหล่านี้มีการอยู่อาศัยถาวรนานหลายปี และต้องมีการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อผู้อาศัยทั้งหมดด้วย
ทั้งนี้ การมีอยู่ของศูนย์พักพิง และ ศูนย์อพยพ มีขึ้นตามหลักมนุษยธรรมท่ามกลางช่วงวิกฤตจึงกลายเป็นที่อยู่ของผู้คนที่มาจากหลายพื้นที่ เพื่อให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และมีสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เพียงพอ
2. ขั้นตอนก่อตั้ง “ศูนย์พักพิง – ศูนย์อพยพ” สิทธิป้องกันสาธารณภัยเพื่อชีวิตที่ต้องดำเนินต่อได้
ศูนย์พักพิงชั่วคราว รวมถึง ศูนย์อพยพ ต่างก็เป็นสถานที่ชั่วคราวที่จัดให้ผู้ประสบภัยได้อยู่อาศัย ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยมีระบุไว้ในพรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ซึ่งมีการกำหนดหลักการทำงานต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้รับมือตามแผนการต่าง ๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้
การวางแผนจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว
คัดเลือกทำเลที่ตั้งของศูนย์พักพิงชั่วคราว เลือกอาคารสถานที่ต้องมีความแข็งแรง ปลอดภัย วางผังการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมรองรับกลุ่มเปลาะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ จัดให้มีระบบสาธารณูปโภคที่มีความจำเป็นพื้นฐาน เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า คมนาคม จัดให้ผู้อาศัยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามมาตรฐานสากล เช่น กำหนดให้ผู้พักอาศัยไม่แออัดเกินไป ห้องน้ำ 1 ห้อง ต่อผู้พักพิง 20 คน เป็นต้น และมีการจัดหางบประมาณเพื่อมาจัดการศูนย์พักพิงทั้งหมด ตลอดจนกำหนดกลไกการบริหารจัดการต่าง ๆ
การบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว
เมื่อเริ่มเปิดใช้งานศูนย์พักพิงชั่วคราว ต้องมีการบริหารจัดการ เริ่มตั้งแต่การคัดกรองผู้พักพิง บริหารจัดการพื้นที่ สภาพความเป็นอยู่ การกำหนดให้เกิดระบบระเบียบต่าง ๆ ให้ผู้พักพิงมีคุณภาพชีวิตที่ดี และได้รับบริการและการคุ้มครองขั้นต่ำตามหลักสากล เช่น การดูแลด้านความปลอดภัย การจัดการด้านอาหาร สุขาภิบาล สุขภาพ อนามัย มีการรักษาพยาบาลและป้องกันโรค
ในส่วนของการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราวที่อ้างอิงกับมาตรฐานสากลนั้น มีการกำหนดไว้ในเอกสาร camp management toolkit ที่จัดทำร่วมกันโดยหน่วยงานระดับนานาชาติได้แก่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration – IOM)
การปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว
ขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสถานการณ์วิกฤตคลี่คลายแล้ว หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ ในขั้นนี้จะมีการดำเนินการจัดเตรียมเอกสาร ประสานงานเพื่อการอพยพส่งกลับที่อยู่เดิม มีแผนการกำหนดระยะเวลาในการปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวและประชาสัมพันธ์วัน - เวลา พร้อมสื่อสารขั้นตอนปฏิบัติทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนการอพยพกลับและการจัดการซ่อมแซมอาคารที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงให้เหมือนเดิมก่อนส่งคืน
3. “เด็ก – ผู้หญิง – คนแก่ – ผู้พิการ” ในศูนย์พักพิง กลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ท่ามกลางภาวะวิกฤตเมื่อมีการอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว กลุ่มเปราะบางอันได้แก่ เด็ก ผู้หญิง คนแก่ ผู้พิการ ถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานสากลซึ่งมีข้อควรรู้ที่แตกต่างกันไป
กลุ่มเด็ก ที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว หรือกลายเป็นเด็กกำพร้า อาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกละเมิด ต้องมีนักจิตวิทยาเด็กและนักสังคมสงเคราะห์ให้การดูแล
นอกจากนี้ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตที่ยาวนาน เด็กอาจขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่จบการศึกษาตามกฎหมายกำหนด ศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือศูนย์อพยพจึงต้องมีการพิจารณาจัดการศึกษาต่อเนื่อง จัดการเรียนการสอนเป็นกรณีพิเศษ
กลุ่มผู้หญิง มักถูกมองข้ามทั้งที่ได้รับผลกระทบมากว่าผู้ชาย มีความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของการข่มขู่และแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ จึงต้องมีแนวทางการดูแลกลุ่มผู้หญิง
ตัวอย่างเช่น มีตัวแทนผู้หญิงในสัดส่วนที่เหมาะสมในคณะกรรมการบริหารจัดการศูนย์พักพิง จัดถุงยังชีพให้เหมาะกับความต้องการของผู้หญิง รักษาความปลอดภัยโดยให้มีระยะห่างของที่นอน แยกห้องน้ำชาย - หญิง มีแสงสว่างที่เพียงพอ จัดพื้นที่เฉพาะสำหรับแม่ให้นมบุตร จัดห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามิดชิดให้สำหรับผู้พิการหญิง
กลุ่มคนพิการ มักพบความยากลำบากมากขึ้น การให้ความช่วยเหลือต้องคำนึงถึงข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น มีห้องน้ำที่ผู้พิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ จัดให้มีของใช้ ยา อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น หรือต้องอพยพต่อไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของคนพิการหรือไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ให้การดูแลได้
กลุ่มผู้สูงอายุ ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจมากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ สภาพร่างกายมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว รวมถึงการได้ยินและการตัดสินใจต่าง ๆ รวมถึงสภาพจิตใจที่อ่อนไหวและมักจะไม่อยากอพยพเคลื่อนย้าย มีความยากลำบากในการปรับตัว มักจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่บ้านมากกว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตลำพังหรือใช้ชีวิตกับผู้สูงอายุด้วยกัน หากขาดญาติพี่น้องหรือกลุ่มเพื่อนสังคมที่รู้จักกัน จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการช่วยเหลือเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแล เช่น เดินไม่ได้ มีโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาและรับยาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์พักพิงชั่วคราวจึงต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ ยา และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือไว้เสมอ
4. เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องอพยพไปยัง “ศูนย์พักพิง – ศูนย์อพยพ”
ในกรณีที่การอพยพสามารถเตรียมตัวได้ เช่น มีประการพื้นที่ภัยพิบัติที่ต้องอพยพ การเตรียมสิ่งของจำเป็นถือเป็นสิ่งสำคัญ รายละเอียดบางอย่างอาจแตกต่างกันไปตามเหตุฉุกเฉินที่พบเจอ น้ำท่วมอาจต้องเตรียมเก็บของในกระเป๋าที่ป้องกันความชื้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อแนะนำพื้นฐานที่คุณควรรู้เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น สรุปรวมจากคู่มือการรับมือภัยพิบัติจากกระทรวงมหาดไทย และคู่มืออพยพจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มีอะไรควรเตรียมตัวบ้าง ? ไปดูกัน
เตรียมถุงยังชีพฉุกเฉิน
หากอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง คุณอาจพิจารณาเตรียมถุงยังชีพที่มีการจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเอาไว้ ในถุงยังชีพควรประกอบไปด้วย เครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง น้ำดื่มสะอาดบรรจุขวด ไฟฉาย ยารักษาโรค ยาประจำตัว และควรจดบันทึกชื่อยาไว้เพื่อให้แพทย์ในศูนย์พักพิง สิ่งของทั้งหมดนี้ควรเตรียมไว้ใช้ได้อย่างน้อย 3 – 4 วัน เพื่อใช้ระหว่างการเดินทางอพยพ กรณีการอพยพมีเด็กหรือคนชราร่วมทางด้วย ควรเตรียมน้ำดื่มและขนมขบเคี้ยวสำหรับการเดินทางไกลไว้ด้วย
เอกสารสำคัญเก็บอย่างมิดชิด
การเข้าสู่ศูนย์พักพิงมีขั้นตอนของการลงทะเบียน การมีเอกสารต่าง ๆ สำหรับยืนยันตัวตนจะมีส่วนช่วยให้การจัดการต่าง ๆ ง่ายขึ้น จึงควรเตรียมเอกสารจำเป็นสำหรับยืนยันตัวตน อาทิ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร สำเนาเอกสารเกี่ยวกับสุขภาพ บัตรประกันสังคม กรมธรรม์ประกันชีวิต รวมถึงภาพถ่ายครอบครัว สามารถทำสำเนาไว้หลาย ๆ ชุดเพื่อป้องกันการสูญหายได้
การจัดกลุ่มรวมตัว
การอพยพหลายคนสามารถใช้การจัดกลุ่มเพื่อช่วยประสานงานและช่วยเหลือกันและกันได้ ไม่ว่าจะการรวมกลุ่มของสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนเพื่อนบ้าน โดยสามารถตั้งชื่อกลุ่ม กำหนดหัวหน้ากลุ่ม เลือกผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงและไม่มีภาระดูแลเด็กหรือคนชรา เพื่อสามารถให้การช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มคนอื่น และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ได้ เช่น การแจ้งลงทะเบียนเข้าศูนย์พักพิง รวมถึงเช็กสมาชิกกลุ่มเพื่อประสานงานกรณีมีการอพยพ นอกจากนี้การจัดกลุ่มยังช่วยในการกรจายข่าวสารให้กันและกันได้อีกด้วย
กรณีมีสัตว์เลี้ยงต้องระวังการพลัดหลง
หากคนเลี้ยงสัตว์ต้องการนำสัตว์เลี้ยงอพยพไปด้วย เจ้าของต้องทำป้ายชื่อที่มีชื่อและเบอร์ติดต่อเจ้าของ ปลอกคอ และต้องใส่กรงหรือนำสายจูงไปด้วย มีหลักฐานรับรองการฉีดวัคซีน เตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอกับสัตว์ และควรพกรูปสัตว์เลี้ยงติดตัวสำหรับกรณีพลัดหลงด้วย
ศูนย์พักพิงชั่วคราว - ศูนย์อพยพ ถือเป็นสถานที่อยู่อาศัยในยามวิกฤติ แต่หลายชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป เหตุวิกฤตบางอย่างกินเวลายาวนาน การวางแผนพัฒนาให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีส่วนช่วยให้ผู้พักพิงได้มีชีวิตที่ดีขึ้น และเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
อ้างอิง
- สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
- องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID)
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย