ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Secret Story | The Gleaners and I เก็บเกี่ยวชีวิตและศิลปะในโลกที่ ‘เหลือทิ้ง’


Lifestyle

ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

แชร์

Secret Story | The Gleaners and I เก็บเกี่ยวชีวิตและศิลปะในโลกที่ ‘เหลือทิ้ง’

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3013

Secret Story | The Gleaners and I เก็บเกี่ยวชีวิตและศิลปะในโลกที่ ‘เหลือทิ้ง’

การนำเสนอความจริงอย่างเรียบง่าย แต่ด้วยสายตาอันงดงามและความคิดที่ลึกซึ้ง คือจุดเด่นและเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังสารคดีฝีมือ อานเญส วาร์ดา ผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศสผู้ล่วงลับ เธอเป็นที่รักของนักดูหนังทั่วโลกด้วยผลงานระดับคลาสสิกมากมายหลายเรื่อง อาทิ Cléo from 5 to 7 (1962), Vagabond (1985), The Beaches of Agnès (2008), Faces Places (2017) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ The Gleaners and I (2000) เรื่องนี้ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการบันทึกวิถีชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่เธอยังกระตุกให้เราเปิดมุมมองใหม่ เห็นคุณค่าในสิ่งที่อาจมองข้าม และชี้ชวนให้ตั้งคำถามถึงการบริโภคในสังคมสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความสิ้นเปลือง

แก่นของ The Gleaners and I คือแนวคิดเรื่อง ‘การเก็บตก’ (Gleaning) ซึ่งวาร์ดาพาเราไปสำรวจในหลากหลายมิติ เริ่มจากการปูพื้นว่า การเก็บตกนั้นเป็นประเพณีเก่าแก่ที่ผู้คนชวนกันไปเก็บรวบรวมพืชผลที่หล่นเหลืออยู่ตามทุ่งนา (หลังจากเจ้าของนาเก็บเกี่ยวผลผลิตหลักไปแล้ว) จากนั้นเธอกับกล้องของเธอก็ออกเดินทางไปทำความรู้จักคนเก็บตกในชนบทของฝรั่งเศสที่หยิบเก็บมันฝรั่งหรือองุ่นที่หลงเหลือ ก่อนขยายขอบเขตออกไปอีกสู่บริบทของเมืองได้อย่างน่าสนใจ เราจะได้เห็นคนเก็บของเก่าในตลาด คนยากไร้ที่เก็บอาหารจากถังขยะ หรือแม้กระทั่งศิลปินที่นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I
ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

ทำไมคนเราต้องไปเก็บตกของที่คนอื่นทิ้งแล้ว? หนังบอกกับเราว่า แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำเช่นนี้มีมากมาย ทั้งเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด หรือบางคนก็ทำเพราะเป็น ‘ทางเลือกเชิงจริยธรรม’ ในการต่อต้านวัฒนธรรมการบริโภคอันฟุ่มเฟือยไร้สาระ ประเด็นหลังสุดนี้หนังชวนคิดได้น่าสนใจมาก ๆ ว่า ในยุคสมัยที่เรามีอาหารเหลือเฟือและยึดติดกับการบริโภคพืชผักผลไม้รูปร่างสวยงามสมบูรณ์แบบ จนทำให้อาหารที่ไม่ได้มาตรฐานหรือบริโภคไม่หมดต้องถูกทิ้งขว้างกันอย่างมหาศาลนั้น ก็ยังมีผู้หิวโหยอีกมากที่ต้องพึ่งพามันเลี้ยงปากท้อง ซึ่งนี่เป็นความเหลื่อมล้ำที่หนังนำเสนออย่างนุ่มนวล แต่ทำให้เราต้องตระหนักอย่างเจ็บปวดแสบสันว่า สังคมของเรากำลังให้คุณค่ากับสิ่งใดและกำลังทอดทิ้งสิ่งใดอย่างไม่ไยดี

นอกจากบอกเล่าเรื่องของคนที่เก็บตกเพราะความจำเป็นแล้ว คำว่า ‘Gleaner’ ของวาร์ดายังกินความอีกหลากหลาย เธอนำเสนอเรื่องของคนที่เเก็บตกเพื่อความสุขส่วนตัว เชฟระดับมิชลิน และเจ้าของไร่องุ่น ด้วยสายตาที่ปราศจากการวิพากษ์วิจารณ์ตัดสิน แต่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเข้าอกเข้าใจซึ่งทำให้หนังของเธอยิ่งน่ารักและลุ่มลึกด้วยในเวลาเดียวกัน

ความเก๋อีกประการของวาร์ดาคือ เธอมักนำประเด็นของบุคคลในหนังมาร้อยเรียงเข้ากับชีวิตของเธอในมุมใดมุมหนึ่ง ในที่นี้วาร์ดาเปรียบเทียบตัวเองในฐานะคนทำหนังว่าก็อาจจัดเป็นนักเก็บตกประเภทหนึ่งเช่นกัน เพราะเธอ ‘เก็บรวบรวม’ ทั้งภาพ เรื่องราว และความคิดต่าง ๆ จากโลกที่เห็นผ่านเลนส์กล้องเพื่อนำมาประกอบสร้างเป็นงานศิลปะนั่นเอง

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I
ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

วาร์ดาถ่ายทำ The Gleaners and I โดยใช้กล้องวิดีโอแบบมือถือ (DV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในขณะนั้น และมันก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ให้อิสระแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของอุปกรณ์ฟิล์มราคาแพงและสามารถเข้าถึงผู้คน สถานที่ ได้อย่างเป็นกันเองและใกล้ชิดมากขึ้น ทำให้เธอก้าวข้ามจากสถานะของ ‘คนทำสารคดีผู้สังเกตการณ์จากภายนอก’ ไปสู่การเป็น ‘ส่วนหนึ่งของเรื่องราว’ ได้ในที่สุด (ด้วยการที่เธอปรากฏตัวในหนังบ่อยครั้ง ทั้งมาเป็นเสียงบรรยายและมาแบบเห็นหน้า) 

การที่ผู้กำกับปรากฏตัวในงานของตัวเองเช่นนี้ถือเป็นวิธีที่ท้าทายมาก เพราะเธอจะต้องวางตัวอย่างพอดิบพอดี ไม่คุกคามซับเจ็กต์และไม่ชี้นำคนดูจนกลายเป็นเผด็จการหน้ากล้อง ซึ่งวาร์ดาก็ทำสำเร็จตามนั้น เธอทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังนั่งดู ‘หนังส่วนตัว’ ของเธอที่ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น มีอารมณ์ขัน ราวกับเรากำลังติดตามเพื่อนผู้มีวุฒิภาวะที่พาเราไปค้นพบความงามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ละทิ้งประเด็นทางสังคมที่จริงจังและมีความสำคัญ

The Gleaners and I ไม่เพียงถ่ายทอดเรื่องของการเก็บตก แต่ยังสำรวจความคิดเกี่ยวกับชีวิต ความชรา และศิลปะของตัววาร์ดาเองอย่างลึกซึ้งด้วยพร้อมกัน เธอใช้ภาพของร่างกายที่ร่วงโรยของเธอ สัญลักษณ์ของกาลเวลาอย่างนาฬิกาที่ไม่มีเข็ม หรือแม้กระทั่งมันฝรั่งรูปหัวใจที่เก็บได้ระหว่างการถ่ายทำ มาเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องความเสื่อมโทรมและความงามของสิ่งที่เรามักมองว่าถูกทิ้งขว้างหรือพ้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เธอมองเห็นความงามและชีวิตในสิ่งที่กำลังจะสูญสลาย และเธอก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของศิลปะซึ่งเกิดขึ้นได้จากสิ่งธรรมดาสามัญ

ในแง่นี้ สารคดีเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าการบันทึกความจริง แต่เป็นการเดินทางทางความคิดของผู้กำกับที่ชวนให้ผู้ชมอย่างเราหันกลับมามองโลกในมุมที่ต่างจากเดิม วาร์ดาไม่ได้เรียกร้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่เธอทำก็มีความเป็นการเมืองอย่างมากในรูปแบบของเธอเอง เพราะเธอเย้าแหย่ให้เราไตร่ตรอง ตั้งคำถาม และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมองข้าม...อันมิได้หมายถึงแค่หัวมันหรือเศษอาหาร แต่รวมถึงเพื่อนมนุษย์รอบตัวของเราเองด้วย

ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I
ภาพจากสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I

▶ ติดตามสารคดี The Gleaners and I "อานเญส วาร์ดา" สำรวจชีวิตในโลกยุคสมัยใหม่ของเหล่า "นักเก็บ" ผู้เลี้ยงชีพด้วยการเก็บสิ่งของที่ถูกสังคมโยนทิ้ง วาร์ดาติดตามพวกเขาอย่างสนุกสนานและถ่ายทอดด้วยสายตาของคนที่มองเห็น ความงามในทุกสิ่งไม่ว่าสิ่งนั้นจะคือความแก่ชราหรือเป็นแค่มันฝรั่งที่บังเอิญเกิดมารูปร่างเหมือนหัวใจ นอกจากนั้นเธอยังใช้หนังสะท้อนตัวของเธอไปด้วยในเวลาเดียวกัน ขณะที่ผู้คนในหนังเก็บสิ่งของรอบกาย เธอก็เป็นนักเก็บภาพเคลื่อนไหวและความคิด ทั้งสองมิตินี้ประสานเข้าด้วยกัน ทั้งขี้เล่น เป็นปรัชญา และรุ่มรวยไปด้วยความเป็นมนุษย์

รับชมได้ทาง www.VIPA.me หรือ VIPA Application
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

VIPAVIPA Best DocumentaryVIPAdotMeสารคดี VIPADocumentary Clubธรรมชาติ
ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

ผู้เขียน: ธิดา ผลิตผลการพิมพ์

ผู้ก่อตั้ง Documentary Club คลับของคนรักสารคดี และหนังนอกกระแส

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด