‘เมาแล้วขับ’ เป็นพฤติกรรมที่ทั้งผิดกฎหมายและเสี่ยงให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น แต่ถ้ามีคนนั่งข้าง ๆ ติดมาด้วย คนที่ไม่ได้ขับจะมีความผิดด้วยหรือไม่ ?
เราเห็นในข่าวหลายครั้งว่า คนที่เมาแล้วขับนั้นไม่ได้ขับขี่คนเดียว แต่มีผู้โดยสารคนอื่น ๆ (ที่มักจะเมามายไม่ได้สติเช่นกัน) นั่งมาในรถด้วย เมื่อเจอด่านตรวจ ทั้งคนขับและคนนั่งก็ลุกลี้ลุกลน และปฏิเสธการตรวจของเจ้าพนักงาน Thai PBS จึงขอพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมกันว่า มีกรณีใดบ้างที่ผู้โดยสารที่นั่งรถมากับคนเมาแล้วขับจะถูกควบคุมตัว และพาทุกคนมาทบทวนโทษของการเมาแล้วขับครับ

“3 เหตุแห่งการเกม” ของผู้โดยสารที่นั่งรถไปกับคนเมาแล้วขับ
กฎหมายไทยไม่ได้กำหนดความผิดโดยตรงต่อผู้โดยสารที่นั่งรถมากับผู้ที่เมาแล้วขับ แต่ผู้โดยสารคนนั้นก็มีสิทธิ “เกม” และถูกจับได้เหมือนกัน หากกระทำความผิดในลักษณะดังต่อไปนี้
กรณีแรกที่ผู้โดยสารอาจถูกควบคุมตัวเพราะสุราเมรัยก็คือ ‘การดื่มในรถ’ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ. 2555 ข้อ 1 ห้ามผู้ขับขี่และผู้โดยสารดื่มแอลกอฮอล์บนรถหรือในรถ หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การกระทำเช่นนี้จะผิดกฎหมายต่อเมื่อมีการดื่มกินในรถ ‘บนทางสาธารณะ’ เท่านั้น แต่ถึงจะอยู่บนทางส่วนบุคคลหรือที่ใดก็ไม่ควรที่จะดื่มในรถอยู่ดี เพราะเสี่ยงที่จะคึกคะนองจนขับรถบนถนนใหญ่ครับ
กรณีถัดมาคือ หากผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับนั้นถูกควบคุมตัว แล้วผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยเกิดเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อน จนด่าทอดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่กำลังปฏิบัติงานตามหน้าที่ ถือว่าเข้าข่ายผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากสถานการณ์เลยเถิดไปเป็นการ ‘ต่อสู้หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน’ ก็ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน ตามมาตรา 138
กรณีที่สามคือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุใหญ่จากคนเมาแล้วขับ แล้ว ‘สลับตัว’ ให้คนนั่งข้างหรือใครก็ตามมานั่งหลังพวงมาลัยแทน หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบในภายหลังว่า ผู้ที่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ที่กระทำความผิดเป็นคนละคนกัน ก็จะเข้าค่ายความผิด ‘2 เด้ง’ ตามมาตรา 137 และ 172 ได้แก่ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่เจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งยังอาจถูกดำเนินคดีฐานอื่น ๆ และถูกบริษัทประกันภัยฟ้องร้องย้อนหลังได้ครับ

เตือนความจำกันสักนิด โทษเมาแล้วขับในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ปัจจุบันนี้ กฎหมายเอาผิดผู้ที่เมาแล้วขับเข้มงวดรุนแรงมากขึ้น และไม่สามารถ “เคลียร์” หรือยอมความให้จบได้อย่างที่หลายคนอาจเข้าใจ จากกฎกระทรวงการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่ พ.ศ. 2567 ผู้ขับขี่ที่เข้าเกณฑ์เมาแล้วขับแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) ผู้ขับขี่ทั่วไปที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม และ 2) ผู้ขับขี่อายุน้อยกว่า 20 ปี หรือผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี รวมถึงผู้ที่ไม่มีหรือถูกเพิกถอนใบขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัม
ปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจตามด่านตรวจจะขอให้ผู้ขับขี่เป่าลมเพื่อตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผ่านเครื่อง หากผู้ขับขี่ปฏิเสธการเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก็จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้เมาแล้วขับทันที อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ไม่สามารถวัดระดับแอลกอฮอล์จากลมหายใจได้ ก็จะใช้ปัสสาวะหรือเลือดในการตรวจแทนโดยที่เจ้าพนักงานต้องได้รับความยินยอมจากผู้ขับขี่และเก็บตัวอย่างตามกฎระเบียบและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ส่วนโทษเมาแล้วขับในสถานการณ์ต่าง ๆ นั้น มีดังนี้
- เมาแล้วขับครั้งแรก: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมถูกพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่ และถ้าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้ทดสอบวัดระดับแอลกอฮอล์ ปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
- เมาแล้วขับซ้ำภายใน 2 ปีนับจากครั้งแรก: จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท พร้อมถูกพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่
- เมาแล้วขับจนชนคนได้รับบาดเจ็บ: จำคุกระหว่าง 1-5 ปี และปรับ 20,000-100,000 บาท พร้อมถูกพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่
- เมาแล้วขับจนชนคนได้รับบาดเจ็บสาหัส: จำคุกระหว่าง 2-6 ปี และปรับ 40,000-120,000 บาท พร้อมถูกพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่
- เมาแล้วขับจนชนคนเสียชีวิต: จำคุกระหว่าง 3-10 ปี และปรับ 60,000-200,000 บาท พร้อมถูกเพิกถอนใบขับขี่ตลอดชีวิต
ทั้งหมดนี้คือกฎหมายเกี่ยวกับการเมาแล้วขับที่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องรู้ เมื่อใดก็ตามที่จะไปกินดื่มสังสรรค์ ทุกคนต้องไม่ “หาทำ” ขับรถเอง แต่ต้องโบกแท็กซี่ กดแอปพลิเคชันเรียกรถ หรือใช้ขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ แทน (และอย่าอาเจียนใส่ใครเขา) เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ ครับ

อ้างอิง
- Facebook: กระทรวงยุติธรรม
- Facebook: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- Q&A : พูดจาให้ร้ายเจ้าพนักงาน มีความผิดหรือไม่?, สำนักงานกิจการยุติธรรม
- กฎกระทรวงฉบับใหม่ การทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ปี 2567 หากแอลกอฮอล์ในเลือด เกิน 20 มก.เปอร์เซ็นต์ ในผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี ถือว่าเมาแล้วขับ, กรมประชาสัมพันธ์
- กฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่: เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน, สำนักงานกิจการยุติธรรม
- กระทรวงยุติธรรม แนะนำกฎหมายน่ารู้ “ดื่มไม่ขับ แต่นั่งดื่มดูเพื่อนขับ ผิดกฎหมาย”, GCC
- ประมวลกฎหมายอาญา, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผ่าน สำนักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม)
ติดตามบทความและเรื่องราวทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW: www.thaipbs.or.th/now
