ใครที่ใช้รถไฟฟ้าเดินทางเป็นประจำในช่วงนี้ น่าจะกำลังรู้สึกถึงความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โครงการระดับเรือธงของรัฐบาลที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้งานเมื่อไหร่ ? จะเลื่อนจากกำหนดการใหม่ไปอีกไหม ? จะรีบให้ลงทะเบียนกันไปทำไม ? แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนน่าจะเต็มใจรอ เพราะรถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่าย จบปัญหาค่าเดินทาง ประหยัดค่าครองชีพในแต่ละวันได้เป็นจำนวนมาก
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาค่าใช้จ่ายกำลังจะถูกบรรเทาให้เบาบาง แต่ปัญหาความสะดวกในการเดินทางของผู้ใช้บริการยังคงอยู่ เป็นปัญหาที่คาราคาซังมานาน และมาพร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมบัตรรถไฟฟ้าถึงไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ทุกสายสักที ? Thai PBS NOW ชวนผู้อ่านทุกท่านตามไปดูสาเหตุของปัญหา เพราะอะไรถึงไม่สามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทุกสายได้ด้วยบัตรใบเดียว ติดขัดที่ตรงไหน วิธีแก้ไขควรทำอย่างไร และเมื่อไหร่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแบบไร้รอยต่อจะมาถึงสักที
รถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่ใช้ระบบและเทคโนโลยีต่างกัน
น่าจะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสัมปทานรถไฟฟ้าที่มีอยู่มากมายหลายสายนั้นไม่ได้มีเจ้าของเดียวกันแยกกันดูแล เช่น รถไฟฟ้า BTS (สายสีเขียว) อยู่ในการดูแลของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร ส่วน รถไฟฟ้า MRT (สายสีน้ำเงินและสีม่วง) ให้บริการโดย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) อยู่ในการดูแลของ รฟม. ปัญหาคือทั้งสองบริษัทต่างใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บค่าโดยสารที่แตกต่างกัน
เมื่อรูปแบบในการจัดเก็บมีความแตกต่างกัน การใช้งานร่วมกันจึงมีความเป็นไปได้ยาก กล่าวคือ "บัตรแรบบิท" ของ รถไฟฟ้า BTS เป็นระบบที่ไม่ได้จำกัดแค่การเดินทาง แต่ขยายไปสู่การเป็น e-Wallet ใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ ด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับ “บัตร EMV” ของ รถไฟฟ้า MRT ที่อยู่ในฐานะบัตรเติมเงิน คอยตัดเงินเข้าออกเวลาที่ใช้บริการ ครอบคลุมต่อเนื่องไปยังบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ใช้แตะเข้าสถานีได้เลย ซึ่งการที่จะทำให้ระบบที่แตกต่างกันหันมาอ่านบัตรของกันและกันได้นั้น จำเป็นต้องมีการลงทุนอัปเกรดทั้งระบบซึ่งเป็นสิ่งที่มีความยุ่งยาก ต้องใช้เงินลงทุนสูง และทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบให้สามารถใช้ร่วมกันได้ ?
ผลประโยชน์ทางธุรกิจเหนือรางรถไฟฟ้า
ค่าโดยสารคือเม็ดเงินหมุนเวียนที่สำคัญที่สุดของผู้ให้บริการรถไฟฟ้า แต่หากใช้บัตรใบเดียวกัน ระบบเดียวกัน การบริหารจัดการจะเกิดความยุ่งยากทางธุรกิจตามมาเพราะเป็นบริษัทคนละบริษัท ปัญหาจุดนี้คือสิ่งผู้ให้บริการติดขัดกันมากที่สุด เพราะยังคงไม่มีข้อกำหนดที่แน่ชัดว่าจะทำการบริหารจัดการอย่างไร แบ่งรายได้กันในสัดส่วนเท่าไหร่ ใครจะเป็นผู้ดูแล และทำอย่างไรให้โปร่งใสเป็นมาตรฐานและเป็นธรรมกับผู้ให้บริการมากที่สุด
นอกจากนี้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกอย่างก็คือ ระบบที่เคยใช้งานอยู่จะเป็นอย่างไรต่อไป เช่น บัตรแรบบิทของ BTS ได้สร้าง Ecosystem ของบัตรแรบบิทให้เป็นมากกว่าบัตรเดินทาง เป็นบัตรที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในรูปแบบ e-Wallet มีพันธมิตรที่ช่วยสร้างผลประโยชน์ร่วมทางธุรกิจเป็นจำนวนมาก การเปลี่ยนรูปแบบมาใช้เทคโนโลยีระบบเดียวกัน ย่อมส่งผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจ ผู้ให้บริการก็จำเป็นที่ต้องหาทางแก้ไขเพื่อคงประโยชน์ที่เคยได้รับมา
รัฐออกข้อบังคับใช้ ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าได้หรือไม่
การออกข้อบังคับใช้เป็นทางออกที่ดี แต่น่าเสียดายที่การทำสัญญาสัมปทานที่ภาครัฐเคยทำไว้กับภาคเอกชนไว้ไม่ได้มีการบังคับเรื่องการเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วม ทำให้รัฐไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปบังคับให้เอกชนต้องเข้าร่วม เพราะถือเป็นการกระทำที่นอกเหนือข้อตกลงและอาจนำไปสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ สิ่งที่รัฐทำได้คือการ "เจรจาขอความร่วมมือ" ซึ่งที่ผ่านมาก็ติดขัดเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบ และรูปแบบการแบ่งรายได้ที่ไม่ลงตัวอย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ ทำให้การเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เป็นการติดกับดักของสัญญาในอดีตที่ไม่ได้มองไกลถึงเรื่องระบบตั๋วร่วม ทำให้ขาดเครื่องมือทางกฎหมายที่จะบังคับใช้ได้นั่นเอง
พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ทางออกรถไฟฟ้าในอนาคต
สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้กลายเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งในการออก พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ในการช่วยแก้ไขปัญหา โดยกฎหมายฉบับนี้จะเป็น "กฎหมายกลาง" ที่ให้อำนาจรัฐในการกำกับดูแลผู้ให้บริการขนส่งมวลชนทุกราย วางกรอบกฎหมายเพื่อจัดตั้งระบบตั๋วร่วมที่ใช้บัตรใบเดียวเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้ทุกรูปแบบ เพื่อความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน โดย พ.ร.บ. ดังกล่าว มีเนื้อหาใจความที่น่าจะพอทำให้เราเห็นภาพขนส่งสาธารณะในอนาคตได้ดังนี้
- จัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม กำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน และใช้เป็นมาตรฐานกลาง สำหรับการให้บริการระบบตั๋วร่วมในอนาคต และสำหรับผู้ให้บริการในปัจจุบันที่จะเข้าสู่ระบบตั๋วร่วม
- กำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม โดยกฏหมายนี้หน่วยงานรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคตด้วย
- จัดตั้ง "กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม" เงินกองทุนดังกล่าวสามารถนำไปใช้สนับสนุนการดำเนินการของผู้ประกอบการที่สอดคล้องกับการดำเนินงานของภาครัฐ
- จัดตั้ง "ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง" ภายใต้กฎหมาย เพื่อทำหน้าที่จัดสรรรายได้ระหว่างผู้ให้บริการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ช่วยรับส่งข้อมูลการใช้งาน คำนวณปริมาณการใช้งาน รวมทั้งจำนวนเงินการใช้งานของระบบตั๋วร่วมจากการทำธุรกรรมในระบบขนส่ง เพื่อจัดสรรรายได้และหักบัญชี ลดข้อขัดแย้งทางธุรกิจ
แต่อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อบังคับอย่างที่ได้กล่าวไปเป็นการเจรจาขอความร่วมมือ ผู้ให้บริการรายเก่าหากประสงค์ที่จะเข้าสู่ระบบ และมีสิทธิได้รับการสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วม จะต้องขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายนี้ และต้องปรับปรุงเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด แต่หากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามเดิม แต่จะไม่มีสิทธิได้รับการสนับสนุนจากกองทุนตั๋วร่วม ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ หน่วยงานของรัฐจะต้องนำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการทำสัญญาสัมปทาน ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด เชื่อมต่อระบบถึงกันได้
อีกนานแค่ไหน รถไฟฟ้าทุกสายถึงจะได้ใช้บัตรใบเดียว
ความฝันในการใช้ตั๋วร่วมอาจไม่นานเกินรอ เพราะล่าสุดนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้ออกมาทำการเปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม มีกำหนดจะเข้าสภาฯ ซึ่ง สส.พิจารณาไปแล้ว 35 มาตรา จากทั้งหมด 56 มาตรา จากนั้นจึงเป็นกำหนดพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ ซึ่งมี 10 มาตรา ก่อนเสนอเข้า สว.ตามลำดับ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย
ดังนั้นจากข้อมูลทั้งหมดที่เราทราบในตอนนี้ น่าจะพอทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าตั๋วร่วมที่สมบูรณ์แบบน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ภาพฝันที่ผู้ใช้บริการคมนาคมขนส่งสาธารณะวาดไว้ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมแค่รถไฟฟ้า แต่ยังครอบคลุมไปถึงขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบภายในประเทศ เชื่อมทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อได้อย่างแท้จริง
ติดตามอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า
- ลงทะเบียนรถไฟฟ้าอย่างไรให้ได้ “สิทธิ์”
- อยากเห็นรถไฟฟ้าไทย เป็นเช่นไรในอนาคต ?
- รถไฟฟ้า 20 บาทเลื่อนเป็น 15 พ.ย. เหตุติดขัดกฎหมาย
- กางไทม์ไลน์ “พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ”
อ้างอิง
- บทความ ‘ตั๋วร่วม’ พลิกโฉมระบบขนส่งไทย โดย สภาองค์กรของผู้บริโภค
- ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักงานโครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม