สัตว์หายาก & น่ารู้ ! พาไปรู้จัก Megascolides australis หรือ “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” (Gippsland) ที่อาจยาวได้ถึง 3 เมตร ซึ่งถูกจัดอยู่ในบัญชีแดง IUCN (สัตว์เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์) โดยไส้เดือนยักษ์นี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แถมการสืบพันธุ์ยังเต็มไปด้วยปริศนา ทำไม ? จึงเป็นเช่นนั้นนะ ตามมาอ่านกันได้เลย
“ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” (Megascolides australis) จะพบได้เฉพาะในพื้นที่ทางใต้และตะวันตกของกิปส์แลนด์ (Gippsland) รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย มีความยาวเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร (3.3 ฟุต) มีเส้นรอบวง 2 เซนติเมตร (0.79 นิ้ว) ซึ่งยาวพอ ๆ กับไม้เบสบอลและหนาเท่าเทียนดินเนอร์ขนาดมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ไส้เดือนยักษ์เหล่านี้สามารถเติบโตได้ใหญ่กว่านี้ โดยบางตัวอาจยาวได้ถึง 3 เมตร (9.9 ฟุต) และมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 3 เซนติเมตรเลยทีเดียว
ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้พวกมันเป็นหนึ่งในไส้เดือนดินสายพันธุ์ใหญ่ที่สุดบนโลก อย่างน้อยก้เท่าที่นักวิทยาศาสตร์รู้ ทั้งนี้ มีไส้เดือนดินทั่วโลกประมาณ 6,000 สายพันธุ์ที่ได้รับการตั้งชื่อแล้ว (นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจมีเกือบ 30,000 สายพันธุ์ ที่ซ่อนอยู่ใต้ดินรอการค้นพบ)
นอกจาก “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” แล้ว ไส้เดือนสายพันธุ์ Microchaetus rappi จากประเทศแอฟริกาใต้ มักได้รับการยกย่องให้เป็นไส้เดือนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการค้นพบไส้เดือนตัวหนึ่งในปี พ.ศ. 2510 ซึ่งมีความยาว 6.7 เมตร (21 ฟุต) อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากไส้เดือนสายพันธุ์ Microchaetus rappi จะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 1.8 เมตร (6 ฟุต)
ย้อนกลับมาที่ลักษณะของ “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” จะคล้ายไส้เดือนทั่วไป เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า อ้วนกว่า แต่ก็มีสีเทาอมม่วงเล็กน้อยเหมือนกับไส้เดือนส่วนใหญ่ โดยพวกมันจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน และคนจะพบได้เฉพาะตอน ดินถูกฝนชะล้างหรือน้ำท่วมเท่านั้น
แม้จะมีขนาดใหญ่ “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” บอบบางมาก ลำตัวฉีกขาดได้ง่ายหากถูกหยิบหรือจับแรงเกินไป
ขณะที่ชีวิตทางเพศและการสืบพันธุ์ของพวกมันเต็มไปด้วยปริศนา เนื่องจาก “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” มีอวัยวะเพศทั้งเพศผู้และเพศเมีย เมื่อไส้เดือนยักษ์สองตัวผสมพันธุ์กัน พวกมันจะแลกเปลี่ยนอสุจิกันและนำไปใช้ปฏิสนธิกับไข่ของตัวเอง แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะขนาดโพรงที่อยู่อาศัยของพวกมันมีขนาดพอดีสำหรับไส้เดือนเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางคนจึงสันนิษฐานว่า “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” อาจใช้วิธียืดตัวให้ยาวขึ้นจนทำให้ลำตัวมีขนาดเล็กลง เพื่อให้ไส้เดือนยักษ์อีกตัวเข้ามาอยู่ในโพรงเดียวกันได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน
นอกจากนี้ “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” จะผลิตไข่เพียงแค่ 1 ฟองต่อปีเท่านั้น โดยไข่จะมีขนาดประมาณไข่ไก่ขนาดเล็ก มีลูกอ่อนอยู่หนึ่งตัว และใช้เวลาฟักนานกว่าหนึ่งปี โดยความยาวของลูกไส้เดือนที่ฟักออกมาจะมีความยาวประมาณ 1 ฟุต มีอัตราการเติบโตที่ช้ามาก ขณะที่อายุขัยไส้เดือนยักษ์คาดว่าน่าจะมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
และสิ่งที่น่าแปลกใจอีกอย่างก็คือ “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” เคยถูกนำมาผสมพันธุ์ในห้องทดลองแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง จึงทำให้เกิดปริศนาเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ของไส้เดือนยักษ์นี้ เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ต้องหาคำตอบต่อไป
ทิ้งท้าย “ไส้เดือนยักษ์กิปส์แลนด์” ถูกจัดอยู่ในบัญชีแดงของ IUCN ว่าเป็นสัตว์ที่ “เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์” เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะ “สารเคมี” ที่ใช้ในการทำการเกษตร
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : iflscience
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech