ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ย้อนรอย “คนละครึ่ง” 5 เฟส สูตรความสำเร็จสู่ “คนละครึ่งพลัส”


Insight

สันทัด โพธิสา

แชร์

ย้อนรอย “คนละครึ่ง” 5 เฟส สูตรความสำเร็จสู่ “คนละครึ่งพลัส”

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3241

ย้อนรอย “คนละครึ่ง” 5 เฟส สูตรความสำเร็จสู่ “คนละครึ่งพลัส”

 

คึกคักต้อนรับปลายปี เห็นทีจะหนีไม่พ้น โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ภายใต้กรอบวงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชน เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

แต่กว่าจะมาถึง “คนละครึ่งพลัส” โครงการยอดฮิตนี้ ผ่านการดำเนินงานมาแล้วกว่า 5 เฟส Thai PBS ขอชวนย้อนรอย โครงการคนละครึ่งทั้ง 5 เวอร์ชันที่ผ่านมา มีสูตรความสำเร็จอะไร และโครงการดังกล่าวสร้างประโยชน์ด้านใดให้กับประชาชนกันบ้าง

จุดกำเนิด “คนละครึ่ง”

โครงการคนละครึ่ง ถือกำเนิดตัดสายสะดือเมื่อราวปี 2563 ในสมัยรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยเหตุที่มาของสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจทรงตัว และเพื่อต้องการแบ่งเบา “ภาระ” ของประชาชน จึงนำมาซึ่งโครงการชื่อ “คนละครึ่ง” โดยมีคอนเซปต์ง่าย ๆ คือ “รัฐช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% เมื่อประชาชนซื้อสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ” เพื่อหวังให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เพิ่มสภาพคล่องให้กิจการร้านค้า และถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนในช่วงเวลาวิกฤตินั่นเอง

กว่าจะปัง “คนละครึ่ง” ผ่านปัญหาพัง ๆ มาไม่น้อย

เพราะเป็นของใหม่ จึงเกิดปัญหาเชิงเทคนิคขึ้นหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องการ “ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ” ผ่านแอปพลิเคชันทั้ง “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายออนไลน์ หรือ Mobile Payment ที่ถือว่าเป็น “ของใหม่” สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ในเวลานั้น

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากได้เป็นอย่างดีแล้ว คุณูปการสำคัญอีกประการหนึ่งที่สะท้อนได้จากโครงการคนละครึ่ง นั่นคือ คนไทยส่วนใหญ่เริ่มปรับพฤติกรรมหันมาใช้จ่ายผ่าน Mobile Banking รวมถึงมีการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นอย่างชัดเจน

ส่องไฮไลต์ “คนละครึ่ง” ทั้ง 5 เฟส 

โครงการคนละครึ่ง เริ่มต้นครั้งแรกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ก่อนจะดำเนินโครงการเพิ่มเติมต่อมาจนถึงเฟสที่ 5 และสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม 2565 กินระยะเวลาราว 2 ปี ใช้งบประมาณตลอดทั้ง 5 เฟส รวมทั้งสิ้นราว 208,400 ล้านบาท ในแต่ละเฟสมีไฮไลต์ที่น่าสนใจดังนี้

โครงการคนละครึ่งเฟส 1 (ต.ค.63 - ธ.ค.63) มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ 9.98 ล้านคน ให้วงเงินใช้จ่ายสูงสุด 3,000 บาทต่อคน ผลลัพธ์คือ มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 968,000 ร้าน มียอดใช้จ่ายรวมกว่า 42,044 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่งเฟส 2 (ม.ค.64 - มี.ค.64) เป็นช่วงขยายโครงการจากเฟสแรกสู่เฟสสอง โดยเปิดให้ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 5 ล้านสิทธิ์ เน้นร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อย และแผงลอยที่ไม่มีหน้าร้านเข้าร่วม โครงการคนละครึ่งเฟสสองมีผู้ใช้สิทธิ์กว่า 14.79 ล้านคน และใช้งบประมาณราว 20,300 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่งเฟส 3 (ก.ค.64 - ธ.ค.64) ไฮไลต์สำคัญ คือ เพิ่มวงเงิน 4,500 บาทต่อคน และขยายผู้ประกอบการจากร้านค้าทั่วไป ไปสู่ผู้ประกอบการรถส่งสาธารณะ รวมถึงธุรกิจประเภทบริการ อาทิ นวด สปา ทำผม และบริการ Food Delivery Platform เฟสนี้มีผู้ใช้สิทธิ์สูงสุดถึง 26.34 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสมรวม 221,109.8 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธ.ค.64) จากการตอบรับที่ดี ทำให้โครงการคนละครึ่งเฟส 3 ได้รับการยกย่องให้เป็นโครงการที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดประจำปี 2564 จากการสำรวจของกรุงเทพโพลล์อีกด้วย

โครงการคนละครึ่งเฟส 4 (ก.พ.65 - พ.ค.65) เป็นโครงการส่วนต่อขยายจากเฟส 3 เพื่อช่วยพยุงกำลังซื้อของประชาชนในช่วงต้นปี 2565  โดยเพิ่มวงเงินจากเฟส 3 อีก 1,200 บาทต่อคน โครงการคนละครึ่งเฟส 4 มีผู้ใช้สิทธิ์ราว 26.27 ล้านคน 

โครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ก.ค.65 - ต.ค.65) เป็นเฟสสุดท้ายของโครงการในช่วงเวลานั้น หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยเพิ่มวงเงินให้ 800 บาทต่อคน มีผู้ใช้สิทธิ์รวมราว 24.02 ล้านคน

“คนละครึ่ง” กระตุ้นได้ผล ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม

โครงการคนละครึ่ง มีระยะเวลาดำเนินการราว 2 ปี ทว่าเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ข้อมูลจากกระทรวงการคลังและสำนักเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า ตลอดโครงการคนละครึ่งทั้ง 5 เฟส มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมกันกว่า 4.2 แสนล้านบาท รวมทั้งมีประชาชนกว่า 20-28 ล้านคนที่เข้าร่วมในโครงการนี้

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งอย่างเด่นชัด ได้แก่

  • การค้าปลีกและค้าส่ง 
  • ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม 
  • ภาคการธนาคารและบริการ  
  • สาธารณูปโภคและภาคการเกษตร

โครงการคนละครึ่ง ถือเป็นหนึ่งใน “รัฐสวัสดิการ” ที่เป็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเรื่องปากท้อง แม้ไม่ใช่คำตอบถาวรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว แต่ในช่วงที่ประชาชนกำลังรับภาระหนัก การมีมาตรการที่ “สัมผัสได้จริง” อาจเป็นพลังใจและแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่มาของการ “ปัดฝุ่น” โครงการนี้ในปี 2568 กับชื่อใหม่ว่า “คนละครึ่งพลัส”

“คนละครึ่งพลัส 2568” พลัสอะไร ?

หลังห่างหายไป 3 ปี ชื่อโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาสร้างกระแสความสนใจอีกครั้ง แถมยังเพิ่มความสดใหม่ด้วยลูกเล่นคำว่า “พลัส” ซึ่งเพิ่มเติมจากโครงการคนละครึ่งดั้งเดิม ดังนี้

พลัสที่ 1 เพิ่มช่วงอายุ จากประชาชนสัญชาติไทย อายุ 18 ปี เปลี่ยนเป็นประชาชนอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
พลัสที่ 2 เพิ่มวงเงินใช้จ่าย จากเดิม 160 บาทต่อคน/ต่อวัน เป็น 200 บาทต่อคน/ต่อวัน 
พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิพิเศษ สำปรับประชาชนที่ไม่ยื่นแบบภาษี จะได้รับวงเงิน 2,000 บาทต่อคนตลอดโครงการ ส่วนประชาชนที่ยื่นแบบภาษี จะได้รับวงเงิน 2,400 บาทต่อคนตลอดโครงการ
พลัสที่ 4 เพิ่มโอกาส ให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือไมโคร SME (วิสาหกิจรายย่อยที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท และมีจำนวนการจ้างงานไม่เกิน 5 คน) สามารถเข้าร่วมโครงการได้
พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะใหม่ โดยส่สริมใหร้านค้าพัฒนาทักษะใหม่ ๆ Upskill Reskill อาทิ เรื่องการเงินดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่

ห่างหายไป 3 ปี โครการคนละครึ่งพลัส จะกลับมารันเศรษฐกิจไทยช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2568 (ต.ค.-ธ.ค.) ต้องติดตามว่า คนละครึ่งจะยัง “ขลัง” และฉุดให้เศรษฐกิจไทยกลับมาปังส่งท้ายปลายปีได้หรือไม่ อีกไม่นานได้ทราบกัน  

แท็กที่เกี่ยวข้อง

คนละครึ่งคนละครึ่งพลัสคนละครึ่ง 2568กระตุ้นเศรษฐกิจ
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด