รวมการประตูช่วง “นาทีบาป” ในโลกฟุตบอลที่น่าจดจำ

ช่วงนี้แวดวงฟุตบอลมีศัพท์ฮิต “นาทีบาป” หรือการทำประตูชัยในช่วงนาทีสุดท้าย-ท้ายสุดของเกม 

ที่ผ่านมา โลกกีฬาฟุตบอล มีเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ประตูนาทีบาป” เกิดขึ้นมากมาย Thai PBS หยิบยกเอา “สุดยอดประตูนาทีบาป” ที่พูดถึงเมื่อไร แฟนฟุตบอลต่างจดจำได้เป็นอย่างดี 

นาทีบาปที่ 91 สตีเฟน เจอร์ราร์ด ซัดไกลสุดสวยช่วยลิเวอร์พูลตีเสมอเวสต์แฮมหวุดหวิด

ในการแข่งชันฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2006 ลิเวอร์พูล โคจรมาพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกมเดินทางมาถึงช่วงท้ายใกล้จะหมดเวลา 90 นาที เวสต์แฮมนำลิเวอร์พูลอยู่ 3 - 2 แฟน ๆ ทีมเวสต์แฮม เตรียมจะได้ฉลองแชมป์เอฟเอคัพกันอีกไม่่กี่อึดใจ

แต่ปรากฏว่า สตีเฟน เจอร์ราร์ด กองกลางไดนาโมของลิเวอร์พูล ดับฝันแฟนทีมเวสต์แฮมลง เมื่อเจ้าตัวซัดบอลระยะไกลกว่า 35 หลา บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ลิเวอร์พูลรอดตาย เสมอกันที่ 3 - 3 ต่อลมหายใจให้ไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที 

เกมเดินทางไปจนจบลง 120 นาที ไม่มีผู้ใดยิงประตูได้เพิ่ม จึงต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่า ลิเวอร์พูลแม่นโทษกว่า เอาชนะไปได้ 3 – 1 (ผลสกอร์รวม 6 - 4) คว้าแชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพสมัยที่ 7 ของทีมไปครอง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลูกยิงในนาทีบาปของเจอร์ราร์ด คือประตูช่วยชีวิตลิเวอร์พูดโดยแท้

นาทีบาปที่ 90 เดนนิส เบิร์กแคมป์ ยิงประตูงามหยด ช่วยเนเธอร์แลนด์สยบอาร์เจนติน่าสุดมันส์

อีกหนึ่งแมตช์สุดประทับใจของฟุตบอลโลก 1998 เนเธอร์แลนด์พบอาร์เจนติน่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมเดินทางมาถึงช่วงเกือบจะหมดเวลา 90 นาที ทว่ายอดกองหน้าเนเธอร์แลนด์ที่ชื่อ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ก็ทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ 

เดนนิส เบิร์กแคมป์ รับลูกบอลที่โยนยาวจาก แฟรงค์ เดอ บัวต์ ลงอย่างเชื่องเท้า ก่อนจะแตะหลบกองหลังอาร์เจนติน่าที่เข้ามาสกัดใส่ จากนั้นจึงค่อยซัดลูกบอลด้วยหลังเท้า เสยเพดานตาข่ายเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้เนเธอร์แลนด์ พลิกเข้ารอบรองฯ ในนาทีบาปนาทีสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 2 – 1 

ต่อมาลูกยิงของเดนนิส เบิร์กแคมป์ลูกนี้ ได้รับการยกย่องจากฟีฟ่าให้เป็นหนึ่งในการทำประตูสุดสวยประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกตลอดกาล เนื่องจากเป็นการโชว์ทักษะการเล่นฟุตบอลที่สวยงาม แถมยังเป็นประตูชี้เป็นชี้ตาย ที่ทำให้เนเธอร์แลนด์เข้ารอบไปในที่สุด

นาทีบาป 90+3 เดวิด เบ็คแฮม ซัดฟรีคิกดับวิญญาณ พาอังกฤษลุยฟุตบอลโลก 2002

ได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าพ่อฟรีคิก” ตัวจริงเสียงจริง สำหรับ เดวิด เบ็คแฮม อดีตกองกลางแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่ชื่อว่าเป็น “จอมคัมแบ็ก” ชอบยิงประตูในนาทีบาปมานักต่อนัก แต่ช็อตที่ต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์ในอาชีพค้าแข้งของเบ็คแฮม คือเหตุการณ์ในนัดคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 ที่อังกฤษพบกับกรีซ

โจทย์สำคัญของเกมนี้ คือ อังกฤษขอแค่เพียง 1 แต้ม เพื่อตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศเกาหลีใต้- ญี่ปุ่น แต่ผลปรากฏว่า ทีมชาติกรีซออกนำก่อน จนทำให้นักเตะอังกฤษต้องโหมเข้าใส่อย่างหนัก และมาได้ประตูตีเสมอ 1 – 1 จากลูกโหม่งของเท็ดดี้ เชอริงแฮม ทว่า ดีใจได้ไม่นาน กรีซก็กลับไปขึ้นนำอีกครั้ง จนทำให้อังกฤษต้องดาหน้าบุกเพื่อเอาประตูคืนอีกครั้ง

เวลาเดินไป แต่อังกฤษไม่มีทีท่าจะยิงประตูคืนได้เสียที จนแฟน ๆ เริ่มถอดใจ เตรียมเดินออกจากสนามกันเป็นแถว กระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนาทีที่ 90+3 อังกฤษได้ลูกฟรีคิกสุดสำคัญ และผู้ที่ยืนต่อหน้าลูกฟุตบอลในเวลานั้นก็คือ เดวิด เบ็คแฮม ในฐานะกัปตันทีมชาติอังกฤษ พลันสิ้นเสียงนกหวีดของกรรมการ เบ็คแฮมบรรจงปั่นฟรีคิกออกไป ลูกบอลพุ่งเสียบคานสามเหลี่ยม เข้าประตูไปอย่างหมดจรด

จากประตูนาทีบาปลูกดังกล่าว อังกฤษได้ไปต่อ และเดวิด เบ็คแฮม ก้าวข้ามจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในฟุตบอลโลก 1998 ที่เขาได้รับใบแดงไล่ออกจากสนาม พลิกจากแพะรับบาป กลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยพาให้อังกฤษ กลับไปแก้มือในฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จ

• อ่านบทความ : รู้จักความเป็น “อัศวิน” จาก “เดวิด เบ็คแฮม”

นาทีบาปที่ 113 มาริโอ เกิทเซ่ ยิงประตูช่วยเยอรมนี เฉือนคว้าแชมป์โลก 2014

รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 เยอรมนีโคจรมาเจอกับอาร์เจนติน่า ถือเป็นรีแมตช์รอบชิงฯ ที่เคยเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกปี 1986 และปี 1990 ซึ่งทั้งสองทีมต่างผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะกันมา เกมในคืนนั้นจบลงด้วยการเสมอกัน 0 - 0 ในเวลา 90 นาที เยอรมนีและอาร์เจนติน่าไม่สามารถทำอะไรกันได้ จนต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

เกมดำเนินต่อไปจนเกือบจะครบ 120 นาที จากนั้นจะเป็นการดวลจุดโทษหาผู้ชนะ ทว่าในนาทีที่ 113 อันเดร ชูร์เล่ กอหน้าเยอรมนี กระชากบอลเข้าไปในแดนของอาร์เจนติน่า ก่อนเจ้าตัวจะเปิดบอลมาให้กับ มาริโอ เกิทเซ่ ผู้เล่นสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงไปไม่นาน ทันใดนั้นเอง เกิทเซ่ก็พักบอลด้วยหน้าอก ก่อนจะล้มตัวยิงบอลพุ่งเข้าประตูไป 

กลายเป็นลูกยิงในช่วงนาทีบาปอีกครั้ง และด้วยประตูสุดสวยเพียงลูกเดียวลูกนี้ ก็ช่วยให้เยอรมนีเอาชนะอาร์เจนติน่าไป 1 – 0 ส่งให้เยอรมนีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 และเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของเยอรมนีอีกด้วย

นาทีบาปที่ 116 อันเดรส อิเนียสต้า ซัดลูกยิงน็อกเนเธอร์แลนด์ พาสเปนคว้าแชมป์โลกสมัยแรก

ในเวทีระดับนานาชาติ “สเปน” ถือเป็นชาติที่ทำผลงานในโลกฟุตบอลได้ดีไม่เป็นสองรองใคร ทว่าทีมกระทิงดุก็ยังไม่เคยไปถึงตำแหน่ง “แชมป์โลก” ได้เสียที กระทั่งในฟุตบอลโลก ปี 2010 สเปนตบเท้าเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยพบกับเนเธอร์แลนด์ ทีมฟอร์มแกร่งในทัวร์นาเมนต์เช่นกัน 

เกมสู้กันอย่างสนุก แต่ไม่มีใครสามารถยิงประตูกันได้ กระทั่งจบ 90 นาที ผลเสมอกัน 0 – 0 เกมต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที หากยังไม่มีทีมใดทำประตูได้ สองทีมจะต้องไปชี้ชะตากันที่การดวลจุดโทษ

แต่ก่อนจะหมดเวลาแค่เพียง 4 นาทีเท่านั้น เฟร์นานโด ตอร์เรส ผู้เล่นสเปน เปิดบอลเข้าไปที่หน้าประตูเนเธอร์แลนด์ บอลถูกสกัดออกมาเข้าทางของ เชส ฟาเบรกาส กองกลางสเปนอีกคน เจ้าตัวบรรจงแปบอลต่อไปให้กับ อันเดรส อิเนียสต้า หลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่กองกลางเบอร์ 8 รายนี้ จะวอลเลย์ลูกบอลตูมเดียว บอลพุ่งเสียบเข้ามุมประตูไปอย่างสวยงาม  

เนเธอร์แลนด์เจอลูกยิงในช่วงนาทีบาป จบครบ 120 นาที สเปนเอาชนะเนเธอร์แลนด์ไปได้ 1 – 0 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกในประวัติศาสตร์มาครองได้สำเร็จ ซึ่งต้องถือเป็นช่วงเวลาทองของฟุตบอลทีมชาติสเปนอย่างแท้จริง เนื่องจากก่อนหน้านั้น สเปนเพิ่งจะคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2008 หลังจากนั้นยังสามารถไปป้องกันแชมป์ยูโร 2012 ได้อีกด้วย

นาทีบาปที่ 94 กุน อเกวโร่ กดประตูชัย พาแมนฯ ซิตี้ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดเดือด

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011-2012 เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ได้ลุ้นแชมป์กันจนนัดสุดทาย แถมยังเป็นสองทีมลุ้นแชมป์ร่วมเมืองเดียวกัน นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

ก่อนการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ มีแต้มเท่ากัน แต่แมนฯ ซิตี้ได้เปรียบตรงมีผลบวกประตูที่ดีกว่า หากสองทีมมีคะแนนเท่ากัน แมนฯ ซิตี้จะคว้าแชมป์ลีกไปครอง

แมนฯ ยูไนเต็ดลงเตะจบก่อนไม่กี่นาที และเอาชนะซันเดอร์แลนด์ไป 1 – 0 เหลือแค่รอลุ้นว่า แมนฯ ซิตี้ที่เจอกับทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ผลจะจบลงอย่างไร

ปรากฏว่า ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ทีมที่ต้องหนีตกชั้น ทำประตูขึ้นนำซิตี้ไป 1 – 2 เกมหมดเวลา 90 นาทีไปแล้ว แต่กรรมการทดเวลาบาดเจ็บให้อีก 5 นาที ไม่น่าเชื่อว่า กลับกลายเป็น 5 นาทีทองของแมนฯ ซิตี้ เมื่อ เอดิน เซโก้ โหม่งตีเสมอให้กับแมนฯ ซิตี้ในนาทีที่ 91 ผ่านไป 3 นาที เกมเดินทางไปถึงนาทีที่ 94 หากจบแบบนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นแชมป์ฤดูกาล 2011-2012 

เหลืออีกไม่กี่วินาที แมนฯ ซิตี้โหมบุกหนัก และเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าแมนฯ ซิตี้ ที่ได้รับบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่เจ้าตัวจะซัดบอลแสกหน้าผู้รักษาประตูเข้าไปตุงตาข่าย แมนฯ ซิตี้เฉือนชนะควีนส์ปาร์ค เรนส์เจอร์สไปสุดมันส์ 3 – 2 ปาฏิหาริย์นาทีบาปเกิดขึ้นอีกครั้ง และส่งผลให้แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกปาดหน้าคว้าแชมป์โดยทีมร่วมเมืองอย่างแมฯ ซิตี้ ด้วยผลต่างประตูที่มากกว่าเท่านั้น

นาทีบาปที่ 92 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกเฉือนชนะบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยุโรปสุดปาฏิหาริย์

อีกหนึ่งที่สุดของการคัมแบ็กช่วงนาทีบาป ต้องยกให้กับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 1999 เป็นการพบกันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในปีดังกล่าว ยังมีไฮไลต์สำคัญ นั่นคือ แมนฯ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีก และแชมป์เอฟเอคัพมาครองเรียบร้อย หากสามารถคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยนี้ได้อีก ทีมปีศาจแดงจะคว้า Tripple Championship หรือทำ 3 แชมป์ได้ในฤดูกาลเดียวกัน 

ก่อนเกม ทีมปีศาจแดงหมายมั่นปั้นมือ ตั้งใจที่จะคว้าถ้วยใหญ่นี้มาครองให้ได้ หลังจากห่างเหินไปนานนับตั้งแต่ปี 1968 ทว่าเมื่อเริ่มเกมไม่ทันไร ทีมเสือใต้-บาเยิร์นฯ กลับออกนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 จากลูกยิงของ มาริโอ บาสเลอร์ แถมรูปเกมโดยรวม ยังเป็นบาเยิร์น มิวนิค ที่คุมเกมได้ดีกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด

เกมเดินทางมาถึงช่วงท้าย กรรมการข้างสนามชูป้ายทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที เข้าสู่นาทีที่ 91 ไรอัน กิ๊กส์ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาที่หน้าประตู เท็ดดี้ เชอริงแฮม ยิงบอลตามน้ำ บอลวิ่งเข้าเสียบมุมประตูไปอย่างสวยงาม แฟนทีมปีศาจแดงได้เฮกันลั่น จุดความหวังในการต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที

แต่นั่นไม่ใช่ปาฏิหาริย์เพียงหนเดียว เพราะอีก 1 นาทีถัดมานั้นเอง เดวิด เบ็คแฮม เตะลูกเตะมุมเข้ามาที่หน้าประตูของบาเยิร์น มิวนิค เป็น เท็ดดี้ เชอริงแฮม กองหน้าแมนฯ ยูไนเต็ด วิ่งเข้ามาโหม่งสะบัดไปยังเสาสองที่มี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยืนอยู่ และกองหน้าฉายา “เบบี้โกล์” ก็ไม่ทำให้สาวกปีศาจแดงผิดหวัง เจ้าตัวยกขากระแทกบอลเข้าไปเสยเพดานตาข่ายอย่างสวยงาม

เสียงเฮดังสนั่นหวั่นไหว แมนฯ ยูไนเต็ดพลิกนรกในนาทีบาปที่ 92 ปราบบาเยิร์น มิวนิคไปได้ 2 – 1 ชนิดที่ไม่ให้ทีมเสือใต้ได้แก้ตัว พร้อมกับคว้า 3 แชมป์ ส่งท้ายทศวรรษที่ 90 พร้อมกับการเป็นทีมที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ “นาทีบาป” ในโลกฟุตบอล ซึ่งถือเป็นสีสัน และเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ทำให้กีฬาชนิดนี้ ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนาน