ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ในหลวงรัชกาลที่ 9” 9 ปี 9 สิ่ง…คนไทยไม่เคยลืมเลือน


วันสำคัญ

สันทัด โพธิสา

แชร์

“ในหลวงรัชกาลที่ 9” 9 ปี 9 สิ่ง…คนไทยไม่เคยลืมเลือน

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3250

“ในหลวงรัชกาลที่ 9” 9 ปี 9 สิ่ง…คนไทยไม่เคยลืมเลือน

 

13 ตุลาคมของทุกปี ได้รับการยกย่องให้เป็น “วันนวมินทรมหาราช” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 ผ่านมาแล้ว 9 ปี พสกนิกรชาวไทยยังจดจำในพระราชกรณียกิจ ตลอดจนคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เป็นอย่างดี 

Thai PBS ขอย้อนรำลึกถึง 9 เรื่อง 9 สิ่ง ความผูกพันที่มีต่อ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของพสกนิกรชาวไทย…

1."ฝนหลวง"…น้ำพระทัยในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่โปรยปรายจากฟากฟ้า

หนึ่งในโครการพระราชดำของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาและสร้างประโยชน์ให้กับพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง นั่นคือ โครงการฝนหลวง ซึ่งที่มาของโครการนี้ เกิดขึ้นราวปี พ.ศ.2498 จากปัญหาความแห้งแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาค้นคว้าเรื่องการก่อตัวของเมฆฝน เป็นที่มาของการนำเทคโนโลนีมาทำให้เกิดฝนเทียม 

ภาพจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงริเริ่มการทดลองทำฝนเทียมในอากาศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 การพัฒนาเป็นไปด้วยดี กระทั่งเกิดเป็นสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงในปี พ.ศ. 2518 ทั้งนี้โครงการฝนหลวงมีคุณูปการสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงยาวนาน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่าง ๆ อีกด้วย

ต่อมา โครงการฝนหลวงยังได้รับรางวัล Gold Medal with Mention ในงานบรัสเซลส์ ยูเรก้า 2001 ก่อนที่รัฐบาลไทยจะกำหนดให้ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

2."การชลประทาน" รากฐานสำคัญการพัฒนาชาติที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเล็งเห็น

เพราะ “แหล่งน้ำ” คือปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศเกษตรกรรม ยิ่งหากย้อนเวลากลับไปราว 60 – 70 ปีก่อน แหล่งน้ำ คือหัวใจสำคัญของคนไทยแทบทุกหมู่เหล่า

ด้วยเหตุนี้เอง ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อคนไทย เป็นที่มาของการชลประทานมากมายทั่วประเทศ โดยตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทรงมีโครงการด้านการชลประทานกว่า 2,000 โครงการ สะท้อนความสำคัญในเรื่องน้ำได้เป็นอย่างดี

โดยมากงานที่ขึ้นมาเป็นเอก ก็คืองานชลประทาน เพราะว่าถือว่า ถ้าหากว่าไม่มีชลประทาน ประเทศก็จะแห้ง แล้ง เมื่อแห้งแล้งแล้วเพาะปลูกก็ไม่ได้ พอเพาะปลูกไม่ได้ก็ไม่มีการทำงานด้านเกษตร ซึ่งเป็นงานที่ได้ผล ประโยชน์แก่ราษฎรโดยตรง การชลประทานนี้ก็นึกถึงเกษตร แต่ว่าความเป็นอยู่ของประชาชนธรรมดา น้ำ บริโภคก็ต้องมี พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่คณะ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ พระต้าหนักจิตรลดารโหฐาน วันพุธที่ 26 ก.ค. 2532 

ถึงวันนี้แม้ประเทศไทยจะพัฒนาด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ มีอุปกรณ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการชลประทานเกิดขึ้นมากมาย ทว่ามิอาจลืม “รากฐาน” ที่ได้รับการริเริ่มมาแต่ในอดีต จนส่งผลให้เกิดการพัฒนา และทำให้ประเทศก้าวหน้าเช่นดังทุกวันนี้

3.”แก้มลิง” โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของในหลวงรัชกาลที่ 9

อีกหนึ่งคำที่ผูกพันกับประชาชนคนไทยมาตลอด นั่นคือคำว่า “แก้มลิง” ชื่อที่ดูสามัญ แต่มีนัยยะความหมายที่ยิ่งใหญ่ ที่มาของคำนี้ คือโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับประเทศไทย 

โครงการแก้มลิง เกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.2538 จากเหตุการณณ์น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริจัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยคำว่า “แก้มลิง” นั้น อ้างอิงจากหลักการกินกล้วยของฝูงลิงนั่นเอง

ลิงโดยทั่วไป ถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อย ๆ นำออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง

จากพฤติกรรมธรรมชาติของลิง สู่การประยุกต์การบริหารจัดการน้ำฝน โดยใช้วิธีกักเก็บน้ำฝนเอาไว้ เพื่อรอเวลาระบายออก ทั้งนี้ยังใช้ประโยชน์จากคลองใหญ่-คลองน้อยจำนวนมากมาย ที่มาช่วยกักเก็บน้ำเอาไว้ จนเมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลงกว่าน้ำในคลอง จึงทำการระบายน้ำออกไป และเมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลอง ก็จะทำการปิดประตูระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำทะเลไหลย้อนกลับมา

ปัจจุบันประเทศไทยมี “โครงการแก้มลิง” โครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่หลายแห่ง และมีอยู่หลายขนาด เป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่ได้ผลจริง

4.”มูลนิธิชัยพัฒนา” หนึ่งในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อประเทศ

ในอดีต ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาประเทศมากมาย โดยมีทั้งรัฐ เอกชน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในการจัดตั้งโครงการ

ทว่าในหลาย ๆ โครงการเหล่านั้น อาจติดด้วยเงื่อนไขนานาสารพัน ทำให้เกิดความล่าช้า ตลอดจนการช่วยเหลือต่าง ๆ ไปไม่ถึงความต้องการของประชาชน จึงเป็นที่มาของมูลนิธิของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ชื่อ “มูลนิธิชัยพัฒนา”

ภาพจากมูลนิธิชัยพัฒนา

มูลนิธิชัยพัฒนา เกิดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในลักษณะของการดำเนินงานพัฒนาต่าง ๆ ในกรณีที่ต้องถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของกฎเกณฑ์ ระเบียบ หรืองบประมาณที่ระบบราชการไม่สามารถดำเนินการได้ทันที จนเป็นเหตุให้การแก้ไขปัญหาไม่สอดคล้อง หรือทันกับสถานการณ์ที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องกระทำโดยเร็ว 

เมื่อมีมูลนิธิชัยพัฒนาเข้ามาดำเนินการ จึงส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์ หลาย ๆ ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วขึ้น โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดใด ๆ เป็นการช่วยให้กระบวนการพัฒนา เกิดความสมบูรณ์ขึ้น

มูลนิธิชัยพัฒนา จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 ผ่านมาถึงวันนี้ กว่า 37 ปีที่มูลนิธิได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน และยังคงดำเนินงานต่อไป ตามความหมายของชื่อมูลนิธิ “ชัยพัฒนา” อันหมายถึง ชัยชนะของการพัฒนา และเป็นชัยชนะของประเทศไทยแห่งนี้

5."แผนที่และกล้อง" ของในหลวงรัชกาลที่ 9

อีกหนึ่งภาพจำในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พสกนิกรชาวไทยต่างระลึกถึงได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ภาพการทรงงานที่มี “แผนที่” อยู่ในพระหัตถ์ ตลอดจนการมี “กล้องถ่ายภาพ” ติดพระวรกายไปทุก ๆ ที่ 

สาเหตุหนึ่งของการทรงใช้แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากแผนที่ทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างครอบคลุมในภาพเพียงภาพเดียว สามารถตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและตรงจุด 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงจัดเตรียมและตัดต่อแผนที่ดังกล่าวด้วยพระองค์เอง และทรงศึกษาภูมิประเทศจากแผนที่ดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อประกอบการวางแผนโครงการตามพระราชดำริต่าง ๆ เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำ การชลประทาน การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาผืนป่า หรือการป้องกันน้ำท่วม

สำหรับกล้องถ่ายภาพส่วนพระองค์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีความสนพระทัยในการถ่ายภาพมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ทรงมีกล้องถ่ายภาพตัวแรกตั้งแต่พระชนมายุ 8 พรรษา เมื่อเวลาผ่านไป พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ และมีพระราชกรณียกิจมากมาย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังคงทรงนำกล้องถ่ายภาพติดพระวรกายไปด้วยทุกหนแห่ง เพื่อทรงเก็บภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐานประกอบการทรงงานนั่นเอง

การถ่ายภาพเป็นงานศิลปะ เป็นของดีมีประโยชน์ ขออย่าได้ถ่ายภาพกันเพื่อความสนุกสนานหรือความสวยงามเท่านั้น จงใช้ภาพให้เกิดคุณค่าแก่สังคมให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม งานศิลปะจะได้ช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อีกแรงหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ก็ดี หรือกล้องถ่ายภาพก็ดี ล้วนเป็นอุปกรณ์คู่พระวรกายมาอย่างยาวนาน และเป็นสองอุปกรณ์ที่มีคุณูปการต่อการพัฒนาประเทศชาติ รวมถึงยังเป็นสองสิ่งที่ทำให้ประชาชนชาวไทย หวนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

6.”คุณทองแดง” และสัตว์ทรงเลี้ยงของในหลวงรัชกาลที่ 9 

เอ่ยชื่อ “คุณทองแดง” พสกนิกรชาวไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นี่คือ “สุนัขทรงเลี้ยง” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ภาพที่คุณทองแดงติดตามถวายงานในหลวงรัชกาลที่ 9 นับเป็นภาพที่ประชาชนคนไทยได้เห็นจนชินตา

คุณทองแดง เป็นลูกสุนัขจรจัดที่อาศัยบริเวณถนนพระราม 9 เมื่อครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 มีนายแพทย์คนหนึ่งได้นำลูกสุนัขตัวนี้มาทูลเกล้าฯ ถวาย จึงทรงรับสั่งว่าให้นำเข้ามาเลี้ยงในวัง

คุณทองแดงเป็นสุนัขที่ฉลาด รับฟังคำสั่ง เชื่อฟังเป็นอย่างดี ไม่ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปที่ใด คุณทองแดงมักจะตามเสด็จฯ ไปด้วยเสมอ จนเป็นที่มาของหนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง “ทองแดง” (The Story of Tongdaeng) ที่ออกเผยแพร่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 

คุณทองแดงมีอายุราว 17 ปี ก่อนเสียชีวิตลงในช่วงปี 2558 ถือป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่คนไทยรู้จักและผูกพันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังทรงมีสัตว์ทรงเลี้ยงอีกกว่าร้อยชีวิต อาทิ สุนัข แมว ลิง ช้าง กระต่าย ไก่ นกขุนทอง โดยหากนับเฉพาะสุนัข ทรงเลี้ยงสุนัขนับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เป็นจำนวนกว่า 70 ตัว สะท้อนเป็นอย่างดีถึงความมีพระเมตตา ที่เผื่อแผ่ไปยังสัตว์โลกด้วยเช่นกัน

7.”พระมหาชนก” จากพระราชนิพนธ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่การ์ตูนที่ยึดโยงคำสอนประชาชน 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระปรีชาสามารถหลากหลายด้าน และหนึ่งในด้านที่พสกนิกรจดจำเป็นอย่างดี คือ ทรงมีผลงานพระราชนิพนธ์หลากหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่สร้างการรับรู้ต่อประชาชนชาวไทยมายาวนาน นั่นคือ พระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” 

ที่มาของพระราชนิพนธ์พระมหาชนก สืบเนื่องจาก ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแปลและดัดแปลงจากมหาชนกชาดกในพระไตรปิฎก เพื่อเป็นคติธรรมเตือนใจเรื่องความเพียร โดยพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกในปี พ.ศ. 2539

ต่อมา ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์อีกครั้ง ในรูปแบบของการ์ตูน โดยมี ชัย ราชวัตร ศิลปินชื่อดัง เป็นผู้วาดภาพประกอบ เผยแพร่ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 

พระราชนิพนธ์พระมหาชนก ยังได้รับการนำไปเผยแพร่ในรูปแบบภาพยนต์อนิเมชัน การ์ตูนทางโทรทัศน์ และสื่อในรูปแบบอื่น ๆ อีกหลายแบบ ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนสะท้อนถึงคุณค่าของพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ จนกลายเป็นหนึ่งในการจดจำของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องราวความพากเพียร และความอดทน เพื่อไปให้ถึงยังจุดหมาย อันเป็นนัยยะสำคัญของผลงานชิ้นนี้

8."บทเพลงพระราชนิพนธ์" พระอัจฉริยภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ไม่เคยห่างหายไป

อีกหนึ่งในพระอัจฉริยภาพอันเป็นที่ยอมรับของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นคือ เพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งประชาชนยังคงได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงเริ่มนิพนธ์บทเพลงเพลงแรก เมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ.2489 ในบทเพลงที่ชื่อ “แสงเทียน” 

ทั้งนี้ บทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีความเป็นเอกลักษณ์ และมีท่วงทำนอง รวมถึงการประพันธ์ที่ไพเราะ และจดจำง่าย 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงทั้งสิ้น 48 เพลง ในหลาย ๆ บทเพลง ยังถูกอัญเชิญนำมาขับขานโดยพสกนิกรรุ่นใหม่ ๆ และยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ที่เมื่อได้ยินได้ฟังครั้งใด ยังเปี่ยมไปด้วยความไพเราะ และหวนรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ได้เป็นอย่างดี

9.วิถี “พอเพียง” ปรัชญาที่เป็นความจริงของในหลวงรัชกาลที่ 9

หนึ่งในปรัชญาที่พสกนิกรชาวไทยรู้จักและซึมซับ นั่นคือ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเฉพาะคำว่า “พอเพียง” ที่ได้รับการนำไปเผยแพร่ในหลากหลายมิติ 

ทั้งนี้ “พอเพียง” คือ ทางสายกลาง เป็นความพอเหมาะ พอดี ที่นำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของแต่ละคน

อีกนัยยะสำคัญของคำว่า พอเพียง คือการสร้างรากฐานอันมั่นคง ตลอดจนการสร้างสังคมให้มีภูมิคุ้มกัน สามารถรองรับกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกได้อย่างรู้เท่าทัน 

...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…

“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวพระราชดำริที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานมานานกว่า 30 ปี เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย ตลอดจนเป็นการใช้ความรู้และคุณธรรม เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต รวมทั้งการมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ที่จะนำไปสู่ “ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง

13 ตุลาคม วันนวมินทรมหาราช น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 เหนืออื่นใด สังคมประเทศที่มี “รากฐาน” และ “ปรัชญาคำสั่งสอน” ที่มีคุณค่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร รากฐานเหล่านี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศยังคงตั้งมั่น และยืนหยัดได้ด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง

อ้างอิง

  • ต้นกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง / กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
  • โครงการแก้มลิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ / มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
  • เศรษฐกิจพอพีย / มูลนิธิชัยพัฒนา
  • ความเป็นมา / มูลนิธิชัยพัฒนา
  • แผนที่กับในหลวงรัชกาลที่ 9 / Gistda 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ในหลวงรัชกาลที่ 913 ตุลาคม วันนวมินทรมหาราชวันนวมินทรมหาราช
สันทัด โพธิสา

ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด