ที่ปลายอุโมงค์มืดมิดยังอาจมีแสงสว่าง และในโลกที่หายนะด้วยน้ำมือมนุษย์ ถึงที่สุดก็อาจมีมนุษย์อีกเช่นกันที่จุดประกายความหวัง ...คำกล่าวที่ฟังดูโลกสวยนี้ถูกพิสูจน์ว่ามีมูลความจริงอยู่ไม่น้อย ใน Critical Kingdoms: Stories of Hope
สารคดีชุดนี้ชวนให้เราเปิดมุมมองใหม่และตระหนักว่า ท่ามกลางวิกฤตการสูญพันธุ์ครั้งที่ 6 ที่มนุษย์เป็นต้นเหตุนั้น โลกยังไม่ได้สิ้นหวังไปเสียหมด ยังมีเรื่องราวการต่อสู้ของผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ทุ่มเทให้แก่งานอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแข็งขัน โดยสารคดีพาเราเดินทางไปทำความเข้าใจแนวคิดและกระบวนการของพวกเขาใน 3 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และแอฟริกา แล้วเชื่อมโยงประเด็นทั้งด้านบริบททางสังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันได้อย่างน่าสนใจ


เริ่มที่ออสเตรเลียซึ่งเรารู้กันว่าเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางชีวภาพอันแสนน่าทึ่ง แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องเผชิญกับวิกฤติระดับรุนแรงสารพัดชนิด โดยเฉพาะไฟป่าครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก เรื่องราวตอนนี้ทำให้เราได้เห็นความพยายามของคนหลาย ๆ คนในการฟื้นฟูระบบนิเวศขึ้นอีกครั้ง เช่น สจวร์ต บลันช์ ผู้ลงมือปลูกต้นไม้นับล้านต้นเพื่อสร้างที่อยู่ใหม่ให้โคอาลา และ ดานา กับ แซม มิตเชลล์ ที่ทุ่มเทตัวเองช่วยเหลือสัตว์ป่าใน Kangaroo Island Wildlife Park
มาที่มหาสมุทร ออสเตรเลียมีเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) หรือพืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลกซึ่งก็กำลังประสบปัญหาภาวะฟอกขาว เราจะได้เห็นโครงการของศาสตราจารย์ ปีเตอร์ แฮร์ริสัน ในการศึกษาการขยายพันธุ์ปะการัง และครอบครัว ปีเตอร์ แกช ผู้ฟื้นฟูเกาะ เลดี้ เอลเลียต ด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ถัดมา สารคดีพาเราเดินทางสู่หมู่เกาะอินโดนีเซีย เจ้าของป่าฝนสุดอุดมสมบูรณ์ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาการทำลายป่าเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม การทำงานที่นี่ซับซ้อนกว่าที่อื่น ๆ เพราะนอกจากนักอนุรักษ์จะต้องหาหนทางปกป้องชีวิตสัตว์แล้ว ยังต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนในท้องถิ่นไปพร้อมกันด้วย ในตอนนี้เราจะได้ไปทำความรู้จักกับทั้ง เรย์นี เพโลโฮเนน ผู้ผลักดันให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ลิงกังดำ แล้วยอมเลิกประเพณีการบริโภคเนื้อลิง และ ซาราห์ ลูอิส กับ เฟมเก เดน ฮาส ที่ต่อสู้เพื่อนำปลากระเบนราหูกับโลมากลับคืนสู่มหาสมุทร หลังจากที่ปลากระเบนดังกล่าวตกเป็นเหยื่อของการถูกล่าเพื่อนำเหงือกไปขายในตลาดมืดที่จีน และโลมาถูกจับไปเพื่อความบันเทิงของมนุษย์


ปิดท้ายที่ทวีปแอฟริกาซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับหายนะทางระบบนิเวศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งจากการทำเหมืองและตัดไม้ผิดกฎหมาย ไปจนถึงการบุกรุกของชุมชนมนุษย์เข้าไปในพื้นที่ป่า สารคดีพาเราไปสำรวจความซับซ้อนของปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ซึ่งไม่ได้เป็นแค่การกระทำของคนไม่กี่คน แท้จริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการใหญ่ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยกลยุทธ์และเทคโนโลยีในการต่อสู้ ในตอนนี้เราจะได้รู้จักเทคโนโลยีล้ำๆ อย่าง FLIR (Forward-Looking Infrared) ซึ่งเป็นระบบตรวจจับความร้อนที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ของเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า Ol Pejeta Conservancy ในเคนยาสามารถปฏิบัติงานได้แม่นยำในเวลากลางคืน พร้อม ๆ กับที่ก็ได้เห็นการทำงานที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นต่อเนื่อง อย่างการฟื้นฟูประชากรเสือชีตาห์ และการยกระดับสถานะของกอริลลาภูเขาจากสัตว์ที่อยู่ในภาวะวิกฤตสู่ภาวะใกล้สูญพันธุ์ เป็นต้น
ในท่ามกลางภาพยนตร์มากมายที่ชี้ให้เห็นสภาพชวนสิ้นหวังของปัญหาสิ่งแวดล้อม Critical Kingdoms จึงสร้างความแตกต่างให้ตัวเองได้อย่างดีด้วยการพยายามเปิดมุมมองว่า ปัญหาไม่ได้มีแค่ด้านเดียว และทางออกก็ไม่ได้มีแค่ทางเดียวด้วย การอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นเป็นงานที่ต้องอาศัยแนวทางที่หลากหลายและบูรณาการ ทั้งด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องพึ่งพาผู้คนที่ยังมีความกล้าหาญในการต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อด้วยความเชื่อที่ว่า โลกของเรายังคงมีโอกาสเสมอ

▶ ติดตามสารคดี Critical Kingdoms: Stories of Hope ฝ่าวิกฤตอาณาจักรธรรมชาติ สำรวจระบบนิเวศอันเปราะบางของโลก พร้อมเรื่องราวการอนุรักษ์ ที่มนุษย์ต่างเร่งมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตให้รอดพ้นจากขอบเหวแห่งการสูญพันธุ์ โลกของเรากำลังเผชิญกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่หก และครั้งนี้มนุษย์คือผู้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะใต้ท้องทะเลหรือกลางเวหา จากทะเลทราย ป่าดิบ ไปจนถึงขุนเขาและทะเลสาบ โลกใบนี้โอบอุ้มชีวิตหลากหลายถึง 8.7 ล้านสายพันธุ์ ความหลากหลายทางชีวภาพของมันกว้างไกลเกินจินตนาการ ขณะที่ความโลภของเรากำลังบั่นทอนทรัพยากรธรรมชาติลงเรื่อย ๆ น่าเศร้าที่ว่า สิ่งมีชีวิตถึง 90 เปอร์เซ็นต์ยังไม่ทันได้มีชื่อ หากเรายังไม่หยุดทำลายธรรมชาติ
รับชมได้ทาง www.VIPA.me และ VIPA Application