ลักเซมเบิร์กทดลองใช้เทคโนโลยี บ้านพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ เพื่อตอบโจทย์การมีที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง ขนาดกะทัดรัด สร้างเสร็จภายในเวลาไม่กี่วัน และมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน
เทคโนโลยีการก่อสร้างกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยการพัฒนา "เทคโนโลยีการพิมพ์บ้านแบบ 3 มิติ" (3D Printing House) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างของปัญหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมไม่ถึง โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีค่าครองชีพสูง
นวัตกรรมนี้สามารถสร้างสรรค์บ้านขนาดกะทัดรัดแต่มีฟังก์ชันใช้งานครบถ้วน ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนในด้านแรงงาน วัสดุก่อสร้าง และยังใช้พื้นที่การก่อสร้างน้อยลงอย่างมาก การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จึงเป็นการขยายโอกาสครั้งสำคัญให้แก่ประชาชนในหลายประเทศทั่วโลก ให้สามารถมีบ้านหลังแรกเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น
ประเทศลักเซมเบิร์กเริ่มนำเทคโนโลยีพิมพ์บ้าน 3 มิติ มาใช้สร้างที่อยู่อาศัยต้นแบบบนพื้นที่ไม่กว้างมาก แต่จัดฟังก์ชันสำคัญได้ครบ ทั้งพื้นที่พักผ่อน ห้องน้ำ และส่วนใช้งานหลัก การพิมพ์บ้านด้วยแขนหุ่นยนต์ที่อัดคอนกรีตเป็นชั้น ๆ ช่วยให้รูปทรงมีความแม่นยำและลดความผิดพลาดจากงานก่อสร้างแบบเดิม กระบวนการนี้ต้องใช้แรงงานน้อยลงอย่างมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมลดลง และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในเมืองที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์สูง
การพิมพ์บ้านแบบ 3 มิติ สามารถสร้างโครงสร้างหลักได้ภายในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่างานก่อสร้างทั่วไปหลายเท่า ความเร็วนี้เกิดจากการทำงานต่อเนื่องของระบบพิมพ์อัตโนมัติที่ไม่ต้องหยุดพัก และลดขั้นตอนที่กินเวลานาน เช่น การประกอบแบบหล่อหรือผสมวัสดุซ้ำ ๆ นอกจากนี้ ความแม่นยำของระบบยังช่วยลดวัสดุส่วนเกิน ทำให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง บ้านที่สร้างจากระบบนี้จึงตอบโจทย์ทั้งความรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และความยั่งยืนด้านวัสดุก่อสร้าง
จุดเด่นของบ้านพิมพ์ 3 มิติ คือการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้มีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถจัดผังภายในอย่างยืดหยุ่นด้วยการออกแบบดิจิทัลที่ปรับแต่งได้ก่อนเริ่มก่อสร้าง สถาปนิกสามารถจำลองการใช้งานจริงและกำหนดฟังก์ชันให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัย เช่น ครอบครัวขนาดเล็ก คนวัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ การออกแบบที่ปรับได้อย่างละเอียดนี้ทำให้บ้านขนาดเล็กมีความสะดวกสบายและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างแบบพิมพ์ยังรองรับการเพิ่มฉนวนหรือเสริมผนังเพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศแต่ละประเทศ
หลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญความท้าทายเรื่องที่อยู่อาศัยราคาเข้าถึงได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการบ้านหลังแรกแต่ประสบปัญหาค่าก่อสร้างและค่าที่ดินสูง เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น อีกทั้งใช้แรงงานน้อย ลดปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้างในหลายเมือง รวมทั้งลดระยะเวลารอคอย ทำให้ระบบที่อยู่อาศัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กระบวนการพิมพ์บ้านยังเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยปรับแต่งพื้นที่ตามความต้องการเฉพาะ เช่น การเพิ่มช่องแสง การออกแบบส่วนทำงาน หรือขยายพื้นที่โดยต่อเติมโมดูลใหม่ในอนาคต การใช้ระบบดิจิทัลตั้งแต่ต้นยังช่วยลดความผิดพลาดของแบบก่อสร้างและเพิ่มความปลอดภัยของโครงสร้าง ทำให้เทคโนโลยีนี้เหมาะทั้งสำหรับบ้านเดี่ยวขนาดเล็กและโครงการที่อยู่อาศัยหลายยูนิตที่ต้องการความรวดเร็วและความสม่ำเสมอของคุณภาพ บ้านลักษณะนี้จึงกลายเป็นแนวทางสำคัญที่หลายประเทศเริ่มทดลองใช้อย่างจริงจัง
บ้านจากเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติช่วยให้คนจำนวนมากมีโอกาสเข้าถึงบ้านหลังแรกได้ง่ายขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลารอคอย อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดวัสดุส่วนเกิน จึงเป็นทางเลือกที่น่าจับตาในอนาคตของการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วโลก
เรียบเรียงโดย ขนิษฐา จันทร์ทร
ที่มาข้อมูล: odaarchitects, yankodesign, interestingengineering, design-milk
ที่มาภาพ: odaarchitects
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















