ในขณะที่ปี 2568 ใกล้จะสิ้นสุดลง รัฐบาลทหารเมียนมากำลังจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งตัวแทนสื่ออิสระและนักวิชาการจากเวทีเสวนา ‘Voices from the Frontline: Navigating the Future of Myanmar’ ที่จัดโดยไทยพีบีเอสเวิลด์ มองว่าการเลือกตั้งเมียนมาครั้งนี้ แฝงไปด้วยข้อกังขาเกี่ยวกับความชอบธรรมและความเชื่อถือไว้วางใจจากสาธารณะ
มุมมองดังกล่าวสะท้อนคำนิยามที่ นายทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติด้านสถานการณ์มนุษยธรรมในเมียนมา เขียนไว้ว่าเป็น “sham election” หรือ “การเลือกตั้งจอมปลอม”

โท ซอว์ ลัตต์ ผู้แทนจากสภาสื่ออิสระเมียนมา (Independent Press Council of Myanmar) ระบุว่า มีชาวเมียนมาจำนวนมากที่ไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งนี้
“คนไม่อยากมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรทหารก็ชนะ จะออกไปคูหาเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เขาทำไม” นาย โท กล่าว

นายโท กล่าวด้วยว่า แม้ว่ากฎหมายเมียนมาจะไม่มีข้อบังคับว่าต้องออกไปกาบัตรเลือกตั้ง ประชาชนชาวเมียนมาจำนวนมากยังกังวลว่าจะถูกเช็คชื่อและจะมีผลเสียตามมาหากไม่ออกไปใช้สิทธิ์
ส้ญญาณที่บ่งชี้ว่าการเลือกตั้งเมียนมาครั้งนี้อาจจะมีผู้ใช้สิทธิ์น้อย คือการเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งจัดขึ้นที่สถานทูตเมียนมาในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนนี้
“ทั้งสองวัน มีคนไม่ถึงครึ่งของที่ลงทะเบียนเอาไว้ ออกไปกาบัตร”
แนตตี้ อรรวี แตงมีแสง นักข่าวอิสระเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Natty Loves Myanmar เล่าจากที่เธอได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยตัวเอง
“นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงมุมมองของชาวเมียนมาต่อสิ่งที่เราเรียกว่า ‘การเลือกตั้งจอมปลอม’”

การเลือกตั้งเมียนมาครั้งนี้ ไม่ได้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ แต่จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ การลงคะแนนรอบแรกมีแผนจะจัดขึ้นวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ตามมาด้วยการเลือกตั้งอีกสองครั้งที่จัดขึ้นห่างกันประมาณสองสัปดาห์
จากรายงานของสำนักข่าวบีบีซี เมื่อปี 2567 กองกำลังทหารเมียนมาสามารถควบคุมพื้นที่ได้เพียงร้อยละ 21 ของประเทศ อีกร้อยละ 42 อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และร้อยละ 29 ยังอยู่ภายใต้การต่อสู้แย่งชิงกัน
รองศาสตราจารย์ สุรัชนี ศรีใย ระบุว่าสถานการณ์เช่นนี้ เป็นความท้าทายสำหรับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย


“บริเวณที่ติดชายแดนไทย ส่วนมากอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่าง ๆ และรัฐบาลพลัดถิ่น ดังนั้นเราจำเป็นต้องหาหนทางร่วมกับพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศเราเอง” รองศาสตราจารย์ สุรัชนี กล่าว
“หากเราไม่ร่วมมือกับพวกเขา ก็อาจเป็นการเปิดช่องให้มหาอำนาจอื่นเข้ามาแทรกแซงได้”
นายโซ มิน ตัวแทนจากมิซซิมานิวส์ เห็นด้วยกับข้อกังวลนี้ โดยเขาเรียกการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า
“เป็นการเลือกตั้งที่มีจีนเป็นสปอนเซอร์”

ในขณะที่กลุ่มประเทศตะวันตก ได้ออกมาประณามการเลือกตั้งเมียนมาที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่รองศาสตราจารย์ สุรัชนี ศรีใย ระบุว่า ชาติตะว้นตกยังไม่ได้ให้การสนับสนุนเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
“เรายังไม่เห็นอะไรมากไปกว่าแค่การออกแถลงการณ์” อาจารย์สุรัชนี กล่าว
ในปัจจุบัน ความพยายามหลักของนานาชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตการเมืองเมียนมา มีอยู่สองส่วนคือ ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน (ASEAN Five-Point Consensus) และข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติที่ 2669 (UN Security Council resolution 2669) ซึ่งเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในทันที
แล้วอนาคตของเมียนมาหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร?

นางมอน มอน เมี๊ยต ที่ปรึกษาอาวุโสของเดโมเครติค วอย์ซ ออฟ เบอร์มา (DVB) คาดการณ์ว่า เมียนมาจะเข้าสู่ระบอบอำนาจนิยมอย่างเต็มรูปแบบ
“บรรทัดฐานประชาธิปไตยถูกทำลาย และเสรีภาพของประชาชนถูกห้าม เพื่อให้ทหารรักษาอำนาจไว้ได้”
ติดตามชมรายการทันโลก กับ Thai PBS วันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 21.00 – 21.30 น. ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือรับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live และชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/Tanloke



















