น้ำสลัดทำเองที่บ้านคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรักสุขภาพ ทำง่าย อร่อย และปลอดสาร Emulsifier อุตสาหกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและจุลินทรีย์ในลำไส้ วันนี้เราจะพาคุณมาทำน้ำสลัดแบบเฮลทีด้วยตัวเองง่ายๆ ทั้งแบบครีมมีและน้ำใส พร้อมเคล็ดลับการทำให้อร่อยแบบมืออาชีพ
น้ำสลัดสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่มักมีการเติม Emulsifier (อิมัลซิไฟเออร์) ซึ่งเป็นสารช่วยให้น้ำและน้ำมันผสมเป็นเนื้อเดียวกันและไม่แยกชั้น แม้ว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคงตัวและดูสวยงาม แต่การบริโภค Emulsifier อุตสาหกรรมในปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
จากรายงานการวิจัยล่าสุดพบว่า Emulsifier อุตสาหกรรมหลายชนิดสามารถรบกวนการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลต่ออารมณ์ การปล่อยฮอร์โมน และสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะ CMC (Carboxymethylcellulose) และ P-80 (Polysorbate 80) ซึ่งการทดลองในหนูทดลองพบว่าทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้ลดลงและทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีผลต่อการจัดการความเครียดอีกด้วย เมื่อเราเลือกน้ำสลัดทำเองที่บ้าน เราสามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชนิดของน้ำมันที่ใช้ ความสดใหม่ของส่วนผสม และที่สำคัญคือไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆ เลย
ซีซาร์สลัดเป็นหนึ่งในเมนูสลัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยน้ำสลัดแบบซีซาร์นั้นมีพื้นฐานมาจากมายองเนส แต่เราจะทำแบบเฮลทีโดยใช้ ไข่แดง เป็นตัว Emulsifier ธรรมชาติแทนสารเคมี เพราะในไข่แดงมี Lecithin ซึ่งเป็น Emulsifier ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ขั้นตอนที่ 1: ทำเบสมายองเนส
ใส่ไข่แดงและเกลือเล็กน้อยในชาม ใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตีแบบไฟฟ้าคนให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ เทน้ำมันลงไปทีละนิดทีละน้อย โดยช่วงแรกต้องเทช้ามากเพื่อให้เกิดการ Emulsify (การผสมกันระหว่างน้ำกับน้ำมัน) ถ้าเทเร็วเกินไป น้ำสลัดจะแยกชั้นและเนื้อครีมไม่เนียน
เคล็ดลับ: สูตรมายองเนสพื้นฐานคือ ไข่ 1 ฟอง ต่อ น้ำมัน 1 ถ้วย เมื่อเริ่มข้นแล้วค่อยเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย เพื่อลดความข้นและเพิ่มรสชาติ หลังจากนั้นสามารถเทน้ำมันเร็วขึ้นได้เพราะส่วนผสมเริ่มอยู่ตัวแล้ว
ถ้ามายองเนสเหนียวเกินไป ให้เติมน้ำเปล่านิดหน่อยเพื่อปรับความเหลว จากนั้นจึงค่อยเติมน้ำมันต่อได้ ชิมรสชาติเพื่อปรับความเค็มและเปรี้ยวให้พอดี
ขั้นตอนที่ 2: ปรุงเป็นซีซาร์
เมื่อได้มายองเนสที่มีคุณภาพแล้ว ให้สับปลาแองโชวี่, Capers, หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด นำมาผสมกับมายองเนสที่ทำไว้ ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ และมัสตาร์ดเล็กน้อย จากนั้นโรยชีสพาเมซานขูดหยาบลงไป ผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติและปรับให้ได้ความเค็ม เปรี้ยว และความมันที่สมดุล หากต้องการความเปรี้ยวเพิ่มสามารถใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวได้ ส่วนผสมที่ได้จะมีรสชาติหลายชั้น ครีมมี หอม และมีความเค็มกำลังดี
ตามตำรับดั้งเดิมควรใช้ Romaine Lettuce หรือผักคอส แต่สามารถใช้ผักสดหลากหลายชนิดได้ตามชอบ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นผักกาดหอม ผักกาดแก้ว หรือผักโขมอ่อน
Toppings ที่ขาดไม่ได้:
คลุกผักกับน้ำสลัด เพื่อให้น้ำสลัดเคลือบทั่วทุกใบโดยไม่ทำให้ผักช้ำ จากนั้นจัดใส่จาน โรยหน้าด้วย Toppings ต่างๆ ให้สวยงาม
ข้อควรระวัง: น้ำสลัดที่ทำเองไม่มีสารกันบูด ควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายใน 3 วัน เนื่องจากมีไข่ดิบเป็นส่วนผสม
ใส่น้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำผึ้ง และมัสตาร์ดในชาม ตีให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ เทน้ำมันลงไปพร้อมตี (ครั้งนี้ไม่ต้องเทช้าเท่ากับทำมายองเนส) เติมน้ำมันงาเพื่อความหอม ใส่ขิง หอมแดง และกระเทียมที่สับละเอียดแล้ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วญี่ปุ่นเพื่อความเค็มและกลิ่นอายเอเชียน ตามด้วยพริกไทยดำ บีบน้ำมะนาวเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน
เคล็ดลับ: น้ำสลัดแบบน้ำใสอาศัยการตีอากาศเข้าไปเพื่อให้น้ำและน้ำมันผสมกันชั่วคราว ยิ่งตีมากยิ่งจะมีความข้นและสวยขึ้น แต่เมื่อตั้งทิ้งไว้นานอาจแยกชั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เขย่าให้เข้ากันก่อนใช้ได้เลย
เพื่อความสมดุลของอาหารและเพิ่มโปรตีนจากพืช แนะนำให้ใช้ เทมเป้ ทอดเป็นทอปปิง แทนเบคอนหรือเนื้อสัตว์ เทมเป้ทำมาจากถั่วเหลืองหมัก มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย และมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร
หั่นเทมเป้เป็นชิ้นเล็กบางๆ ทอดในน้ำมันร้อนจนกรอบและเป็นสีทอง โรยเกลือเล็กน้อยตอนยังร้อนๆ เทมเป้ที่ทอดแล้วจะมีเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม มีรสชาติเค็มมันและหอม
เลือกใช้ผักสดหลากสีหลากชนิด เช่น ผักกาดหอม (Butterhead) มะเขือเทศราชินีหลายสี ผักกาดแก้ว หรือผักโขม เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย ราดน้ำสลัดบัลซามิกแบบน้ำใสที่ทำไว้ คลุกเบาๆ ด้วยมือให้ทั่ว โรยหน้าด้วยเทมเป้ทอดกรอบ Croutons หลายสี และชีสธรรมชาติตามชอบ
หมายเหตุสำคัญ: รสชาติของน้ำสลัดแบบนี้จะมีความเปรี้ยวหวานจากน้ำผึ้งและบัลซามิก มีความหอมจากขิงและกระเทียม และความมันจากน้ำมันงา เหมาะกับคนที่ชอบรสชาติแบบเอเชียนฟิวชั่น
เนื่องจากน้ำสลัดทำเองมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก การเลือกน้ำมันคุณภาพดีจึงสำคัญมาก น้ำมันอาโวคาโดเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม แต่หากคิดว่าแพงเกินไปสามารถผสมกับน้ำมันเมล็ดชา น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันมะกอกได้
สำหรับน้ำสลัดแบบครีมที่ใช้ไข่แดง ช่วงแรกของการเทน้ำมันต้องอดทนเทช้ามาก เพื่อให้เกิดการ Emulsify ที่สมบูรณ์ เมื่อเริ่มข้นและอยู่ตัวแล้วจึงสามารถเทเร็วขึ้นได้
ชิมรสชาติบ่อยๆ ระหว่างทำ เพื่อปรับความเค็ม เปรี้ยว หวาน และมัน ให้สมดุลกัน อย่างซีซาร์ควรมีความเค็มจากปลาแองโชวี่และชีส ความเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และความมันจากน้ำมัน
น้ำสลัดที่ทำเองควรเก็บในภาชนะปิดมิดชิดในตู้เย็น สามารถเก็บได้ประมาณ 3 วัน เนื่องจากมีไข่ดิบและไม่มีสารกันบูด หากเป็นแบบน้ำใสที่ไม่มีไข่อาจเก็บได้นานขึ้นเล็กน้อย
การคลุกสลัดด้วยมือจะช่วยให้สัมผัสได้ว่าน้ำสลัดเคลือบผักทั่วหรือยัง และช่วยไม่ให้ผักช้ำมากเกินไป ซึ่งดีกว่าการใช้ช้อนส้อมคลุก
A: น้ำสลัดที่มีไข่ดิบ เช่น มายองเนสหรือซีซาร์ ควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายใน 3 วัน ส่วนน้ำสลัดแบบน้ำใสที่ไม่มีไข่สามารถเก็บได้นานกว่าเล็กน้อย แต่ก็ควรบริโภคภายใน 5-7 วัน
A: ได้ เป็นเรื่องปกติสำหรับน้ำสลัดที่ไม่มี Emulsifier อุตสาหกรรม โดยเฉพาะน้ำสลัดแบบน้ำใส เพียงแค่เขย่าให้เข้ากันก่อนใช้ก็สามารถใช้ได้ปกติ
A: น้ำมันอาโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา และน้ำมันรำข้าวล้วนเป็นตัวเลือกที่ดี สามารถเลือกใช้ตามงบประมาณและรสชาติที่ชอบ หรือผสมหลายชนิดเข้าด้วยกันก็ได้
A: สามารถใช้ Lecithin จากถั่วเหลือง (แบบออร์แกนิก) หรือนมข้าวโพด แต่จะได้ความข้นและรสชาติที่แตกต่างจากการใช้ไข่แดง อีกวิธีคือใช้อาโวคาโดสุกบดแทน ซึ่งจะได้น้ำสลัดที่ครีมมีและมีประโยชน์สูง
A: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ น้ำสลัดแบบครีม เช่น มายองเนสหรือซีซาร์ มีแคลอรีสูงเพราะมีน้ำมันมาก ควรใช้ในปริมาณพอประมาณ ส่วนน้ำสลัดแบบน้ำใสจะมีแคลอรีต่ำกว่า แต่ก็ยังมีน้ำมันอยู่ ดังนั้นควรควบคุมปริมาณการใช้
น้ำสลัดทำเองที่บ้านเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัว ทำง่าย อร่อย ปลอดภัยจาก Emulsifier อุตสาหกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้เอง และปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นซีซาร์แบบครีมมีที่ใช้ไข่แดงเป็น Emulsifier ธรรมชาติ หรือบัลซามิกแบบน้ำใสที่มีแคลอรีต่ำกว่า ทั้งสองแบบล้วนทำง่ายและอร่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปขั้นสูง (Ultra-Processed Food) และสารเคมีต่างๆ
เริ่มทำน้ำสลัดเองที่บ้านวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและโลกใบนี้ ดีต่อสุขภาพ ดีต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือทำให้คุณและครอบครัวมีความสุขกับการรับประทานอาหารมากขึ้น
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-น้ำสลัดทำเองที่บ้านคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรักสุขภาพ ทำง่าย อร่อย และปลอดสาร Emulsifier อุตสาหกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและจุลินทรีย์ในลำไส้ วันนี้เราจะพาคุณมาทำน้ำสลัดแบบเฮลทีด้วยตัวเองง่ายๆ ทั้งแบบครีมมีและน้ำใส พร้อมเคล็ดลับการทำให้อร่อยแบบมืออาชีพ
น้ำสลัดสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่มักมีการเติม Emulsifier (อิมัลซิไฟเออร์) ซึ่งเป็นสารช่วยให้น้ำและน้ำมันผสมเป็นเนื้อเดียวกันและไม่แยกชั้น แม้ว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคงตัวและดูสวยงาม แต่การบริโภค Emulsifier อุตสาหกรรมในปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
จากรายงานการวิจัยล่าสุดพบว่า Emulsifier อุตสาหกรรมหลายชนิดสามารถรบกวนการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลต่ออารมณ์ การปล่อยฮอร์โมน และสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะ CMC (Carboxymethylcellulose) และ P-80 (Polysorbate 80) ซึ่งการทดลองในหนูทดลองพบว่าทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้ลดลงและทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีผลต่อการจัดการความเครียดอีกด้วย เมื่อเราเลือกน้ำสลัดทำเองที่บ้าน เราสามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชนิดของน้ำมันที่ใช้ ความสดใหม่ของส่วนผสม และที่สำคัญคือไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆ เลย
ซีซาร์สลัดเป็นหนึ่งในเมนูสลัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยน้ำสลัดแบบซีซาร์นั้นมีพื้นฐานมาจากมายองเนส แต่เราจะทำแบบเฮลทีโดยใช้ ไข่แดง เป็นตัว Emulsifier ธรรมชาติแทนสารเคมี เพราะในไข่แดงมี Lecithin ซึ่งเป็น Emulsifier ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ขั้นตอนที่ 1: ทำเบสมายองเนส
ใส่ไข่แดงและเกลือเล็กน้อยในชาม ใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตีแบบไฟฟ้าคนให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ เทน้ำมันลงไปทีละนิดทีละน้อย โดยช่วงแรกต้องเทช้ามากเพื่อให้เกิดการ Emulsify (การผสมกันระหว่างน้ำกับน้ำมัน) ถ้าเทเร็วเกินไป น้ำสลัดจะแยกชั้นและเนื้อครีมไม่เนียน
เคล็ดลับ: สูตรมายองเนสพื้นฐานคือ ไข่ 1 ฟอง ต่อ น้ำมัน 1 ถ้วย เมื่อเริ่มข้นแล้วค่อยเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย เพื่อลดความข้นและเพิ่มรสชาติ หลังจากนั้นสามารถเทน้ำมันเร็วขึ้นได้เพราะส่วนผสมเริ่มอยู่ตัวแล้ว
ถ้ามายองเนสเหนียวเกินไป ให้เติมน้ำเปล่านิดหน่อยเพื่อปรับความเหลว จากนั้นจึงค่อยเติมน้ำมันต่อได้ ชิมรสชาติเพื่อปรับความเค็มและเปรี้ยวให้พอดี
ขั้นตอนที่ 2: ปรุงเป็นซีซาร์
เมื่อได้มายองเนสที่มีคุณภาพแล้ว ให้สับปลาแองโชวี่, Capers, หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด นำมาผสมกับมายองเนสที่ทำไว้ ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ และมัสตาร์ดเล็กน้อย จากนั้นโรยชีสพาเมซานขูดหยาบลงไป ผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติและปรับให้ได้ความเค็ม เปรี้ยว และความมันที่สมดุล หากต้องการความเปรี้ยวเพิ่มสามารถใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวได้ ส่วนผสมที่ได้จะมีรสชาติหลายชั้น ครีมมี หอม และมีความเค็มกำลังดี
ตามตำรับดั้งเดิมควรใช้ Romaine Lettuce หรือผักคอส แต่สามารถใช้ผักสดหลากหลายชนิดได้ตามชอบ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นผักกาดหอม ผักกาดแก้ว หรือผักโขมอ่อน
Toppings ที่ขาดไม่ได้:
คลุกผักกับน้ำสลัด เพื่อให้น้ำสลัดเคลือบทั่วทุกใบโดยไม่ทำให้ผักช้ำ จากนั้นจัดใส่จาน โรยหน้าด้วย Toppings ต่างๆ ให้สวยงาม
ข้อควรระวัง: น้ำสลัดที่ทำเองไม่มีสารกันบูด ควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายใน 3 วัน เนื่องจากมีไข่ดิบเป็นส่วนผสม
ใส่น้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำผึ้ง และมัสตาร์ดในชาม ตีให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ เทน้ำมันลงไปพร้อมตี (ครั้งนี้ไม่ต้องเทช้าเท่ากับทำมายองเนส) เติมน้ำมันงาเพื่อความหอม ใส่ขิง หอมแดง และกระเทียมที่สับละเอียดแล้ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วญี่ปุ่นเพื่อความเค็มและกลิ่นอายเอเชียน ตามด้วยพริกไทยดำ บีบน้ำมะนาวเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน
เคล็ดลับ: น้ำสลัดแบบน้ำใสอาศัยการตีอากาศเข้าไปเพื่อให้น้ำและน้ำมันผสมกันชั่วคราว ยิ่งตีมากยิ่งจะมีความข้นและสวยขึ้น แต่เมื่อตั้งทิ้งไว้นานอาจแยกชั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เขย่าให้เข้ากันก่อนใช้ได้เลย
เพื่อความสมดุลของอาหารและเพิ่มโปรตีนจากพืช แนะนำให้ใช้ เทมเป้ ทอดเป็นทอปปิง แทนเบคอนหรือเนื้อสัตว์ เทมเป้ทำมาจากถั่วเหลืองหมัก มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย และมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร
หั่นเทมเป้เป็นชิ้นเล็กบางๆ ทอดในน้ำมันร้อนจนกรอบและเป็นสีทอง โรยเกลือเล็กน้อยตอนยังร้อนๆ เทมเป้ที่ทอดแล้วจะมีเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม มีรสชาติเค็มมันและหอม
เลือกใช้ผักสดหลากสีหลากชนิด เช่น ผักกาดหอม (Butterhead) มะเขือเทศราชินีหลายสี ผักกาดแก้ว หรือผักโขม เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย ราดน้ำสลัดบัลซามิกแบบน้ำใสที่ทำไว้ คลุกเบาๆ ด้วยมือให้ทั่ว โรยหน้าด้วยเทมเป้ทอดกรอบ Croutons หลายสี และชีสธรรมชาติตามชอบ
หมายเหตุสำคัญ: รสชาติของน้ำสลัดแบบนี้จะมีความเปรี้ยวหวานจากน้ำผึ้งและบัลซามิก มีความหอมจากขิงและกระเทียม และความมันจากน้ำมันงา เหมาะกับคนที่ชอบรสชาติแบบเอเชียนฟิวชั่น
เนื่องจากน้ำสลัดทำเองมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก การเลือกน้ำมันคุณภาพดีจึงสำคัญมาก น้ำมันอาโวคาโดเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม แต่หากคิดว่าแพงเกินไปสามารถผสมกับน้ำมันเมล็ดชา น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันมะกอกได้
สำหรับน้ำสลัดแบบครีมที่ใช้ไข่แดง ช่วงแรกของการเทน้ำมันต้องอดทนเทช้ามาก เพื่อให้เกิดการ Emulsify ที่สมบูรณ์ เมื่อเริ่มข้นและอยู่ตัวแล้วจึงสามารถเทเร็วขึ้นได้
ชิมรสชาติบ่อยๆ ระหว่างทำ เพื่อปรับความเค็ม เปรี้ยว หวาน และมัน ให้สมดุลกัน อย่างซีซาร์ควรมีความเค็มจากปลาแองโชวี่และชีส ความเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และความมันจากน้ำมัน
น้ำสลัดที่ทำเองควรเก็บในภาชนะปิดมิดชิดในตู้เย็น สามารถเก็บได้ประมาณ 3 วัน เนื่องจากมีไข่ดิบและไม่มีสารกันบูด หากเป็นแบบน้ำใสที่ไม่มีไข่อาจเก็บได้นานขึ้นเล็กน้อย
การคลุกสลัดด้วยมือจะช่วยให้สัมผัสได้ว่าน้ำสลัดเคลือบผักทั่วหรือยัง และช่วยไม่ให้ผักช้ำมากเกินไป ซึ่งดีกว่าการใช้ช้อนส้อมคลุก
A: น้ำสลัดที่มีไข่ดิบ เช่น มายองเนสหรือซีซาร์ ควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายใน 3 วัน ส่วนน้ำสลัดแบบน้ำใสที่ไม่มีไข่สามารถเก็บได้นานกว่าเล็กน้อย แต่ก็ควรบริโภคภายใน 5-7 วัน
A: ได้ เป็นเรื่องปกติสำหรับน้ำสลัดที่ไม่มี Emulsifier อุตสาหกรรม โดยเฉพาะน้ำสลัดแบบน้ำใส เพียงแค่เขย่าให้เข้ากันก่อนใช้ก็สามารถใช้ได้ปกติ
A: น้ำมันอาโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา และน้ำมันรำข้าวล้วนเป็นตัวเลือกที่ดี สามารถเลือกใช้ตามงบประมาณและรสชาติที่ชอบ หรือผสมหลายชนิดเข้าด้วยกันก็ได้
A: สามารถใช้ Lecithin จากถั่วเหลือง (แบบออร์แกนิก) หรือนมข้าวโพด แต่จะได้ความข้นและรสชาติที่แตกต่างจากการใช้ไข่แดง อีกวิธีคือใช้อาโวคาโดสุกบดแทน ซึ่งจะได้น้ำสลัดที่ครีมมีและมีประโยชน์สูง
A: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ น้ำสลัดแบบครีม เช่น มายองเนสหรือซีซาร์ มีแคลอรีสูงเพราะมีน้ำมันมาก ควรใช้ในปริมาณพอประมาณ ส่วนน้ำสลัดแบบน้ำใสจะมีแคลอรีต่ำกว่า แต่ก็ยังมีน้ำมันอยู่ ดังนั้นควรควบคุมปริมาณการใช้
น้ำสลัดทำเองที่บ้านเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัว ทำง่าย อร่อย ปลอดภัยจาก Emulsifier อุตสาหกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้เอง และปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นซีซาร์แบบครีมมีที่ใช้ไข่แดงเป็น Emulsifier ธรรมชาติ หรือบัลซามิกแบบน้ำใสที่มีแคลอรีต่ำกว่า ทั้งสองแบบล้วนทำง่ายและอร่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปขั้นสูง (Ultra-Processed Food) และสารเคมีต่างๆ
เริ่มทำน้ำสลัดเองที่บ้านวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและโลกใบนี้ ดีต่อสุขภาพ ดีต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือทำให้คุณและครอบครัวมีความสุขกับการรับประทานอาหารมากขึ้น
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-