หอยแมลงภู่ชุมพร หนึ่งในผลิตผลทางทะเลที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย โดยเฉพาะจากพื้นที่อ่าวทุ่งคาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่คุณภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยเนื้อหอยที่อ้วนแน่น รสชาติหวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ ทำให้หอยแมลงภู่ชุมพรได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนชาวประมงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน
หอยแมลงภู่ชุมพรมีคุณภาพโดดเด่นกว่าหอยจากแหล่งอื่นด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกคือ “สภาพแวดล้อมของอ่าวทุ่งคาที่มีน้ำจืดไหลมาผสมกับน้ำทะเล” ทำให้เนื้อหอยมีรสชาติหวานมากกว่าหอยที่เลี้ยงในทะเลเปิดทั่วไป นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีโรงงานหรือน้ำเสียปนเปื้อน จึงทำให้หอยแมลงภู่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง
เมื่อนำหอยแมลงภู่ชุมพรมาลวก เนื้อหอยจะมีลักษณะอ้วนแน่น นุ่มเด้ง ไม่คาว และที่สำคัญคือมีรสหวานธรรมชาติที่ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย แต่ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นอีก
การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในจังหวัดชุมพรเริ่มต้นจากความบังเอิญที่น่าสนใจ เดิมทีชาวประมงในพื้นที่จะทำ "โป๊ะปลา" โดยนำไม้ไผ่มาปักให้เป็นช่องเพื่อดักปลาให้ไหลเข้าสู่อวน ต่อมาได้สังเกตว่ามีหอยแมลงภู่มาเกาะที่ไม้ไผ่เหล่านั้น ชาวประมงจึงเริ่มเก็บหอยไปขาย
จากการค้นพบนี้ ชาวประมงเริ่มมีการนำไม้ไผ่มาปักเพื่อเลี้ยงหอยแมลงภู่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องทำโป๊ะปลาอีกต่อไป วิธีการนี้กลายเป็นอาชีพหลักของชุมชนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้อ่าวทุ่งคาเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
การเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบดั้งเดิมใช้วิธีการปักไม้ไผ่ลงในพื้นทะเล โดยไม้ไผ่ที่นำมาใช้จะต้องเป็นไม้ที่แก่แล้ว ไม่ใช่ไม้อ่อนเพราะจะหักง่าย สำหรับชาวประมงในพื้นที่จะต้องสั่งซื้อไม้ไผ่จากจังหวัดลำปาง โดยซื้อมาทีละคันรถเทรลเลอร์ ราคาอยู่ที่ต้นละ 6 บาท หากสั่งมา 3,000 ต้นก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาท
บริเวณที่จะปักไม้ไผ่จะต้องเป็นพื้นที่ที่มีลูกหอยแมลงภู่เกิดตามธรรมชาติ สังเกตได้จากการมีกระติบเล็ก ๆ เกาะที่วัสดุต่าง ๆ ในทะเล เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้วก็นำไม้ไผ่มาปักโดยเสียบลงในดินประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนด้านบนจะเป็นพื้นที่ให้หอยเกาะ
ไม้ไผ่จะถูกปักเป็นแถว ๆ โดยมีระยะห่างประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้หอยได้รับอาหารและออกซิเจนเพียงพอ หากปักชิดเกินไปหอยจะโตช้า การจัดเรียงเป็นแถวจะยังช่วยให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวในภายหลังอีกด้วย
หลังจากปักไม้ไผ่แล้ว ชาวประมงไม่ต้องให้อาหารหอยแมลงภู่เลย เพราะหอยจะกินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร นี่คือข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ทำให้ต้นทุนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้ วิธีการใหม่ที่ได้รับความนิยมคือ การใช้ท่อ PVC และเชือกแทนไม้ไผ่ เนื่องจากไม้ไผ่มีราคาแพงและหายากขึ้นเรื่อย ๆ
เทคนิคใหม่นี้จะใช้ทุ่นลอยน้ำและนำเชือกหรืออวนมาผูกไว้ แล้วปล่อยลงไปในทะเล เมื่อถึงช่วงเวลาที่หอยแมลงภู่ปล่อยไข่และสเปิร์ม ลูกหอยจะลอยไปมาในน้ำและเกาะที่เชือก วิธีการนี้มีข้อดีคือสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสาหร่ายที่มาเกาะแทนหอย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่น้ำร้อนจากภาวะโลกร้อน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่อเชื้อหอยมี 2 ช่วงคือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่หอยแมลงภู่มีการปล่อยไข่ เกษตรกรจะปักไม้หรือแขวนเชือกไว้เพื่อล่อลูกหอยมาเกาะ เมื่อหอยเกาะได้ประมาณ 3 เดือนและมีขนาดพอสมควร เกษตรกรจะทำการย้ายหอยไปยังพื้นที่น้ำตื้นเพื่อหลบมรสุม เนื่องจากบริเวณน้ำตื้นคลื่นลมไม่รุนแรง ทำให้หอยปลอดภัยและไม่หัก จากนั้นเกษตรกรจะทำการเลี้ยงต่อจนหอยมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวและจำหน่าย
การออกเรือไปเก็บหอยแมลงภู่จะทำในช่วงเช้าตรู่ เพราะอากาศดี ลมเงียบ และปลอดภัยที่สุด ชาวประมงต้องออกเรือไปกลางอ่าวประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเก็บหอยแต่ละครั้ง และต้องกลับมาถึงท่าก่อนเวลา 09.30 น. เพื่อส่งให้แม่ค้าที่จะนำไปจำหน่ายต่อ
การดำน้ำเพื่อเก็บหอยนั้นอันตรายหากไม่มีอุปกรณ์ครบถ้วน เพราะแรงดันน้ำจะดันปอดทำให้หายใจไม่ได้ ดังนั้นชาวประมงจะออกทะเลเป็นคู่เสมอ เพื่อดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน นักดำน้ำจะดึงทั้งแกลลอนหรือไม้ไผ่ที่มีหอยเกาะขึ้นมาทั้งต้น จากนั้นจึงแยกหอยออก
หลังจากนำหอยขึ้นจากทะเล ก็จะมีการแซะหอยออกจากไม้หรือเชือก จากนั้นทำการคัดขนาดและนำไปขายตามออเดอร์ที่มี ชาวประมงจะไม่เก็บหอยเผื่อไว้ แต่จะเก็บเท่าที่มีคนสั่งซื้อเท่านั้น เพื่อให้หอยมีความสดใหม่ที่สุด
การคัดหอยมีการจ้างแรงงานในชุมชนช่วยทำ โดยจ่ายค่าแรงโลละ 2-3 บาท กิจกรรมนี้กลายเป็นรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่สามารถมาช่วยคัดหอยได้วันละ 100-200 บาท
การดูหอยสดเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ได้หอยคุณภาพดีไปปรุงอาหาร หอยที่ไม่สดจะเริ่มกระบวนการเน่าทันที ไม่ควรนำมาบริโภค
หอยแมลงภู่ชุมพรสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมในชุมชนท้องถิ่น ได้แก่:
มนูที่เรียบง่ายแต่อร่อยที่สุด เพียงนำหอยไปลวกในน้ำเดือดจนหอยอ้า ก็สามารถรับประทานได้เลย ด้วยความหวานธรรมชาติของหอยทำให้ไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว แต่หากจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้น
เมนูยอดฮิตที่ใช้เครื่องแกงคั่วปลาผสมกับกะปิ ให้รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น เมื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รสชาติจะลงตัวมาก เนื้อหอยที่อ้วนแน่นผสมกับความหอมของใบชะพลูทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารคนใต้
เมนูโปรดของคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน นำหอยแมลงภู่มาผัดกับใบกะเพรา พริก กระเทียม เนื้อหอยจะนุ่ม หวาน และกลมกล่อมกับรสเผ็ดร้อนของกะเพรา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยสุดๆ
เมนูของจืดที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติละมุนละไม ใช้น้ำมันหอยผัดกับต้นหอม หอยแมลงภู่ ให้รสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
การสืบทอดอาชีพการเลี้ยงหอยแมลงภู่จากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อาชีพนี้ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่หลายคนที่เติบโตมากับอาชีพนี้ได้นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น
เกษตรกรรุ่นใหม่ได้นำระบบการทำฐานข้อมูลและการมาร์กตำแหน่งมาใช้ในฟาร์ม ทำให้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลการเลี้ยงหอยได้อย่างเป็นระบบ เช่น บันทึกว่าแถวไหนมีหอยเกิดเมื่อไร หอยเกาะดีหรือไม่ การบันทึกข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น
การเปลี่ยนจากการใช้ไม้ไผ่มาเป็นท่อ PVC และเชือก เป็นการลดต้นทุนในระยะยาว เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ทนทานกว่าและสามารถใช้ซ้ำได้หลายรอบ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ไม้ไผ่ที่เริ่มหายากในท้องตลาด
หอยแมลงภู่ไม่ใช่แค่อาหารทะเลธรรมดา แต่เป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและชุมชนทั้งหมดในพื้นที่อ่าวทุ่งคา ตั้งแต่การล่อเชื้อ การเลี้ยง การเก็บเกี่ยว การแซะ การคัดแยก ไปจนถึงการแปรรูป ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนหลายร้อยหลายพันคน
ครอบครัวชาวประมงที่ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปีล้วนมีความผูกพันกับทะเลและอาชีพนี้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาออกทะเลกันเป็นคู่ สามีภรรยาช่วยกันทำงาน ลูกหลานก็เติบโตมากับอาชีพนี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งโตขึ้นก็สามารถสืบทอดอาชีพได้อย่างเต็มตัว
นอกจากรายได้หลักแล้ว การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังสร้างงานเสริมให้กับคนในชุมชน เช่น งานคัดแยกหอย งานแกะเนื้อหอย งานต้มหอย ซึ่งผู้สูงอายุและแม่บ้านสามารถมาทำงานเสริมรายได้ได้ในช่วงว่างจากงานบ้าน
หอยแมลงภู่เกิดเองตามธรรมชาติในทะเล เกษตรกรเพียงแค่นำวัสดุมาปักหรือแขวนไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม หอยก็จะมาเกาะเอง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อลูกพันธุ์
หอยแมลงภู่กินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้ออาหารเลี้ยง จึงประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หอยแมลงภู่ชุมพรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าสามารถขายได้แน่นอนเมื่อเก็บเกี่ยว
เมื่อเทียบกับการจับปูจับปลาที่ต้องออกทะเลไปแล้วลุ้นว่าจะได้หรือไม่ได้ การเลี้ยงหอยแมลงภู่จะลุ้นเพียงครั้งเดียวตอนล่อเชื้อว่าหอยจะเกาะหรือไม่ แต่ถ้าเกาะแล้วก็สามารถไปเก็บได้ทุกวันตามต้องการ
การเลี้ยงหอยให้รายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ เมื่อหอยเกาะแล้วก็รอเพียง 10-12 เดือนก็สามารถเก็บขายได้ และสามารถขายได้ทุกวันตามออเดอร์ที่มี ทำให้มีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอ
หอยแมลงภู่ชุมพรเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่อร่อย แต่เป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวประมงที่ผูกพันกับธรรมชาติและทะเล เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนมาหลายทศวรรษและยังคงมีความสำคัญจนถึงปัจจุบัน
ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม รสชาติที่หวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ หอยแมลงภู่ชุมพรจึงได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังเป็นอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องให้อาหาร ไม่สร้างมลพิษ และสามารถทำได้อย่างยั่งยืน
การสืบทอดอาชีพนี้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง หอยแมลงภู่ชุมพรจึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางทะเลที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสนับสนุนต่อไป
หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดชุมพร อย่าลืมแวะชิมหอยแมลงภู่ชุมพรสดๆ จากทะเล รับรองว่าจะประทับใจกับรสชาติและคุณภาพที่เหนือกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส
หอยแมลงภู่ชุมพร หนึ่งในผลิตผลทางทะเลที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย โดยเฉพาะจากพื้นที่อ่าวทุ่งคาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่คุณภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยเนื้อหอยที่อ้วนแน่น รสชาติหวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ ทำให้หอยแมลงภู่ชุมพรได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนชาวประมงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน
หอยแมลงภู่ชุมพรมีคุณภาพโดดเด่นกว่าหอยจากแหล่งอื่นด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกคือ “สภาพแวดล้อมของอ่าวทุ่งคาที่มีน้ำจืดไหลมาผสมกับน้ำทะเล” ทำให้เนื้อหอยมีรสชาติหวานมากกว่าหอยที่เลี้ยงในทะเลเปิดทั่วไป นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีโรงงานหรือน้ำเสียปนเปื้อน จึงทำให้หอยแมลงภู่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง
เมื่อนำหอยแมลงภู่ชุมพรมาลวก เนื้อหอยจะมีลักษณะอ้วนแน่น นุ่มเด้ง ไม่คาว และที่สำคัญคือมีรสหวานธรรมชาติที่ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย แต่ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นอีก
การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในจังหวัดชุมพรเริ่มต้นจากความบังเอิญที่น่าสนใจ เดิมทีชาวประมงในพื้นที่จะทำ "โป๊ะปลา" โดยนำไม้ไผ่มาปักให้เป็นช่องเพื่อดักปลาให้ไหลเข้าสู่อวน ต่อมาได้สังเกตว่ามีหอยแมลงภู่มาเกาะที่ไม้ไผ่เหล่านั้น ชาวประมงจึงเริ่มเก็บหอยไปขาย
จากการค้นพบนี้ ชาวประมงเริ่มมีการนำไม้ไผ่มาปักเพื่อเลี้ยงหอยแมลงภู่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องทำโป๊ะปลาอีกต่อไป วิธีการนี้กลายเป็นอาชีพหลักของชุมชนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้อ่าวทุ่งคาเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
การเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบดั้งเดิมใช้วิธีการปักไม้ไผ่ลงในพื้นทะเล โดยไม้ไผ่ที่นำมาใช้จะต้องเป็นไม้ที่แก่แล้ว ไม่ใช่ไม้อ่อนเพราะจะหักง่าย สำหรับชาวประมงในพื้นที่จะต้องสั่งซื้อไม้ไผ่จากจังหวัดลำปาง โดยซื้อมาทีละคันรถเทรลเลอร์ ราคาอยู่ที่ต้นละ 6 บาท หากสั่งมา 3,000 ต้นก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาท
บริเวณที่จะปักไม้ไผ่จะต้องเป็นพื้นที่ที่มีลูกหอยแมลงภู่เกิดตามธรรมชาติ สังเกตได้จากการมีกระติบเล็ก ๆ เกาะที่วัสดุต่าง ๆ ในทะเล เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้วก็นำไม้ไผ่มาปักโดยเสียบลงในดินประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนด้านบนจะเป็นพื้นที่ให้หอยเกาะ
ไม้ไผ่จะถูกปักเป็นแถว ๆ โดยมีระยะห่างประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้หอยได้รับอาหารและออกซิเจนเพียงพอ หากปักชิดเกินไปหอยจะโตช้า การจัดเรียงเป็นแถวจะยังช่วยให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวในภายหลังอีกด้วย
หลังจากปักไม้ไผ่แล้ว ชาวประมงไม่ต้องให้อาหารหอยแมลงภู่เลย เพราะหอยจะกินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร นี่คือข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ทำให้ต้นทุนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้ วิธีการใหม่ที่ได้รับความนิยมคือ การใช้ท่อ PVC และเชือกแทนไม้ไผ่ เนื่องจากไม้ไผ่มีราคาแพงและหายากขึ้นเรื่อย ๆ
เทคนิคใหม่นี้จะใช้ทุ่นลอยน้ำและนำเชือกหรืออวนมาผูกไว้ แล้วปล่อยลงไปในทะเล เมื่อถึงช่วงเวลาที่หอยแมลงภู่ปล่อยไข่และสเปิร์ม ลูกหอยจะลอยไปมาในน้ำและเกาะที่เชือก วิธีการนี้มีข้อดีคือสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสาหร่ายที่มาเกาะแทนหอย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่น้ำร้อนจากภาวะโลกร้อน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่อเชื้อหอยมี 2 ช่วงคือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่หอยแมลงภู่มีการปล่อยไข่ เกษตรกรจะปักไม้หรือแขวนเชือกไว้เพื่อล่อลูกหอยมาเกาะ เมื่อหอยเกาะได้ประมาณ 3 เดือนและมีขนาดพอสมควร เกษตรกรจะทำการย้ายหอยไปยังพื้นที่น้ำตื้นเพื่อหลบมรสุม เนื่องจากบริเวณน้ำตื้นคลื่นลมไม่รุนแรง ทำให้หอยปลอดภัยและไม่หัก จากนั้นเกษตรกรจะทำการเลี้ยงต่อจนหอยมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวและจำหน่าย
การออกเรือไปเก็บหอยแมลงภู่จะทำในช่วงเช้าตรู่ เพราะอากาศดี ลมเงียบ และปลอดภัยที่สุด ชาวประมงต้องออกเรือไปกลางอ่าวประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเก็บหอยแต่ละครั้ง และต้องกลับมาถึงท่าก่อนเวลา 09.30 น. เพื่อส่งให้แม่ค้าที่จะนำไปจำหน่ายต่อ
การดำน้ำเพื่อเก็บหอยนั้นอันตรายหากไม่มีอุปกรณ์ครบถ้วน เพราะแรงดันน้ำจะดันปอดทำให้หายใจไม่ได้ ดังนั้นชาวประมงจะออกทะเลเป็นคู่เสมอ เพื่อดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน นักดำน้ำจะดึงทั้งแกลลอนหรือไม้ไผ่ที่มีหอยเกาะขึ้นมาทั้งต้น จากนั้นจึงแยกหอยออก
หลังจากนำหอยขึ้นจากทะเล ก็จะมีการแซะหอยออกจากไม้หรือเชือก จากนั้นทำการคัดขนาดและนำไปขายตามออเดอร์ที่มี ชาวประมงจะไม่เก็บหอยเผื่อไว้ แต่จะเก็บเท่าที่มีคนสั่งซื้อเท่านั้น เพื่อให้หอยมีความสดใหม่ที่สุด
การคัดหอยมีการจ้างแรงงานในชุมชนช่วยทำ โดยจ่ายค่าแรงโลละ 2-3 บาท กิจกรรมนี้กลายเป็นรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่สามารถมาช่วยคัดหอยได้วันละ 100-200 บาท
การดูหอยสดเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ได้หอยคุณภาพดีไปปรุงอาหาร หอยที่ไม่สดจะเริ่มกระบวนการเน่าทันที ไม่ควรนำมาบริโภค
หอยแมลงภู่ชุมพรสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมในชุมชนท้องถิ่น ได้แก่:
มนูที่เรียบง่ายแต่อร่อยที่สุด เพียงนำหอยไปลวกในน้ำเดือดจนหอยอ้า ก็สามารถรับประทานได้เลย ด้วยความหวานธรรมชาติของหอยทำให้ไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว แต่หากจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้น
เมนูยอดฮิตที่ใช้เครื่องแกงคั่วปลาผสมกับกะปิ ให้รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น เมื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รสชาติจะลงตัวมาก เนื้อหอยที่อ้วนแน่นผสมกับความหอมของใบชะพลูทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารคนใต้
เมนูโปรดของคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน นำหอยแมลงภู่มาผัดกับใบกะเพรา พริก กระเทียม เนื้อหอยจะนุ่ม หวาน และกลมกล่อมกับรสเผ็ดร้อนของกะเพรา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยสุดๆ
เมนูของจืดที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติละมุนละไม ใช้น้ำมันหอยผัดกับต้นหอม หอยแมลงภู่ ให้รสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
การสืบทอดอาชีพการเลี้ยงหอยแมลงภู่จากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อาชีพนี้ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่หลายคนที่เติบโตมากับอาชีพนี้ได้นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น
เกษตรกรรุ่นใหม่ได้นำระบบการทำฐานข้อมูลและการมาร์กตำแหน่งมาใช้ในฟาร์ม ทำให้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลการเลี้ยงหอยได้อย่างเป็นระบบ เช่น บันทึกว่าแถวไหนมีหอยเกิดเมื่อไร หอยเกาะดีหรือไม่ การบันทึกข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น
การเปลี่ยนจากการใช้ไม้ไผ่มาเป็นท่อ PVC และเชือก เป็นการลดต้นทุนในระยะยาว เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ทนทานกว่าและสามารถใช้ซ้ำได้หลายรอบ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ไม้ไผ่ที่เริ่มหายากในท้องตลาด
หอยแมลงภู่ไม่ใช่แค่อาหารทะเลธรรมดา แต่เป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและชุมชนทั้งหมดในพื้นที่อ่าวทุ่งคา ตั้งแต่การล่อเชื้อ การเลี้ยง การเก็บเกี่ยว การแซะ การคัดแยก ไปจนถึงการแปรรูป ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนหลายร้อยหลายพันคน
ครอบครัวชาวประมงที่ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปีล้วนมีความผูกพันกับทะเลและอาชีพนี้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาออกทะเลกันเป็นคู่ สามีภรรยาช่วยกันทำงาน ลูกหลานก็เติบโตมากับอาชีพนี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งโตขึ้นก็สามารถสืบทอดอาชีพได้อย่างเต็มตัว
นอกจากรายได้หลักแล้ว การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังสร้างงานเสริมให้กับคนในชุมชน เช่น งานคัดแยกหอย งานแกะเนื้อหอย งานต้มหอย ซึ่งผู้สูงอายุและแม่บ้านสามารถมาทำงานเสริมรายได้ได้ในช่วงว่างจากงานบ้าน
หอยแมลงภู่เกิดเองตามธรรมชาติในทะเล เกษตรกรเพียงแค่นำวัสดุมาปักหรือแขวนไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม หอยก็จะมาเกาะเอง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อลูกพันธุ์
หอยแมลงภู่กินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้ออาหารเลี้ยง จึงประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หอยแมลงภู่ชุมพรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าสามารถขายได้แน่นอนเมื่อเก็บเกี่ยว
เมื่อเทียบกับการจับปูจับปลาที่ต้องออกทะเลไปแล้วลุ้นว่าจะได้หรือไม่ได้ การเลี้ยงหอยแมลงภู่จะลุ้นเพียงครั้งเดียวตอนล่อเชื้อว่าหอยจะเกาะหรือไม่ แต่ถ้าเกาะแล้วก็สามารถไปเก็บได้ทุกวันตามต้องการ
การเลี้ยงหอยให้รายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ เมื่อหอยเกาะแล้วก็รอเพียง 10-12 เดือนก็สามารถเก็บขายได้ และสามารถขายได้ทุกวันตามออเดอร์ที่มี ทำให้มีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอ
หอยแมลงภู่ชุมพรเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่อร่อย แต่เป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวประมงที่ผูกพันกับธรรมชาติและทะเล เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนมาหลายทศวรรษและยังคงมีความสำคัญจนถึงปัจจุบัน
ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม รสชาติที่หวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ หอยแมลงภู่ชุมพรจึงได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังเป็นอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องให้อาหาร ไม่สร้างมลพิษ และสามารถทำได้อย่างยั่งยืน
การสืบทอดอาชีพนี้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง หอยแมลงภู่ชุมพรจึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางทะเลที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสนับสนุนต่อไป
หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดชุมพร อย่าลืมแวะชิมหอยแมลงภู่ชุมพรสดๆ จากทะเล รับรองว่าจะประทับใจกับรสชาติและคุณภาพที่เหนือกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส