ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หอยแมลงภู่ชุมพร ตัวใหญ่เนื้อหวาน ตำนานอ่าวทุ่งคา

ออกอากาศ9 พ.ย. 68

หอยแมลงภู่ชุมพร หนึ่งในผลิตผลทางทะเลที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย โดยเฉพาะจากพื้นที่อ่าวทุ่งคาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่คุณภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยเนื้อหอยที่อ้วนแน่น รสชาติหวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ ทำให้หอยแมลงภู่ชุมพรได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนชาวประมงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

ทำไมหอยแมลงภู่ชุมพรถึงอร่อยและมีชื่อเสียง

หอยแมลงภู่ชุมพรมีคุณภาพโดดเด่นกว่าหอยจากแหล่งอื่นด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกคือ “สภาพแวดล้อมของอ่าวทุ่งคาที่มีน้ำจืดไหลมาผสมกับน้ำทะเล” ทำให้เนื้อหอยมีรสชาติหวานมากกว่าหอยที่เลี้ยงในทะเลเปิดทั่วไป นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีโรงงานหรือน้ำเสียปนเปื้อน จึงทำให้หอยแมลงภู่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

เมื่อนำหอยแมลงภู่ชุมพรมาลวก เนื้อหอยจะมีลักษณะอ้วนแน่น นุ่มเด้ง ไม่คาว และที่สำคัญคือมีรสหวานธรรมชาติที่ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย แต่ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นอีก

ประวัติการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรในอดีต

การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในจังหวัดชุมพรเริ่มต้นจากความบังเอิญที่น่าสนใจ เดิมทีชาวประมงในพื้นที่จะทำ "โป๊ะปลา" โดยนำไม้ไผ่มาปักให้เป็นช่องเพื่อดักปลาให้ไหลเข้าสู่อวน ต่อมาได้สังเกตว่ามีหอยแมลงภู่มาเกาะที่ไม้ไผ่เหล่านั้น ชาวประมงจึงเริ่มเก็บหอยไปขาย

จากการค้นพบนี้ ชาวประมงเริ่มมีการนำไม้ไผ่มาปักเพื่อเลี้ยงหอยแมลงภู่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องทำโป๊ะปลาอีกต่อไป วิธีการนี้กลายเป็นอาชีพหลักของชุมชนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้อ่าวทุ่งคาเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรแบบดั้งเดิม

การเลือกพื้นที่และเตรียมวัสดุ

การเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบดั้งเดิมใช้วิธีการปักไม้ไผ่ลงในพื้นทะเล โดยไม้ไผ่ที่นำมาใช้จะต้องเป็นไม้ที่แก่แล้ว ไม่ใช่ไม้อ่อนเพราะจะหักง่าย สำหรับชาวประมงในพื้นที่จะต้องสั่งซื้อไม้ไผ่จากจังหวัดลำปาง โดยซื้อมาทีละคันรถเทรลเลอร์ ราคาอยู่ที่ต้นละ 6 บาท หากสั่งมา 3,000 ต้นก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาท

บริเวณที่จะปักไม้ไผ่จะต้องเป็นพื้นที่ที่มีลูกหอยแมลงภู่เกิดตามธรรมชาติ สังเกตได้จากการมีกระติบเล็ก ๆ เกาะที่วัสดุต่าง ๆ ในทะเล เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้วก็นำไม้ไผ่มาปักโดยเสียบลงในดินประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนด้านบนจะเป็นพื้นที่ให้หอยเกาะ

การจัดเรียงและการดูแล

ไม้ไผ่จะถูกปักเป็นแถว ๆ โดยมีระยะห่างประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้หอยได้รับอาหารและออกซิเจนเพียงพอ หากปักชิดเกินไปหอยจะโตช้า การจัดเรียงเป็นแถวจะยังช่วยให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวในภายหลังอีกด้วย

หลังจากปักไม้ไผ่แล้ว ชาวประมงไม่ต้องให้อาหารหอยแมลงภู่เลย เพราะหอยจะกินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร นี่คือข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ทำให้ต้นทุนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรสมัยใหม่

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้ วิธีการใหม่ที่ได้รับความนิยมคือ การใช้ท่อ PVC และเชือกแทนไม้ไผ่ เนื่องจากไม้ไผ่มีราคาแพงและหายากขึ้นเรื่อย ๆ

ระบบทุ่นและเชือก

เทคนิคใหม่นี้จะใช้ทุ่นลอยน้ำและนำเชือกหรืออวนมาผูกไว้ แล้วปล่อยลงไปในทะเล เมื่อถึงช่วงเวลาที่หอยแมลงภู่ปล่อยไข่และสเปิร์ม ลูกหอยจะลอยไปมาในน้ำและเกาะที่เชือก วิธีการนี้มีข้อดีคือสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสาหร่ายที่มาเกาะแทนหอย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่น้ำร้อนจากภาวะโลกร้อน

การล่อเชื้อและการย้ายหอย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่อเชื้อหอยมี 2 ช่วงคือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่หอยแมลงภู่มีการปล่อยไข่ เกษตรกรจะปักไม้หรือแขวนเชือกไว้เพื่อล่อลูกหอยมาเกาะ เมื่อหอยเกาะได้ประมาณ 3 เดือนและมีขนาดพอสมควร เกษตรกรจะทำการย้ายหอยไปยังพื้นที่น้ำตื้นเพื่อหลบมรสุม เนื่องจากบริเวณน้ำตื้นคลื่นลมไม่รุนแรง ทำให้หอยปลอดภัยและไม่หัก จากนั้นเกษตรกรจะทำการเลี้ยงต่อจนหอยมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวและจำหน่าย

กระบวนการเก็บหอยแมลงภู่ชุมพรจากทะเล

เวลาและการเตรียมตัว

การออกเรือไปเก็บหอยแมลงภู่จะทำในช่วงเช้าตรู่ เพราะอากาศดี ลมเงียบ และปลอดภัยที่สุด ชาวประมงต้องออกเรือไปกลางอ่าวประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเก็บหอยแต่ละครั้ง และต้องกลับมาถึงท่าก่อนเวลา 09.30 น. เพื่อส่งให้แม่ค้าที่จะนำไปจำหน่ายต่อ

อุปกรณ์และเทคนิคการเก็บ

  1. สายยางหนาพิเศษสำหรับส่งอากาศลงไปให้นักดำ
  2. สายรัดเอวที่ใช้ดึงนักดำขึ้นมาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  3. หน้ากากดำน้ำ
  4. เครื่องปั๊มลมที่ต้องสตาร์ตตลอดเวลา

การดำน้ำเพื่อเก็บหอยนั้นอันตรายหากไม่มีอุปกรณ์ครบถ้วน เพราะแรงดันน้ำจะดันปอดทำให้หายใจไม่ได้ ดังนั้นชาวประมงจะออกทะเลเป็นคู่เสมอ เพื่อดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน นักดำน้ำจะดึงทั้งแกลลอนหรือไม้ไผ่ที่มีหอยเกาะขึ้นมาทั้งต้น จากนั้นจึงแยกหอยออก

การคัดแยกและจำหน่ายหอยแมลงภู่ชุมพร

การแซะและคัดขนาด

หลังจากนำหอยขึ้นจากทะเล ก็จะมีการแซะหอยออกจากไม้หรือเชือก จากนั้นทำการคัดขนาดและนำไปขายตามออเดอร์ที่มี ชาวประมงจะไม่เก็บหอยเผื่อไว้ แต่จะเก็บเท่าที่มีคนสั่งซื้อเท่านั้น เพื่อให้หอยมีความสดใหม่ที่สุด

การคัดหอยมีการจ้างแรงงานในชุมชนช่วยทำ โดยจ่ายค่าแรงโลละ 2-3 บาท กิจกรรมนี้กลายเป็นรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่สามารถมาช่วยคัดหอยได้วันละ 100-200 บาท

เทคนิคการดูหอยสด

  • หอยสด: ฝาหอยจะปิดสนิท ไม่อ้าออก เมื่อนำไปต้มจะอ้าสวยงาม เนื้อหอยจะพับอยู่และติดอยู่ที่ฝาด้านในด้านหนึ่ง
  • หอยไม่สด: ฝาหอยจะอ้าอยู่แล้วก่อนต้ม เมื่อนำไปต้มผิวจะไม่สวย และเนื้อหอยจะไม่ติดฝาเรียบร้อย เพราะเอ็นหลุดแล้ว

การดูหอยสดเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ได้หอยคุณภาพดีไปปรุงอาหาร หอยที่ไม่สดจะเริ่มกระบวนการเน่าทันที ไม่ควรนำมาบริโภค

เมนูอาหารจากหอยแมลงภู่ชุมพรที่ต้องลอง

หอยแมลงภู่ชุมพรสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมในชุมชนท้องถิ่น ได้แก่:

1. หอยแมลงภู่ลวก

มนูที่เรียบง่ายแต่อร่อยที่สุด เพียงนำหอยไปลวกในน้ำเดือดจนหอยอ้า ก็สามารถรับประทานได้เลย ด้วยความหวานธรรมชาติของหอยทำให้ไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว แต่หากจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้น

2. แกงคั่วหอยแมลงภู่ใบชะพลู

เมนูยอดฮิตที่ใช้เครื่องแกงคั่วปลาผสมกับกะปิ ให้รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น เมื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รสชาติจะลงตัวมาก เนื้อหอยที่อ้วนแน่นผสมกับความหอมของใบชะพลูทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารคนใต้

3. หอยแมลงภู่ผัดกะเพรา

เมนูโปรดของคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน นำหอยแมลงภู่มาผัดกับใบกะเพรา พริก กระเทียม เนื้อหอยจะนุ่ม หวาน และกลมกล่อมกับรสเผ็ดร้อนของกะเพรา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยสุดๆ

4. หอยแมลงภู่ผัดน้ำมันหอย

เมนูของจืดที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติละมุนละไม ใช้น้ำมันหอยผัดกับต้นหอม หอยแมลงภู่ ให้รสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

การพัฒนาอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรสู่รุ่นใหม่

การสืบทอดอาชีพการเลี้ยงหอยแมลงภู่จากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อาชีพนี้ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่หลายคนที่เติบโตมากับอาชีพนี้ได้นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น

การนำเทคโนโลยีมาใช้

เกษตรกรรุ่นใหม่ได้นำระบบการทำฐานข้อมูลและการมาร์กตำแหน่งมาใช้ในฟาร์ม ทำให้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลการเลี้ยงหอยได้อย่างเป็นระบบ เช่น บันทึกว่าแถวไหนมีหอยเกิดเมื่อไร หอยเกาะดีหรือไม่ การบันทึกข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น

การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

การเปลี่ยนจากการใช้ไม้ไผ่มาเป็นท่อ PVC และเชือก เป็นการลดต้นทุนในระยะยาว เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ทนทานกว่าและสามารถใช้ซ้ำได้หลายรอบ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ไม้ไผ่ที่เริ่มหายากในท้องตลาด

ความสำคัญของหอยแมลงภู่ชุมพรต่อชุมชน

หอยแมลงภู่ไม่ใช่แค่อาหารทะเลธรรมดา แต่เป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและชุมชนทั้งหมดในพื้นที่อ่าวทุ่งคา ตั้งแต่การล่อเชื้อ การเลี้ยง การเก็บเกี่ยว การแซะ การคัดแยก ไปจนถึงการแปรรูป ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนหลายร้อยหลายพันคน

ครอบครัวชาวประมงที่ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปีล้วนมีความผูกพันกับทะเลและอาชีพนี้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาออกทะเลกันเป็นคู่ สามีภรรยาช่วยกันทำงาน ลูกหลานก็เติบโตมากับอาชีพนี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งโตขึ้นก็สามารถสืบทอดอาชีพได้อย่างเต็มตัว

นอกจากรายได้หลักแล้ว การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังสร้างงานเสริมให้กับคนในชุมชน เช่น งานคัดแยกหอย งานแกะเนื้อหอย งานต้มหอย ซึ่งผู้สูงอายุและแม่บ้านสามารถมาทำงานเสริมรายได้ได้ในช่วงว่างจากงานบ้าน

ข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพร

1. ไม่ต้องซื้อลูกพันธุ์

หอยแมลงภู่เกิดเองตามธรรมชาติในทะเล เกษตรกรเพียงแค่นำวัสดุมาปักหรือแขวนไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม หอยก็จะมาเกาะเอง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อลูกพันธุ์

2. ไม่ต้องให้อาหาร

หอยแมลงภู่กินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้ออาหารเลี้ยง จึงประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. มีตลาดรองรับที่แน่นอน

หอยแมลงภู่ชุมพรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าสามารถขายได้แน่นอนเมื่อเก็บเกี่ยว

4. ไม่ต้องลุ้นเหมือนประมงอื่น

เมื่อเทียบกับการจับปูจับปลาที่ต้องออกทะเลไปแล้วลุ้นว่าจะได้หรือไม่ได้ การเลี้ยงหอยแมลงภู่จะลุ้นเพียงครั้งเดียวตอนล่อเชื้อว่าหอยจะเกาะหรือไม่ แต่ถ้าเกาะแล้วก็สามารถไปเก็บได้ทุกวันตามต้องการ

5. รายได้มั่นคงและต่อเนื่อง

การเลี้ยงหอยให้รายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ เมื่อหอยเกาะแล้วก็รอเพียง 10-12 เดือนก็สามารถเก็บขายได้ และสามารถขายได้ทุกวันตามออเดอร์ที่มี ทำให้มีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอ

สรุป: หอยแมลงภู่ชุมพร มรดกทางทะเลที่ยั่งยืน

หอยแมลงภู่ชุมพรเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่อร่อย แต่เป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวประมงที่ผูกพันกับธรรมชาติและทะเล เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนมาหลายทศวรรษและยังคงมีความสำคัญจนถึงปัจจุบัน

ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม รสชาติที่หวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ หอยแมลงภู่ชุมพรจึงได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังเป็นอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องให้อาหาร ไม่สร้างมลพิษ และสามารถทำได้อย่างยั่งยืน

การสืบทอดอาชีพนี้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง หอยแมลงภู่ชุมพรจึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางทะเลที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสนับสนุนต่อไป

หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดชุมพร อย่าลืมแวะชิมหอยแมลงภู่ชุมพรสดๆ จากทะเล รับรองว่าจะประทับใจกับรสชาติและคุณภาพที่เหนือกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน

ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส


รวมเมนูอร่อย ๆ จากหอยแมลงภู่

หอยแมลงภู่ชุมพร หนึ่งในผลิตผลทางทะเลที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย โดยเฉพาะจากพื้นที่อ่าวทุ่งคาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่คุณภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยเนื้อหอยที่อ้วนแน่น รสชาติหวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ ทำให้หอยแมลงภู่ชุมพรได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนชาวประมงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

ทำไมหอยแมลงภู่ชุมพรถึงอร่อยและมีชื่อเสียง

หอยแมลงภู่ชุมพรมีคุณภาพโดดเด่นกว่าหอยจากแหล่งอื่นด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกคือ “สภาพแวดล้อมของอ่าวทุ่งคาที่มีน้ำจืดไหลมาผสมกับน้ำทะเล” ทำให้เนื้อหอยมีรสชาติหวานมากกว่าหอยที่เลี้ยงในทะเลเปิดทั่วไป นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีโรงงานหรือน้ำเสียปนเปื้อน จึงทำให้หอยแมลงภู่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

เมื่อนำหอยแมลงภู่ชุมพรมาลวก เนื้อหอยจะมีลักษณะอ้วนแน่น นุ่มเด้ง ไม่คาว และที่สำคัญคือมีรสหวานธรรมชาติที่ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย แต่ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นอีก

ประวัติการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรในอดีต

การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในจังหวัดชุมพรเริ่มต้นจากความบังเอิญที่น่าสนใจ เดิมทีชาวประมงในพื้นที่จะทำ "โป๊ะปลา" โดยนำไม้ไผ่มาปักให้เป็นช่องเพื่อดักปลาให้ไหลเข้าสู่อวน ต่อมาได้สังเกตว่ามีหอยแมลงภู่มาเกาะที่ไม้ไผ่เหล่านั้น ชาวประมงจึงเริ่มเก็บหอยไปขาย

จากการค้นพบนี้ ชาวประมงเริ่มมีการนำไม้ไผ่มาปักเพื่อเลี้ยงหอยแมลงภู่โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องทำโป๊ะปลาอีกต่อไป วิธีการนี้กลายเป็นอาชีพหลักของชุมชนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้อ่าวทุ่งคาเป็นแหล่งผลิตหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรแบบดั้งเดิม

การเลือกพื้นที่และเตรียมวัสดุ

การเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบดั้งเดิมใช้วิธีการปักไม้ไผ่ลงในพื้นทะเล โดยไม้ไผ่ที่นำมาใช้จะต้องเป็นไม้ที่แก่แล้ว ไม่ใช่ไม้อ่อนเพราะจะหักง่าย สำหรับชาวประมงในพื้นที่จะต้องสั่งซื้อไม้ไผ่จากจังหวัดลำปาง โดยซื้อมาทีละคันรถเทรลเลอร์ ราคาอยู่ที่ต้นละ 6 บาท หากสั่งมา 3,000 ต้นก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาท

บริเวณที่จะปักไม้ไผ่จะต้องเป็นพื้นที่ที่มีลูกหอยแมลงภู่เกิดตามธรรมชาติ สังเกตได้จากการมีกระติบเล็ก ๆ เกาะที่วัสดุต่าง ๆ ในทะเล เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้วก็นำไม้ไผ่มาปักโดยเสียบลงในดินประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนด้านบนจะเป็นพื้นที่ให้หอยเกาะ

การจัดเรียงและการดูแล

ไม้ไผ่จะถูกปักเป็นแถว ๆ โดยมีระยะห่างประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้หอยได้รับอาหารและออกซิเจนเพียงพอ หากปักชิดเกินไปหอยจะโตช้า การจัดเรียงเป็นแถวจะยังช่วยให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวในภายหลังอีกด้วย

หลังจากปักไม้ไผ่แล้ว ชาวประมงไม่ต้องให้อาหารหอยแมลงภู่เลย เพราะหอยจะกินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร นี่คือข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ทำให้ต้นทุนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรสมัยใหม่

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงหอยแมลงภู่ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้ วิธีการใหม่ที่ได้รับความนิยมคือ การใช้ท่อ PVC และเชือกแทนไม้ไผ่ เนื่องจากไม้ไผ่มีราคาแพงและหายากขึ้นเรื่อย ๆ

ระบบทุ่นและเชือก

เทคนิคใหม่นี้จะใช้ทุ่นลอยน้ำและนำเชือกหรืออวนมาผูกไว้ แล้วปล่อยลงไปในทะเล เมื่อถึงช่วงเวลาที่หอยแมลงภู่ปล่อยไข่และสเปิร์ม ลูกหอยจะลอยไปมาในน้ำและเกาะที่เชือก วิธีการนี้มีข้อดีคือสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสาหร่ายที่มาเกาะแทนหอย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่น้ำร้อนจากภาวะโลกร้อน

การล่อเชื้อและการย้ายหอย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่อเชื้อหอยมี 2 ช่วงคือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่หอยแมลงภู่มีการปล่อยไข่ เกษตรกรจะปักไม้หรือแขวนเชือกไว้เพื่อล่อลูกหอยมาเกาะ เมื่อหอยเกาะได้ประมาณ 3 เดือนและมีขนาดพอสมควร เกษตรกรจะทำการย้ายหอยไปยังพื้นที่น้ำตื้นเพื่อหลบมรสุม เนื่องจากบริเวณน้ำตื้นคลื่นลมไม่รุนแรง ทำให้หอยปลอดภัยและไม่หัก จากนั้นเกษตรกรจะทำการเลี้ยงต่อจนหอยมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวและจำหน่าย

กระบวนการเก็บหอยแมลงภู่ชุมพรจากทะเล

เวลาและการเตรียมตัว

การออกเรือไปเก็บหอยแมลงภู่จะทำในช่วงเช้าตรู่ เพราะอากาศดี ลมเงียบ และปลอดภัยที่สุด ชาวประมงต้องออกเรือไปกลางอ่าวประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเก็บหอยแต่ละครั้ง และต้องกลับมาถึงท่าก่อนเวลา 09.30 น. เพื่อส่งให้แม่ค้าที่จะนำไปจำหน่ายต่อ

อุปกรณ์และเทคนิคการเก็บ

  1. สายยางหนาพิเศษสำหรับส่งอากาศลงไปให้นักดำ
  2. สายรัดเอวที่ใช้ดึงนักดำขึ้นมาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  3. หน้ากากดำน้ำ
  4. เครื่องปั๊มลมที่ต้องสตาร์ตตลอดเวลา

การดำน้ำเพื่อเก็บหอยนั้นอันตรายหากไม่มีอุปกรณ์ครบถ้วน เพราะแรงดันน้ำจะดันปอดทำให้หายใจไม่ได้ ดังนั้นชาวประมงจะออกทะเลเป็นคู่เสมอ เพื่อดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน นักดำน้ำจะดึงทั้งแกลลอนหรือไม้ไผ่ที่มีหอยเกาะขึ้นมาทั้งต้น จากนั้นจึงแยกหอยออก

การคัดแยกและจำหน่ายหอยแมลงภู่ชุมพร

การแซะและคัดขนาด

หลังจากนำหอยขึ้นจากทะเล ก็จะมีการแซะหอยออกจากไม้หรือเชือก จากนั้นทำการคัดขนาดและนำไปขายตามออเดอร์ที่มี ชาวประมงจะไม่เก็บหอยเผื่อไว้ แต่จะเก็บเท่าที่มีคนสั่งซื้อเท่านั้น เพื่อให้หอยมีความสดใหม่ที่สุด

การคัดหอยมีการจ้างแรงงานในชุมชนช่วยทำ โดยจ่ายค่าแรงโลละ 2-3 บาท กิจกรรมนี้กลายเป็นรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่สามารถมาช่วยคัดหอยได้วันละ 100-200 บาท

เทคนิคการดูหอยสด

  • หอยสด: ฝาหอยจะปิดสนิท ไม่อ้าออก เมื่อนำไปต้มจะอ้าสวยงาม เนื้อหอยจะพับอยู่และติดอยู่ที่ฝาด้านในด้านหนึ่ง
  • หอยไม่สด: ฝาหอยจะอ้าอยู่แล้วก่อนต้ม เมื่อนำไปต้มผิวจะไม่สวย และเนื้อหอยจะไม่ติดฝาเรียบร้อย เพราะเอ็นหลุดแล้ว

การดูหอยสดเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ได้หอยคุณภาพดีไปปรุงอาหาร หอยที่ไม่สดจะเริ่มกระบวนการเน่าทันที ไม่ควรนำมาบริโภค

เมนูอาหารจากหอยแมลงภู่ชุมพรที่ต้องลอง

หอยแมลงภู่ชุมพรสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมในชุมชนท้องถิ่น ได้แก่:

1. หอยแมลงภู่ลวก

มนูที่เรียบง่ายแต่อร่อยที่สุด เพียงนำหอยไปลวกในน้ำเดือดจนหอยอ้า ก็สามารถรับประทานได้เลย ด้วยความหวานธรรมชาติของหอยทำให้ไม่จำเป็นต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว แต่หากจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านก็จะยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้น

2. แกงคั่วหอยแมลงภู่ใบชะพลู

เมนูยอดฮิตที่ใช้เครื่องแกงคั่วปลาผสมกับกะปิ ให้รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น เมื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รสชาติจะลงตัวมาก เนื้อหอยที่อ้วนแน่นผสมกับความหอมของใบชะพลูทำให้เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารคนใต้

3. หอยแมลงภู่ผัดกะเพรา

เมนูโปรดของคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน นำหอยแมลงภู่มาผัดกับใบกะเพรา พริก กระเทียม เนื้อหอยจะนุ่ม หวาน และกลมกล่อมกับรสเผ็ดร้อนของกะเพรา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยสุดๆ

4. หอยแมลงภู่ผัดน้ำมันหอย

เมนูของจืดที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติละมุนละไม ใช้น้ำมันหอยผัดกับต้นหอม หอยแมลงภู่ ให้รสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

การพัฒนาอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรสู่รุ่นใหม่

การสืบทอดอาชีพการเลี้ยงหอยแมลงภู่จากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อาชีพนี้ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่หลายคนที่เติบโตมากับอาชีพนี้ได้นำความรู้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น

การนำเทคโนโลยีมาใช้

เกษตรกรรุ่นใหม่ได้นำระบบการทำฐานข้อมูลและการมาร์กตำแหน่งมาใช้ในฟาร์ม ทำให้สามารถติดตามและบันทึกข้อมูลการเลี้ยงหอยได้อย่างเป็นระบบ เช่น บันทึกว่าแถวไหนมีหอยเกิดเมื่อไร หอยเกาะดีหรือไม่ การบันทึกข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น

การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

การเปลี่ยนจากการใช้ไม้ไผ่มาเป็นท่อ PVC และเชือก เป็นการลดต้นทุนในระยะยาว เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ทนทานกว่าและสามารถใช้ซ้ำได้หลายรอบ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ไม้ไผ่ที่เริ่มหายากในท้องตลาด

ความสำคัญของหอยแมลงภู่ชุมพรต่อชุมชน

หอยแมลงภู่ไม่ใช่แค่อาหารทะเลธรรมดา แต่เป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและชุมชนทั้งหมดในพื้นที่อ่าวทุ่งคา ตั้งแต่การล่อเชื้อ การเลี้ยง การเก็บเกี่ยว การแซะ การคัดแยก ไปจนถึงการแปรรูป ล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนหลายร้อยหลายพันคน

ครอบครัวชาวประมงที่ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปีล้วนมีความผูกพันกับทะเลและอาชีพนี้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาออกทะเลกันเป็นคู่ สามีภรรยาช่วยกันทำงาน ลูกหลานก็เติบโตมากับอาชีพนี้ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งโตขึ้นก็สามารถสืบทอดอาชีพได้อย่างเต็มตัว

นอกจากรายได้หลักแล้ว การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังสร้างงานเสริมให้กับคนในชุมชน เช่น งานคัดแยกหอย งานแกะเนื้อหอย งานต้มหอย ซึ่งผู้สูงอายุและแม่บ้านสามารถมาทำงานเสริมรายได้ได้ในช่วงว่างจากงานบ้าน

ข้อดีของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพร

1. ไม่ต้องซื้อลูกพันธุ์

หอยแมลงภู่เกิดเองตามธรรมชาติในทะเล เกษตรกรเพียงแค่นำวัสดุมาปักหรือแขวนไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม หอยก็จะมาเกาะเอง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อลูกพันธุ์

2. ไม่ต้องให้อาหาร

หอยแมลงภู่กินแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในน้ำทะเลเป็นอาหาร ไม่ต้องซื้ออาหารเลี้ยง จึงประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. มีตลาดรองรับที่แน่นอน

หอยแมลงภู่ชุมพรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าสามารถขายได้แน่นอนเมื่อเก็บเกี่ยว

4. ไม่ต้องลุ้นเหมือนประมงอื่น

เมื่อเทียบกับการจับปูจับปลาที่ต้องออกทะเลไปแล้วลุ้นว่าจะได้หรือไม่ได้ การเลี้ยงหอยแมลงภู่จะลุ้นเพียงครั้งเดียวตอนล่อเชื้อว่าหอยจะเกาะหรือไม่ แต่ถ้าเกาะแล้วก็สามารถไปเก็บได้ทุกวันตามต้องการ

5. รายได้มั่นคงและต่อเนื่อง

การเลี้ยงหอยให้รายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ เมื่อหอยเกาะแล้วก็รอเพียง 10-12 เดือนก็สามารถเก็บขายได้ และสามารถขายได้ทุกวันตามออเดอร์ที่มี ทำให้มีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอ

สรุป: หอยแมลงภู่ชุมพร มรดกทางทะเลที่ยั่งยืน

หอยแมลงภู่ชุมพรเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่อร่อย แต่เป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวประมงที่ผูกพันกับธรรมชาติและทะเล เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนมาหลายทศวรรษและยังคงมีความสำคัญจนถึงปัจจุบัน

ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม รสชาติที่หวานฉ่ำ และปลอดสารพิษ หอยแมลงภู่ชุมพรจึงได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ยังเป็นอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องให้อาหาร ไม่สร้างมลพิษ และสามารถทำได้อย่างยั่งยืน

การสืบทอดอาชีพนี้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ชุมพรมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง หอยแมลงภู่ชุมพรจึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางทะเลที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสนับสนุนต่อไป

หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดชุมพร อย่าลืมแวะชิมหอยแมลงภู่ชุมพรสดๆ จากทะเล รับรองว่าจะประทับใจกับรสชาติและคุณภาพที่เหนือกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน

ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.05 - 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส


รวมเมนูอร่อย ๆ จากหอยแมลงภู่

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย