สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ผบ.ตร.เมียนมา และ ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษคว่ำบาตรนายพลเมียนมาเพิ่มขึ้นอีก 2 คน เมื่อวันจันทร์ (22 มี.ค. 64) ซึ่งทรัพย์สินและผลประโยชน์ในสหรัฐฯ ถูกอายัดทั้งหมด รวมทั้งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจและธุรกรรมการเงินกับบุคคลที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร
คนแรกคือนายพลตัน หล่าย (Than Hlaing) นายทหารระดับสูงที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้นำกองทัพให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคนที่สองคือพลโทอ่อง ซอ (Aung Soe) ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษดูแลการปราบปรามประชาชน
"คำสั่งคว่ำบาตรนายพลเมียนมาเพิ่มขึ้นอีก 2 คน เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ดำรงความมุ่งมั่น ตอบโต้ผู้นำก่อการรัฐประหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง" แอนโทนี บลิงเค่น รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งคว่ำบาตรคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหารซึ่งมีพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งและสองของเมียนมารวมอยู่ด้วย รวมทั้งคว่ำบาตรบริษัทธุรกิจที่นายพลกลุ่มนี้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องด้วย หลังจากนั้นก็มีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมลูกสองคนของนายพลมิน อ่อง หล่าย
แต่มาตรการคว่ำบาตรแบบเจาะจงตัวบุคคล (target sanction) ไม่ได้มีผลทำให้ผู้นำทหารเมียนมาลดหรือยุติการปราบปรามประชาชน มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุด Irrawaddy รายงานว่าเมื่อคืนวันอาทิตย์ (21 มี.ค. 64) มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 8 ศพ จากปฏิบัติการตัดกระแสไฟฟ้าบุกกวาดจับประชาชนตามบ้านเรือนที่มัณฑะเลย์
ปฏิบัติการปราบปรามที่มัณฑะเลย์ต่อเนื่องถึงวันจันทร์ ทหาร ตำรวจ รัวกระสุนใส่ผู้ชุมนุมตั้งแต่เช้าที่เมืองชั่นเมี้ยตาซี กระทั่งบ่าย Irrawaddy รายงานว่า มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 4 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 40 คน
ตั้งแต่กองทัพก่อการรัฐประหารจนถึงช่วงเย็นวันจันทร์ มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 254 ศพ
วันเดียวกัน คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป มีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบเจาะจง (target sanction) 11 นายพล ผู้กุมอำนาจสูงสุดของเมียนมา
แถลงการณ์ของสหภาพยุโรป ระบุว่า 10 ใน 11 ผู้นำทหารที่ถูกคว่ำบาตร เป็นนายพลผู้กุมอำนาจสูงสุด 10 ลำดับแรก นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้นำหมายเลขหนึ่งและสอง ซึ่งติดอยู่ในบัญชีรายชื่อ มาตรการคว่ำบาตรของทุกประเทศ
ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร ทั้ง 11 นายพลถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าออกสหภาพยุโรป ทรัพย์สินทั้งหมดรวมทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป ถูกอายัดทั้งหมด
พลเมือง และองค์กรธุรกิจในสหภาพยุโรป ถูกห้ามมิให้ทำธุรกิจหรือทำธุรกรรมการเงินกับผู้ที่ถูกคว่ำบาตรทั้ง 11 คน
นอกจากนี้คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปยังมีมติระงับความช่วยเหลือทางการเงิน รวมทั้งความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ แก่รัฐบาลทหารเมียนมาและหน่วยอื่น ๆทั้งหมด ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจว่า เป็นการให้การรับรองคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหาร ควบคู่มาตรการทางทูต เพื่อตอบโต้การโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และการปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้าย
"สหภาพยุโรปขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ยังคงให้การสนับสนุนประชาชนเมียนมา และกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย" แถลงการณ์ ระบุ
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ผบ.ตร.เมียนมา และ ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษคว่ำบาตรนายพลเมียนมาเพิ่มขึ้นอีก 2 คน เมื่อวันจันทร์ (22 มี.ค. 64) ซึ่งทรัพย์สินและผลประโยชน์ในสหรัฐฯ ถูกอายัดทั้งหมด รวมทั้งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจและธุรกรรมการเงินกับบุคคลที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร
คนแรกคือนายพลตัน หล่าย (Than Hlaing) นายทหารระดับสูงที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้นำกองทัพให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคนที่สองคือพลโทอ่อง ซอ (Aung Soe) ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษดูแลการปราบปรามประชาชน
"คำสั่งคว่ำบาตรนายพลเมียนมาเพิ่มขึ้นอีก 2 คน เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ดำรงความมุ่งมั่น ตอบโต้ผู้นำก่อการรัฐประหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง" แอนโทนี บลิงเค่น รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งคว่ำบาตรคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหารซึ่งมีพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งและสองของเมียนมารวมอยู่ด้วย รวมทั้งคว่ำบาตรบริษัทธุรกิจที่นายพลกลุ่มนี้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องด้วย หลังจากนั้นก็มีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมลูกสองคนของนายพลมิน อ่อง หล่าย
แต่มาตรการคว่ำบาตรแบบเจาะจงตัวบุคคล (target sanction) ไม่ได้มีผลทำให้ผู้นำทหารเมียนมาลดหรือยุติการปราบปรามประชาชน มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุด Irrawaddy รายงานว่าเมื่อคืนวันอาทิตย์ (21 มี.ค. 64) มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 8 ศพ จากปฏิบัติการตัดกระแสไฟฟ้าบุกกวาดจับประชาชนตามบ้านเรือนที่มัณฑะเลย์
ปฏิบัติการปราบปรามที่มัณฑะเลย์ต่อเนื่องถึงวันจันทร์ ทหาร ตำรวจ รัวกระสุนใส่ผู้ชุมนุมตั้งแต่เช้าที่เมืองชั่นเมี้ยตาซี กระทั่งบ่าย Irrawaddy รายงานว่า มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 4 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 40 คน
ตั้งแต่กองทัพก่อการรัฐประหารจนถึงช่วงเย็นวันจันทร์ มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 254 ศพ
วันเดียวกัน คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป มีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบเจาะจง (target sanction) 11 นายพล ผู้กุมอำนาจสูงสุดของเมียนมา
แถลงการณ์ของสหภาพยุโรป ระบุว่า 10 ใน 11 ผู้นำทหารที่ถูกคว่ำบาตร เป็นนายพลผู้กุมอำนาจสูงสุด 10 ลำดับแรก นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้นำหมายเลขหนึ่งและสอง ซึ่งติดอยู่ในบัญชีรายชื่อ มาตรการคว่ำบาตรของทุกประเทศ
ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร ทั้ง 11 นายพลถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าออกสหภาพยุโรป ทรัพย์สินทั้งหมดรวมทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป ถูกอายัดทั้งหมด
พลเมือง และองค์กรธุรกิจในสหภาพยุโรป ถูกห้ามมิให้ทำธุรกิจหรือทำธุรกรรมการเงินกับผู้ที่ถูกคว่ำบาตรทั้ง 11 คน
นอกจากนี้คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปยังมีมติระงับความช่วยเหลือทางการเงิน รวมทั้งความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ แก่รัฐบาลทหารเมียนมาและหน่วยอื่น ๆทั้งหมด ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจว่า เป็นการให้การรับรองคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหาร ควบคู่มาตรการทางทูต เพื่อตอบโต้การโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และการปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้าย
"สหภาพยุโรปขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ยังคงให้การสนับสนุนประชาชนเมียนมา และกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย" แถลงการณ์ ระบุ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: