EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

14 พ.ค. 6810:31 น.
หมวดหมู่#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

พบบัญชี Tikkok โพสต์คลิปวิดีโอ โดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พูดเกี่ยวกับ ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานและอินเดีย โดยในเนื้อหากล่าวสนับสนุนอินเดียหากปากีสถานจู่โจม ซึ่งแท้จริงแล้ว ประธานธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจายุติสงครามดังกล่าว

Thai PBS Verify ตรวจสอบพบบัญชี Tiktok ชื่อ  trumpnation.usa  มีผู้ติดติดตาม 11,900 คน มีผู้กดถูกใจ 47,800 คน ส่วนใหญ่เนื้อหาของวิดีโอเกี่ยวกับ นโยบายและข่าวเกี่ยวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ยังมีการตัดต่อวิดีโอ นำภาพโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพระสันตะปาปาอีกด้วย  ซึ่งยอดชมคลิปวิดีโอมีจำนวนสูงทุกคลิป

แหล่งที่มา TikTok

 

ขณะที่คลิปที่ถูกนำมาสร้างนั้น มีชื่อว่า Pakistan india War update  พบว่ามีคนกดถูกใจ  996 คน  แสดงความคิดเห็น 113 ครั้ง  แชร์ 173 ครั้ง รายการโปรด 112 ครั้ง

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AIภาพจากคลิป  Pakistan india War update

โดยในเนื้อหาคลิปเป็นการนำภาพจากคลิป PowerfulJRE รายการ Joe Rogan Experience #2219 – Donald Trump และ คลิปพูดงานแถลงข่าว ทรัมป์เผย หลายประเทศยอมอ่อนข้อเพื่อทำข้อตกลงทางการค้า จากสำนักข่าวรอยเตอร์ 

นอกจากนี้จากการตรวจสอบบัญชีผ่านระบบ Tiktok พบว่าบัญชีดังกล่าวยังไม่ได้เครื่องหมายเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Verified Badge)ด้านหลังชื่อบัญชี

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

ขณะที่การตรวจสอบด้วยเครื่องมือ thehive.ai เครื่องมือ AI-Generated Content Detection จากเว็บไซต์ hivemoderation พบว่าเป็นเสียง AI  99 %

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

เมื่อตรวจสอบที่มาของคลิปมาจากช่อง PowerfulJRE รายการ Joe Rogan Experience #2219 – Donald Trump (ลิงก์บันทึก)

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพจากคลิป Pakistan india War update (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปมาจากช่อง PowerfulJRE รายการ Joe Rogan Experience #2219 – Donald Trump (ขวา)

นอกจากนี้พบว่าในภาพเนื้อหาคลิปตรงกับข่าว Trump says countries are “kissing my ass” to make trade deals จากสำนักข่าวรอยเตอร์   (ลิงก์บันทึก)

ตรวจสอบแล้ว: คลิปอ้าง “ทรัมป์เลือกช่วยอินเดีย สู้ ปากีสถาน” ที่แท้สร้างจากเสียง AI

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพจากคลิป Pakistan india War update (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปมาจากช่อง PowerfulJRE รายการ Joe Rogan Experience #2219 – Donald Trump (ขวา)

กระบวนการตรวจสอบ

  1. ตรวจสอบบัญชี TikTok
  • บัญชีชื่อ @trumpnation.usa มีผู้ติดตาม 11,900 คน และมียอดกดถูกใจรวม 47,800 ครั้ง เนื้อหาในบัญชีส่วนใหญ่เกี่ยวกับนโยบายและข่าวของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และไม่พบเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Verified Badge) จาก TikTok
  1. ตรวจสอบเสียงในคลิป
  • ใช้เครื่องมือ Hive Moderation (thehive.ai) ตรวจสอบพบว่า เสียงในคลิปเป็นเสียงที่สร้างด้วย AI (AI-generated voice) ถึง 99%
  1. ตรวจสอบต้นทางของคลิป
  • พบว่าคลิปที่ถูกใช้ตัดต่อ มาจากรายการ Joe Rogan Experience (ตอนที่ #2219 – Donald Trump) และ ข่าว Trump says countries are “kissing my ass” to make trade deals ซึ่งต้นฉบับไม่มีการพูดถึงความขัดแย้งอินเดีย-ปากีสถานในลักษณะสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ผลกระทบจากการรับข้อมูลเท็จ

  1. เกิดความเข้าใจผิดในระดับสังคม
  • เมื่อประชาชนได้รับข้อมูลเท็จ เช่น ข่าวปลอมที่อ้างว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ สนับสนุนประเทศหนึ่งในกรณีพิพาท อาจทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงเกี่ยวกับท่าทีของผู้นำโลก คนอาจเชื่อว่า “สหรัฐฯ มีส่วนร่วมในความขัดแย้ง” ก่อให้เกิดความตึงเครียดในหมู่ผู้ติดตามที่มีความคิดเห็นต่างกัน ขยายวงสู่ความขัดแย้งในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
  1. เสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมหรือโฆษณาชวนเชื่อ
  • ข้อมูลเท็จในลักษณะนี้มักถูกตัดต่อให้สื่อความหมายเฉพาะด้าน เช่น สนับสนุนฝ่ายหนึ่งเพื่อหวังผลทางการเมืองหรืออุดมการณ์อาจถูกใช้สร้างกระแสเกลียดชัง (hate speech) ช่วยขยายอิทธิพลของกลุ่มหัวรุนแรง เป็นส่วนหนึ่งของสงครามข่าวสาร (Information Warfare) ที่มุ่งหวังผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง
  1. บั่นทอนความน่าเชื่อถือของสื่อออนไลน์
  • เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจในข่าวที่เห็นใน TikTok, YouTube หรือ Facebook ส่งผลให้ แม้แต่ข่าวจริงก็ถูกตั้งคำถาม หรือกลายเป็น “ข่าวที่ไม่มีใครเชื่อ”
  1. กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • เนื้อหาปลอมที่เกี่ยวข้องกับผู้นำระดับโลก หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดระหว่างรัฐบาล หรือประชาชนของสองประเทศ มีผลกระทบต่อการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคงระหว่างประเทศ เพิ่มความระแวงหรือสร้างกระแสต้านระหว่างประเทศแม้ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. อย่าแชร์ทันที ควรตรวจสอบที่มาก่อน
  • ก่อนจะแชร์วิดีโอหรือข้อความที่มีเนื้อหาน่าตกใจ หรือมีแนวโน้มปลุกปั่นความรู้สึก ควรหาข้อมูลนี้มาจากแหล่งใด , บัญชีนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่? หรือมีหลักฐานหรืออ้างอิงประกอบหรือไม่ ?
  1. ตรวจสอบแหล่งข่าวน่าเชื่อถือ
  • ควรตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งข่าวระดับสากลหรือหน่วยงานรัฐ เช่น Thai PBS, BBC , Reuters, Associated Press (AP) และ กระทรวงการต่างประเทศ เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มักมีระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานที่อ้างอิงได้
  1. ตรวจสอบชื่อบัญชีและเครื่องหมายยืนยันตัวตน
  • บัญชีทางการหรือบุคคลสำคัญบน TikTok, Facebook, Instagram และ X (Twitter) มักมี เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า หรือ Verified Badge หากไม่มีเครื่องหมายนี้ และโพสต์เนื้อหาล่อแหลมหรือสุดโต่ง  อาจเป็นบัญชีแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอม
  1. ใช้เครื่องมือช่วยตรวจสอบ
  • ในกรณีที่คุณสงสัยว่าเป็นวิดีโอปลอมหรือเสียง AI สามารถใช้เครื่องมือฟรี เช่น Hive Moderation ตรวจจับเสียงหรือข้อความที่สร้างด้วย AI และ InVID สำหรับตรวจสอบวิดีโอว่าเคยถูกโพสต์มาก่อนหรือไม่ / ถูกตัดต่อหรือไม่
  1. รายงานคลิปผิดกฎให้แพลตฟอร์ม
  • หากพบว่าคลิปมีเนื้อหาปลอม หลอกลวง หรือเป็นอันตราย สามารถกด “รายงาน (Report)” ได้โดยตรงใน TikTok ระบบจะส่งคลิปให้ทีมตรวจสอบ หากพบว่าผิดกฎ จะมีการลบหรือแสดงคำเตือนบนคลิปนั้น

ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าอินเดียและปากีสถานตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ โดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง หลังทั้งสองประเทศพูดคุยกันยาวนานเมื่อคืนก่อน ซึ่งการหยุดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังเหตุโจมตีรุนแรงในแคชเมียร์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 คน จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างสองชาติที่ต่างกล่าวหาและตอบโต้กันอย่างรุนแรง รวมถึงการยิงปะทะข้ามเส้นควบคุมและปฏิบัติการทางทหาร ล่าสุดทั้งสองประเทศตกลงยุติความรุนแรง แม้ยังมีความกังวลเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ที่ต่างฝ่ายครอบครองอยู่จำนวนมาก (ลิงก์บันทึก)

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง