เปิดให้ชมเสมือนจริง นิทรรศการพระเมรุมาศ คาดยอดเข้าชมวันละ 1แสนคน

สังคม
1 พ.ย. 60
14:46
8,812
Logo Thai PBS
เปิดให้ชมเสมือนจริง นิทรรศการพระเมรุมาศ คาดยอดเข้าชมวันละ 1แสนคน
ประชาชนจำนวนมากเยี่ยมชมนิทรรศการเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 รอบเสมือนจริง ก่อนเปิดให้ประชาชนเข้าชมในวันที่ 2 พ.ย.นี้ คาดผู้เข้าชมวันละ 1 แสนคน เตือนห้ามเซลฟี่ –ไลฟ์สด-เข้าพื้นที่หวงห้าม

วันนี้ ( 1 พ.ย.60) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมการทดสอบการนำชมนิทรรศการว่า ตามที่รัฐบาล กำหนดเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศและงานประติมากรรมและจิตรกรรมประดับพระเมรุมาศ ในวันที่ 2 พ.ย.60

 

 

ดังนั้น เพื่อให้การบริการประชาชนที่มาเข้าชมเป็นไปอย่างเรียบร้อย จึงจัดให้มีการทดสอบการนำประชาชนเข้าชมนิทรรศการ ในวันนี้ (1 พ.ย.) โดยทดสอบระบบคัดกรอง การนำชมพระเมรุมาศและแต่ละอาคารภายในพระเมรุมาศ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการและพระภิกษุสงฆ์ และยังทดสอบระบบทางลาดของผู้พิการ

 

 

สำหรับนิทรรศการเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของไทยที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทยที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งจะได้เข้าชมพระเมรุมาศและอาคารประกอบที่จัดสร้างอย่างสมพระเกียรติ นิทรรศการเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ประกอบด้วย

 

 

 1.นิทรรศการพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ที่ใช้ในงานพระราชพิธีฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความงดงามในหลักปรัชญาการสร้างตามโบราณราชประเพณีและอย่างสมพระเกียรติ

 

 

2.บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม นิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และจิตกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชื่อ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” แบ่งเป็น 5 หัวข้อ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5.พระจักรีนิวัตฟ้า และสามารถชมจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 ด้านของพระที่นั่งทรงธรรม

 

 

3.บริเวณศาลาลูกขุน 6 หลัง เป็นนิทรรศการพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบ และงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ประกอบด้วย 1.สมมติเทวพิมาน : สถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ 2.ณ วิธานสถาปกศาลา : จากแบบขยายสู่การก่อสร้าง3.ประติมาสร้างสรรค์ : งานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ 4.สวรรค์บรรจงวาด : ฉากบังเพลิงและจิตรกรรมฝาผนังโครงการพระราชดำริ 5.ยาตรากฤษฎาธาร : การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ 6.ตระการวิจิตรศิลปกรรม : งานประณีตศิลป์ในพระราชพิธี

 

 

4.บริเวณทับเกษตร นำสัมผัสพระสุเมรุ : นิทรรศการสัมผัสเพื่อผู้พิการทางสายตาแสดงนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา โดยจะมีพระเมรุมาศจำลอง เพื่อให้ผู้พิการได้มีโอกาสสัมผัสของจริงแทนการมองด้วยตา อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ โดยมีอาสาสมัครนำชมและจัดทำซีดีเสียงบรรยายนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน มีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ 

5.ภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าพระเมรุมาศ สะท้อนให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเนื่องมาจาก โครงการพระราชดำริ เช่น พันธุ์ข้าวพระราชทาน หญ้าแฝก ต้นยางนา มะม่วงมหาชนก กังหันชัยพัฒนา ฝายน้ำล้น ส่วนนาข้าวจะมีขอบคันนาออกแบบเชิงเป็นเลขเก้าไทย

 

 

นางผุสดี ลาเกลียง ครูโรงเรียนเศรษฐเสถียร ซึ่งพานักเรียนผู้พิการทางการได้ยินมาเยี่ยมชมนิทรรศการ โดยระบุว่า ต้องการให้นักเรียนรู้ว่าของจริงสวยงามเพียงใด เพราะที่ผ่านมาเห็นแต่ในโทรทัศน์และยังได้สอนให้นักเรียนได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้ร่วมกิจกรรมต่างๆทั้งการประดิษฐ์ดอกไม้และร่วมเป็นจิตอาสาอีกด้วย

 

 

สอดคล้องกับที่ นายเจตน์ชาคริณ ภูริชอนันตชัย ชาวสมุทรปราการ ซึ่งพาครอบครัวมาเที่ยวชมนิทรรศการ ที่กล่าวว่า อยากให้ลูกทั้ง 2 คนได้เห็นว่าพระเมรุมาศมีศิลปะที่งดงาม ปราณีต และจัดอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ รวมถึงจากนี้ไปจะนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปสอนให้พวกเขาได้รับรู้และนำไปปฏิบัติตามทั้งเศรษฐกิจพอเพียงและเรื่องอื่นๆ ที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน

 

 

ขณะที่นางจรรยา เฮงตระกูล ข้าราชการบำนาญ อายุ 76 ปีกล่าวว่า รู้สึกตื้นตันใจที่ได้มาพบเห็นพระเมรุมาศ ซึ่งก่อสร้างได้อย่างสมพระเกียรติ สมกับที่พระองค์ได้ทรงพระราชกรณียกิจนานัปการให้พสกนิกรชาวไทย ซึ่งตนเองเป็นชาวอีสานก็ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงพลิกฟื้นแผ่นดินที่เคยแห้งแล้ง ให้มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ทุรกันดารต่างๆ เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน

"พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐอย่างที่สุด จากนี้ไปก็อยากขอให้คนไทยทุกคนมีความรัก สามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน และร่วมกันรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป" นางจรรยา กล่าว 

 

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการงดการถ่ายภาพเซลฟี่ การไลฟ์สดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ควรแตะต้องหรือจับพระเมรุมาศและสิ่งก่อสร้าง รวมถึงไม่ควรเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของงานด้วย

 

  

ในการนี้ วันที่ 2 พ.ย.2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 07.00 น. โดยภายหลังเสด็จฯ เปิดนิทรรศการแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการได้จนถึง เวลา 22.00 น.

  

 

หลังจากนั้น จนถึงวันที่ 30 พ.ย. โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการ เวลา 07.00-22.00 น. ของทุกวัน รอบละ 5,500 คน และใช้เวลารอบละ 45 นาที- 1 ชั่วโมง คาดว่าแต่ละวันจะมีผู้เข้าชม 100,000 คน

ผู้ที่จะมาชมนิทรรศการต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด ประกอบด้วย บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณท่าช้าง บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม

 

 

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแจก แผ่นพับนำชมนิทรรศการ ซึ่งจัดพิมพ์ทั้งหมด 3,000,000 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ จำนวน 3,000,000 แผ่น

นอกจากนี้ยังมีเวทีมหรสพด้านนอกฝั่งทิศเหนือ จัดแสดง 2 ช่วง เวลา18.00-19.30 น.และเวลา 20.00-22.00 น. โดยจัดการแสดงชุดต่างๆ เช่น การแสดงพื้นเมืองแต่ละภาค การแสดงละครในเรื่องอิเหนา เรื่องพระมหาชนก การแสดงเรื่องพระสุธนมโนราห์ ดนตรีสากล รวมถึงการแสดงชุดต่างๆ ในแต่ละวัน เช่น การแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค ลิเก และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 19.00-20.00 น. จัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดยเริ่มแสดงครั้งแรกวันที่ 4 พ.ย.ตอนพระนารายณ์ปราบนนทก รวมทั้งประโคมดนตรีวันละ 10 วง บริเวณศาลาลูกขุนเวลา 08.00 - 17.00 น. ซึ่งจัดแสดงโดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และหน่วยงาน และศิลปินจากภาคต่างๆ

 

 

ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจัดจุดบริการน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ ทีมแพทย์พยาบาลเพื่อให้บริการและดูแลประชาชนรอบสนามหลวง ส่วนการเดินทาง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จัดรถโดยสารให้บริการฟรี จากจุดต่างๆ มายังท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. จำนวน 60 คันต่อวัน ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ 1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2. สถานีรถไฟหัวลำโพง 3. วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 4. สถานีขนส่งเอกมัย 5. สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และ 6. สถานีขนส่งหมอชิต ด้านกองทัพเรือให้บริการเดินเรือ ตั้งแต่ 06.00-22.00น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา และได้ประสานกรมเจ้าท่าขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลาให้สอดคล้องกับการจัดนิทรรศการตั้งแต่ 05.00-22.30 น.

นอกจากเปิดให้ชมนิทรรศการพระเมรุมาศในท้องสนามหลวงแล้ว กระทรวงวัฒนธรรมยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมโรงราชรถและพระยานมาศ ซึ่งจัดแสดงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ อีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง