วันนี้ (21 ก.ค.2568) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงงานเลี้ยงดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ซึ่งมีกระแสว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมว่าเป็นการรวมตัวครั้งแรกของพรรคร่วมหลังบางพรรคถอนตัวออกไป โดยไม่แน่ใจว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ควบคุมเสียงในสภาฯ ค่อนข้างท้าทาย
นายพริษฐ์ยังระบุว่า แม้ยังไม่ยืนยันว่านายทักษิณจะเข้าร่วม แต่ทุกคนรับรู้ว่าในรอบ 2 ปีของรัฐบาลชุดนี้ นายทักษิณมีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำและกำหนดนโยบาย การเข้าร่วมดินเนอร์ยิ่งตอกย้ำว่า ผลงานของรัฐบาลผูกโยงกับแนวคิดของนายทักษิณ หากรัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คอร์รัปชัน หรือความเหลื่อมล้ำ แนวคิดของนายทักษิณก็จะล้มเหลวเช่นกัน
นายพริษฐ์กล่าวถึงความเหมาะสมว่า การเชิญนายทักษิณขึ้นอยู่กับพรรคร่วม แต่ในมุมประชาชน การที่นายทักษิณออกมาพูดบนเวทีสาธารณะสะท้อนแนวคิดย้อนยุคที่อาจไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ ส่วนการร้องเรียนเรื่องครอบงำพรรค ระบุว่า ต้องรอดูว่ามีผู้ยื่นร้องหรือไม่ แต่ในแง่ความรับผิดชอบทางการเมือง ทุกคนรู้ว่านายทักษิณมีบทบาทกำหนดทิศทางรัฐบาลอย่างชัดเจน
ขีดเส้น สส.รัฐบาลไม่ทำสภาฯ ล่ม
สำหรับกรณีสภาฯ ล่มบ่อยครั้ง นายพริษฐ์ย้ำว่า สภาจะไม่ล่มหาก สส.รัฐบาลมาปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ประธานวิปรัฐบาลเคยระบุ คาดหวังให้รัฐมนตรีทุกคนเข้ามาตอบกระทู้สดของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะรัฐมนตรีใหม่ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อใช้เวลาการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ นายพริษฐ์ตั้งข้อสังเกตกรณี ครม.ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพลกซ์ โดยอ้างการปรับองค์ประกอบ แต่ร่างอื่นไม่ถูกถอน จึงเสนอให้พิจารณากฎหมายที่ฝ่ายค้านค้างไว้ในระเบียบวาระ 2 ปี เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศ
ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นายพริษฐ์เผยว่า สัปดาห์นี้เป็นช่วงสำคัญในการสรุปผลจาก อนุกรรมาธิการ โดยพรรคประชาชนมุ่งตัดงบ 3 ส่วน ได้แก่
- งบที่เพิ่มภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐมนตรีใหม่ที่อยากลดภาระครู
- งบอาคารรัฐสภา เช่น โครงการปรับปรุงห้องประชุมและภาพยนตร์ 4D รวมถึงงบโอนที่ไม่ปรากฏในเอกสาร เช่น การออกแบบอาคารที่จอดรถ
- งบหลักสูตรอบรมผู้บริหารระดับสูง เช่น หลักสูตร บ.ย.ส. และ นยปส. ซึ่งเสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์ กระทบความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและหน่วยงานตรวจสอบ
นายพริษฐ์ย้ำว่า เป้าหมายคือตัดงบฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น เพื่อให้งบจากภาษีประชาชนถูกใช้อย่างคุ้มค่า แม้ไม่สุ่มเสี่ยงทุจริต แต่หากไม่เร่งด่วนก็ควรนำไปช่วยประชาชนที่เดือดร้อน อนุ กมธ. กำลังแยกย้ายตรวจสอบประเด็นต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันทับซ้อนและความฟุ่มเฟือยในอาคารราชการ โดยหากไม่สำเร็จในชั้น อนุ กมธ. จะนำมาหารือใน กมธ.ใหญ่ต่อไป
อ่านข่าวเพิ่ม :
โควตาเพื่อไทยอีสาน วิสุทธิ์ยัน รอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2 รู้ผล 24 ก.ค.
คดีความพ่อลูก "ทักษิณ-แพทองธาร" ชี้ชะตาการเมือง ส.ค.