วันนี้ ( 5 ส.ค.2568) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบหลังจากที่หรัฐอเมริกาประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ไทยในอัตรา19%ว่า สินค้าที่ได้รับผลกระทบ คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และยางและผลิตภัณฑ์ยาง เนื่องจากมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯสูง และยังพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
ในขณะที่ความสามารถการแข่งขันส่งออกสินค้าไทย 10 อันดับแรกไปยังตลาดสหรัฐพบว่าไทยเสียเปรียบคู่แข่งไม่มากนัก เนื่องจากมีอัตราภาษีใกล้เคียงกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
กลุ่มที่ได้เปรียบไทย มีเพียงสิงคโปร์ที่ได้อัตราภาษี 10% รองลงมาคือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ได้รับอัตราภาษี 15%
ส่วนกลุ่มที่ไทยได้เปรียบในการส่งออกมีหลายระดับ เริ่มจากเวียดนาม ไต้หวัน ศรีลังกา และบังกลาเทศที่ได้รับภาษี 20% ตามด้วยอินเดียและบรูไนที่ 25% ลาวและเมียนมาที่ 40%
จีน คือ ตลาดที่ไทยได้เปรียบมากที่สุดด้วยอัตราภาษี 51%ของจีน สร้างโอกาสให้ไทยสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะการส่งออกกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์ และเฟอร์นิเจอร์และสินค้าเบ็ดเตล็ด
ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ กล่าวอีกว่า จากการประเมินผลกระทบภาษี19% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี2568 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อส่งออกไทย114,612 ล้านบาท ทำให้จีดีพีหดตัวลง 0.62% โดยแบ่งเป็น ผลกระทบทางตรงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่อการส่งออก 106,518 ล้านบาท , ผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานโลก 26,978 ล้านบาท แต่อาจได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนการค้า 18,884 ล้านบาท
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 2569 คาดว่าจะมีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการส่งออก 275,069 ล้านบาท ทำให้จีดีพีหดตัวลง 1.48% แบ่งเป็น ผลกระทบทางตรงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่อการส่งออก 255,643 ล้านบาท , ผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานโลก64,747 ล้านบาท แต่อาจได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนการค้า 45,322 ล้านบาท แต่มหาวิทยาลัยหอการค้ายังคงเป้าหมายจีดีพีทั้งปีไว้ที่ 1.5-2% โดยมีค่ากลางอยู่ที่1.7%
ทั้งนี้ม.หอการค้าไทยฯ มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ 6 มาตรการ ได้แก่ ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ, เสริมสร้างกฎแหล่งกำเนิดสินค้า, กระจายตลาดส่งออก, ดึงดูดการลงทุนโดยตรงที่มูลค่าสูง, ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศ, และดำเนินการทูตเพื่อการค้าในเชิงรุก เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้
อ่านข่าว:
ขัดแย้งไทย-กัมพูชา ฉุดยอดค้าชายแดน-ส่งออกมิ.ย.ร่วงหนัก
กุ้งใหญ่ ราคาไม่แรง พณ.ชวนชิมเทศกาลกินกุ้ง ช่วยชาวประมง
ไทย-สหรัฐฯ เตรียมออกแถลงการณ์ บรรลุภาษีตอบโต้19% มีผล 7 ส.ค. เวลา 00.01 น.