วันนี้ (27 ม.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถระงับการออกสั่งเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุได้ เนื่องจากคำสั่งที่เกิดขึ้นมาจากการตีความกฎหมายที่คลาดเคลื่อน โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขประกาศ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องใดๆ
แต่กรณีที่เกิดขึ้น ผู้สูงอายุที่รับเบี้ยบำนาญพิเศษจากข้าราชการทหารที่เสียชีวิต ถือเป็นมรดก หรือทรัพย์ส่วนตัว ไม่ใช่บำนาญจากการรับราชการเอง จึงไม่เข้าข่ายว่าเป็นการรับเบี้ยอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
พร้อมยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากความบกพร่องของภาครัฐ ซึ่งไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลและประสานกระบวนการตรวจสอบกับท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้ เพิ่งพบปัญหาการจ่ายซ้ำซ้อน ทั้งที่จ่ายไปแล้วนานกว่า 10 ปี อีกทั้งยังพบการจ่ายเงินซ้ำซ้อน จนต้องเรียกเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ท้องถิ่นไม่สามารถอ้างได้ว่าผู้สูงอายุลงนามรับทราบเงื่อนไขการรับเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ซ้ำซ้อนกับการรับเบี้ยอื่นๆ จากทางการ เพราะโดยสามัญสำนึก คนทั่วไปมักได้อ่านรายละเอียดในสัญญาด้วยภาษากฎหมายอยู่แล้ว อีกทั้งในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องสำรวจ และสอบถามผู้สูงอายุเองว่า เข้าหลักเกณฑ์การรับเงินหรือไม่ ก่อนประสานข้อมูลมายังกรมบัญชีกลาง
อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลัง เตรียมหารือรายละเอียดในเรื่องนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้สูงอายุ 13 คนที่โคราช ถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพย้อนหลัง
นายกสภาทนายความฯ พร้อมช่วยเหลือ ผู้สูงอายุถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพ
คลังสั่งรื้อระเบียบการจ่ายเงินซ้ำซ้อน "เบี้ยสูงอายุ"
หญิง 89 ปี ยันไม่เปิดรับบริจาค ขอผ่อน 20 เดือนคืนเบี้ยผู้สูงอายุ
กรมบัญชีกลาง ชี้แจงปมเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เหตุได้รับเงินบำนาญฯแล้ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง: