หายจากโรงแรมภูเก็ต! ชายไนจีเรียติดเชื้อ "ฝีดาษลิง"

สังคม
22 ก.ค. 65
12:30
1,688
Logo Thai PBS
หายจากโรงแรมภูเก็ต! ชายไนจีเรียติดเชื้อ "ฝีดาษลิง"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจ-สาธารณสุข เร่งติดตามตัวชายชาวไนจีเรีย ผู้ป่วยฝีดาษลิงคนแรกในไทย หลังหายออกจากโรงแรมในพื้นที่ป่าตอง ภูเก็ต ตั้งแต่ 21.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค. ไม่เข้าพบแพทย์ตามนัด พบประวัติเสี่ยงเที่ยวสถานบันเทิง มีเพศสัมพันธ์กับหญิง ไม่ระบุสัญชาติ

วันนี้ (22 ก.ค.2565) จังหวัดภูเก็ต แถลงประเด็นพบชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี เป็นผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง คนแรกในไทย

นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า พบฝีดาษลิงเคสแรกของประเทศ โดยไทม์ไลน์ พบว่า ในวันที่ 16 ก.ค. เวลา 15.30 น. สสจ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่ามีเคสสงสัย จากนั้นส่งตัวอย่างตรวจ และทราบผลแล็บจากจุฬาฯ ว่าผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ในวันที่ 18 ก.ค. เวลา 18.00 น.

จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ประสานว่า จะรับผู้ป่วยมารักษา แต่ผู้ป่วยปฏิเสธและปิดโทรศัพท์ จึงประสานตำรวจ และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ติดตามผู้ป่วยตั้งแต่คืนวันที่ 18 ก.ค. ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค. ผลแล็บที่กรมวิทย์ฯ ยืนยันว่าเป็นโรคฝีดาษลิง สายพันธุ์ West African ซึ่งอาการไม่รุนแรง

ทั้งนี้ การตรวจสอบกล้องวงจรปิดในช่วงวันที่ 18 ก.ค. เวลา 19.00 น. พบว่าผู้ป่วยได้เช็กอินเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง โดยไม่ให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด กระทั่งเวลา 21.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค. ผู้ป่วยได้นำกุญแจมาว่างไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วหายไป

 

 

นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบผู้ป่วยมีประวัติเสี่ยง ค่อนข้างชื่นชอบการท่องเที่ยวในสถานบันเทิง และช่วง 2-3 วัน มีประวัติไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง แต่ไม่บอกว่าสัญชาติใด

ทั้งนี้การสอบสวนโรค พบผู้สัมผัสใกล้ชิดที่คอนโดฯ 2 คน เป็นชายชาวไนจีเรีย 1 คน และหญิงอีก 1 คน, รพ. 2 แห่ง เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 1 คน, อยู่ระหว่างติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดจากการใช้ยานพาหนะ, ชุมชน สัมผัสเสี่ยงสูง 9 คน, สถานบันเทิงป่าตอง สอบสวนโรค 142 คน พบ 5 คน มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ แต่ยังไม่มีผื่น โดยผลตรวจเบื้องต้น 7 คน คือ เพื่อนที่คอนโดฯ และอีก 5 คนจากสถานบันเทิงย่านป่าตอง ที่มีอาการยังไม่พบเชื้อ

ส่วนการค้นหาเพิ่มเติม ทีมสอบสวนเฝ้าระวังที่ รพ. โดยย้อนกลับไปดูประวัติว่ามีผู้ป่วยมาตรวจด้วยอาการไข้ และมีผื่นหรือไม่ ในช่วง 1-2 สัปดาห์

โรคนี้ต้องติดต่อกันโดยสัมผัสใกล้ชิด เนื้อแนบเนื้อ ไอจามใส่หน้าแบบเป็นละอองใหญ่ ๆ

ไทม์ไลน์หายจากโรงแรมในป่าตอง 19 ก.ค.

ขณะที่ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้รับการประสานจากคณะสืบสวนโรคเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า ผู้ป่วยมีคอนโดฯ ที่ อ.กระทู้ ตรวจสอบครั้งแรกไม่พบตัว จึงสอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ. และเฝ้าติตตาม

พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ชายคนดังกล่าวออกจากคอนโดฯ ตั้งแต่เวลา 19.30 น. โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง พบว่าผู้ป่วย นั่งแท็กซี่เดินทางไปในพื้นที่ ต.ป่าตอง

จนกระทั่งได้รับข้อมูลจากแพทย์ว่า คนไข้ไม่ได้มาตามนัด และปิดโทรศัพท์แล้ว รวมทั้งไม่อ่านในแอปพลิเคชัน WhatsApp จึงประสานและไปตามหาที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต พบว่า เข้าพักอาศัยในโรงแรมแห่งหนึ่ง และพบตัวในวันที่ 19 ก.ค. เวลา 19.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. คนไข้ได้นำกุญแจมาวาง และเดินหายไปโดยไม่ได้เรียกรถ

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ป่วยไม่ได้ติดต่อกับใครและอยู่ภายในห้อง ขณะที่การตรวจสอบเพิ่มเติมพบรถคันหนึ่งมาจอด และหายไปพร้อมกับรถ ตรวจสอบเส้นทางพบผ่าน อ.กมลา อบต.เชิงทะเล ซึ่งจะติดตามต่อไป ยังไม่ยืนยันว่าผู้ป่วยยังอยู่ในภูเก็ต หรือจังหวัดใกล้เคียง

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ผู้ป่วยเดินทางเข้าไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2564 และเข้าพักอาศัยในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งใน ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 โดยผู้ป่วยปฏิเสธการให้ประวัติอาชีพ และการให้ประวัติเดินทางออกนอกไทย แต่ต่อมาได้แจ้งว่าเป็นนักธุรกิจ และมีประวัติสัมผัสนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงที่ป่าตองใน 2-3 สัปดาห์ก่อนป่วย

พบอยู่ไทยเกินกำหนดวีซ่า

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ป่วยยังไม่ได้ไปต่อวีซ่า หรืออยู่เกินกำหนด จึงเป็นไปได้ที่เกิดความกังวลที่จะพบแพทย์ ซึ่งขณะนี้ได้บูรณาการติดตาม เพราะผู้ป่วยเข้ามาไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแจ้งว่าจะไป จ.เชียงใหม่

แต่มาที่ภูเก็ต ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเดินทางมาด้วยวิธีใด แต่พบสัญญาการเช่าอาคารชุดที่ จ.ภูเก็ต เมื่อเดือน ม.ค.2565 และไม่มีประวัติการเดินทางไปยังประเทศต้นทาง

นอกจากนี้ ขอให้รถคันที่รับผู้ป่วยจากคอนโดฯ ในวันที่ 18 ก.ค. และโรงแรมในพื้นที่ป่าตอง วันที่ 19 ก.ค. ของให้เข้าพบ สสจ. หรือตำรวจ เพื่อติดตามผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น 

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ยังมั่นใจว่า จะติดตามพบชายชาวไนจีเรียคนดังกล่าวแน่นอน เบื้องต้นจะมีความผิดกรณีอยู่ในไทยเกินกำหนดวีซ่า และอยู่ระหว่างตรวจสอบความผิดในด้านสาธารณสุข

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ชายชาวไนจีเรียไม่ใช่ผู้ป่วยรายแรกในไทย เพราะไม่พบประวัติเดินทางออกจากไทย ตั้งแต่ปี 2564 โดย นพ.กู้ศักดิ์ กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ หากมีผื่นและไม่มีอาการมาก อยู่ที่บ้านก็สามารถหายเองได้

แต่ข้อมูลของ จ.ภูเก็ต เคยส่งตรวจเคสสงสัย 4 คน ซึ่ง 2 ครั้งแรกมาจากโรงพยาบาลรายงานเข้ามา และอีก 1 คน เป็นไฟลต์บินตรง และด่านควบคุมโรคสังเกตตุ่มตามลำตัวจึงส่งตรวจ ยืนยันว่ามีมาตรการเฝ้าระวังกรณีผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สธ.เผยเคสชาวไนจีเรียป่วย "ฝีดาษลิง" พบเพื่อนเสี่ยงสูง 2 คน 

สธ.พบชายชาวไนจีเรีย ผู้ป่วยยืนยัน “ฝีดาษลิง” คนแรกในไทย 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง