เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2566 โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ แถลงข่าวร่วมกับ แอนโทนี แอลบานีส นายกฯ ออสเตรเลีย และ รีซี ซูนัค นายกฯ อังกฤษ ที่นครซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ
วันนี้เราอยู่ ณ จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ ที่เกิดจากการทำงานอย่างหนักเพื่อเสริมสร้างการป้องปราม และส่งเสริมเสถียรภาพ ที่จะส่งผลต่อสันติภาพในอีกสิบปีข้างหน้า
โดยทั้ง 3 ประเทศจะร่วมมือกันสร้างกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึงเครื่องปฏิกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทโรลส์-รอยซ์ของอังกฤษ
ไบเดน ยืนยันว่าเรือดำน้ำรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะถูกส่งไปประจำการที่ออสเตรเลีย จะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์และจะไม่ทำลายพันธสัญญาของออสเตรเลียในการเป็นประเทศปลอดนิวเคลียร์
ขณะที่ออสเตรเลียจะส่งเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือไปประจำการที่ฐานเรือดำน้ำของสหรัฐฯ และอังกฤษตั้งแต่ปีนี้ เพื่อเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการเดินเรือดำน้ำ
และนับตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป สหรัฐฯ และอังกฤษจะส่งเรือดำน้ำจำนวนหนึ่งไปประจำการที่ฐานทัพในเมืองเพิร์ทของออสเตรเลีย ก่อนที่ออสเตรเลียจะซื้อเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย 3 ลำ จากสหรัฐฯ ในช่วงต้นทศวรรษ 2030 โดยสามารถซื้อเพิ่มได้อีก 2 ลำ ในอนาคต
แผนการหลังจากนั้น คือการออกแบบและต่อเรือดำน้ำรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์สำหรับกองทัพเรือของอังกฤษและออสเตรเลีย ในชื่อ SSN-Aukus โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในเรือดำน้ำรุ่นใหม่จะมาจากทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 65 ปี และเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐฯ ยอมแบ่งปันเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์นิวเคลียร์
โดยแผนการสร้างกองเรือดำน้ำของทั้ง 3 ประเทศ มีเป้าหมายหลักเพื่อรับมือกับการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางสถานการณ์ความมั่นคงที่สั่นคลอนไปทั่วโลกจากสงครามในยูเครน
อ่านข่าวต่างประเทศเพิ่ม :