ตร.ประเมินความเสี่ยงต่อเนื่อง อาจใช้ "กระสุนจริง" หากจำเป็น

อาชญากรรม
15 มี.ค. 66
10:20
402
Logo Thai PBS
ตร.ประเมินความเสี่ยงต่อเนื่อง อาจใช้ "กระสุนจริง" หากจำเป็น
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผบช.น.ยืนยันเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงได้รับบาดเจ็บต้องจากสถานการณ์ เข้าจู่โจม "สารวัตร" ต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ก่อเหตุยังมีการยิงตอบโต้ หากจำเป็นต้องใช้กระสุนจริง พร้อมปฏิบัติการทันที

วันนี้ (15 มี.ค.2566) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เผยว่า ตลอดระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่พยายามกดดันเพื่อเข้าควบคุมตัวหรือแม้กระทั่งเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุ มอบตัวนั้น เจ้าหน้าที่มีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา

เบื้องต้น สถานการณ์มีความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้ก่อเหตุยังมีเครื่องกระสุนที่พร้อมตอบโต้เจ้าหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ ในการควบคุมได้มากขึ้น และเปิดช่องว่างที่ทำให้เจ้าหน้าที่เห็นตัวผู้ก่อเหตุโดยสามารถกดดันให้ผู้ก่อเหตุ อยู่ในบริเวณชั้น 2 ของห้องพัก เป็นผลมาจากการใช้โดรนบินเข้าไปตรวจการด้านใน

แต่ในขณะนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการใช้ยุทธวิธีจู่โจม ซึ่งต้องประเมินว่า อาการป่วยของผู้ก่อเหตุ จะต้องใช้วิธีใด

หากประเมินแล้วจำเป็นต้องใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทันที ส่วนการเจรจาสื่อสารนั้นไม่สามารถจะสื่อสารแบบคนปกติทั่วไปได้

ส่วนยุทธวิธีที่ให้เพื่อนร่วมงานมาร้องเพลงให้ฟังและมีการจู่โจมควบคู่ไปด้วยนั้น เป็นวิธีที่ดึงดูดความสนใจ แต่จากการปฏิบัติแล้วทางผู้ก่อเหตุยังมีการตอบโต้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องถอนกำลังมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย

ส่วนอาวุธที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้น เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่า เป็นชนิดลูกโม่ที่ใช้ตอบโต้ นอกจากนี้ยังเสียงปืนคล้ายระบบออโตเมติก สังเกตได้จากเสียงปืนที่ดังต่อเนื่องแต่ยัง ไม่สามารถระบุได้ว่มเป็นปืนชนิดใด

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในการเข้าจู่โจม ชุดปฏิบัติการพิเศษ ถูกกระสุนของผู้ก่อเหตุยิงสวนมาถูกหมวก แต่กระสุนแฉลบออกไปทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ และมีการเปิดเผยภาพจากโดรนของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุที่อยู่ภายในบ้านพักได้ชัดเจน ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งได้ จึงเป็นผลดีต่อผู้ปฏิบัติงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง