แต่ป้ายชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่หน้าห้องสำนักงาน รอง ผบ.ตร. ก็ถูกปลดออก รวมถึงเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ถอดภาพถ่าย ออกไปจากทำเนียบผู้บังคับบัญชาด้วย
แม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะเหลืออายุราชการจนถึงปี 2574 แต่กูรูด้านกฎหมายและนักวิเคราะห์ด้านการเมืองหลายคน ฟันธงล่วงหน้าตรงกันว่า โอกาสจะได้กลับคืน สตช. คงจะยากแล้ว เพราะขั้นตอนการดำเนินการคดีความนับจากนี้ จนถึงขั้นตอนอัยการและชั้นศาล จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี ยังไม่นับศาลที่มีหลายชั้น
- "บิ๊กโจ๊ก" ยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกราชการ-จ่อฟ้องกราวรูด ตร.
- จับกระแสการเมือง 25 เม.ย.2567 “บิ๊กโจ๊ก” วิ่งสู้ฟัด ทวงคืนตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.”
เมื่อคนวงนอกอย่างกูรูยังรู้ แล้วมีหรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไม่รู้ แม้จะทำใจดีสู้เสือ เชื่อว่าจะได้กลับมา แต่การเปิดศึกรอบด้าน ยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ รรท.ผบ.ตร. หัวหน้าและพนักงานสอบสวนที่ทำคดีเว็บพนันกว่า 200 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เท่ากับประกาศชนและเอาเรื่องกับทุกคนที่ทำคดีนี้ ทำให้เสมือนตกอยู่ในวงล้อมของฝ่ายตรงข้าม อนาคตข้างหน้าคงไม่สดใส
จึงอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยให้เหตุผล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผบ.ตร. และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ยื่นร้องไว้ก่อนแล้ว ส่วนนายกฯ เศรษฐา แม้จะอยู่ในกระบวนการ แต่ไม่มีเจตนาทำผิด แต่เป็นเพราะโดนหลอก
เหตุผลจากคนระดับ รอง ผบ.ตร.สมเหตุหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ที่แน่ ๆ “บิ๊กโจ๊ก” ย่อมรู้ดีว่า ในสถานการณ์หลังพิงฝาเข้าตาจนแบบนี้ ต้องแสวงหาพันธมิตรไว้ดีกว่า เพราะศัตรูอย่างเดียว โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจในมือ
เพราะ “บิ๊กโจ๊ก” เติบโตบนอาชีพตำรวจ ได้อย่างรวดเร็วมั่นคง เพราะแรงส่งทางการเมืองดี โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อครั้งเป็นทั้ง รองนายก และ รมว.กลาโหม ดูแลทั้งความมั่นคงและตำรวจ เป็นช่วงที่ “บิ๊กโจ๊ก” โตแบบก้าวกระโดด
เมื่อ “บิ๊กป้อม” เริ่มอัสดง ก็ได้เห็น “บิ๊กโจ๊ก” คงความขยันในการเข้าหาฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะในซีกรัฐบาล แม้บางครั้งจะเป็นเรื่องการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายหรือดูแล เช่น เรื่องความมั่นคงก็ตาม
นอกจากหวังให้ฝ่ายการเมือง ได้เห็นผลงานเข้าตาแล้ว เป็นไปได้ที่ “บิ๊กโจ๊ก” อาจสนใจงานด้านการเมืองในทีอยู่ก่อนแล้ว แต่ที่ผ่านมา เก้าอี้ ผบ.ตร.อยู่ใกล้แค่เอื้อม ไปถึงตรงนั้นก่อน แล้วค่อยไปต่อเวทีการเมืองก็ได้ ยิ่งในสังคม “คนใต้” การเข้าสู่วงการเมืองเป็นเรื่องปกติ
ประกอบกับแฟนคลับของ “บิ๊กโจ๊ก” ในโลกโซเชียล ที่คอยติดตามให้กำลังใจมีอยู่จำนวนมาก ส่วนใหญ่ เพราะชอบสไตล์การทำงานแบบถึงลูกถึงคน จับคดีไหนต้องเป็นข่าว และมีความคืบหน้า ต่างจากนายตำรวจคนอื่น ๆ ที่มักจะอ้างเป็นเรื่องในสำนวนคดี ที่เปิดเผยไม่ได้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มักมีข่าวฉาวในวงการตำรวจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ตบทรัพย์ดาราต่างชาติ รีดไถนักลงทุนจีน ใช้รถราชการเปิดไซเรนนำขบวนนักท่องเที่ยวไปส่งที่พัก “บิ๊กโจ๊ก” จึงเป็นความหวังที่จะช่วยล้างภาพดังกล่าว
เมื่อมีเรื่อง “บิ๊กโจ๊ก” โดนกล่าวหาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ ถูกคอมมานโดพร้อมอาวุธสงครามบุกค้นบ้าน จึงถูกมองว่า เป็นการเตะสกัดไม่ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ยิ่งมีสั่งถูกย้ายไป สำนักนายกฯ กระทั่งโดนคำสั่งให้ออกจากราชการ
ขณะที่เจ้าตัวปักหลักสู้ ขู่เปิดข้อมูลที่จะทำให้พังกันทั้ง สตช. หรือแม้แต่เปิดประเด็นเรื่องปปช.บางคนที่ได้เป็นเพราะวิ่งเต้นผ่านระดับ “บิ๊ก” จึงยิ่งได้รับเสียงเชียร์จากเอฟซี
อ่านข่าว : ป.ป.ช.ฟัน "สุชาติ ภิญโญ" ถือครองที่ดินวังน้ำเขียวมิชอบ
เมื่อมีคนติดตามทั้งไลฟ์สด หรือให้สัมภาษณ์สื่อ พร้อมยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ เรียกร้องให้รีบเปิดโปงข้อมูลที่ขู่ไว้ อีกทั้งส่วนหนึ่งเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง และต้องพ้นไปจากตำแหน่งใหญ่แล้ว ให้สาวไส้ความไม่ชอบมาพากลออกมาให้หมด
เป็นเรื่องน่าจับตาว่า ระหว่างสู้คดีข้อกล่าวหาที่ต้องใช้เวลานานนี้ “บิ๊กโจ๊ก” จะตัดสินใจเบนเข็มเข้าสู่เวทีการเมืองหรือไม่ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน มีความเป็นผู้นำ กล้าได้กล้าเสีย ด้านฐานะไม่ธรรมดา เพราะมักบอกว่าภรรยารวย จึงหาเงินเป็นทุนให้ลูกน้องสำหรับทำคดีสืบสวนเรื่องใหญ่ๆ ได้
ยิ่งหากเข้าข่าย “ใจถึงพึ่งได้” จริง สไตล์จะไม่ต่างจาก ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ที่ถอดแบบเลขาธิการพรรคการเมือง ในสไตล์พรรคการเมืองไทย จึงน่าจะเป็นที่ต้องการของฝ่ายการเมือง ที่พร้อมอยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย
ทั้งหมดอยู่ที่ “บิ๊กโจ๊ก” จะตัดสินใจอย่างไร
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าว : "พวงเพ็ชร" สั่ง พศ.-พม. ตรวจสอบ "เด็ก 8 ขวบ เชื่อมจิต"
“วราวุธ” ระบุกรณี “เด็ก 8 ขวบเชื่อมจิต” ต้องยึดกฎหมาย-ดำเนินการอย่างระวัง