วันนี้ ( 30 เม.ย.2568) นาย ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก Moody's Investors Service (มูดีส์)ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่ เชิงลบ(Negative) จากเดิมที่อยู่ในระดับ มีเสถียรภาพ(Stable) ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่สืบเนื่องจากสงครามการค้า ทรัมป์ 2.0 อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจไทยที่มีการขยายตัวต่ำและฟื้นตัวช้า ซึ่งขณะนี้ทุกคนมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะต่ำกว่า 2% และอาจจะมีความเสี่ยงที่โตต่ำกว่านั้นได้ หากไทยโดนเก็บภาษีจากสหรัฐสูง ซึ่งจะเป็นกลไกที่ทำให้เศรษฐกิจทั้งโลกมีความเสี่ยงและไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เดิม มูดีส์ มองว่าตัวเครดิตเรตติ้งของไทย น่าลงทุน แต่ปัจจุบันไทยมีความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจ ที่อาจขยายตัวต่ำ จึงประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่ เชิงลบ
อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเปิด มีมูลค่าการค้าขายระหว่างประเทศ ทั้งสินค้าบริการประมาณ 125% ของ GDP จึงหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ ขณะที่มูดีส์ มองไทยมีความเสี่ยง และมีความเสี่ยงที่จะตกชั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไทยจะตกชั้น และไม่น่าลงทุน เพราะไทยมีความเข้มแข็งทางการคลัง คือ มีหนี้สาธารณะต่ำ เศรษฐกิจไทยก็ยังมีสัญญาณโตบวก และยังมีโอกาสที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ ได้ และคิดว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่กระทบการลงทุน

เรื่องเกิดขึ้น ทุกคนมองไทยด้วยความสบายใจน้อยลง ดังนั้นอาจจะมีผลกระทบบ้างต่อการที่จะระดมทุนออกตราสารระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การออกพันธบัตรรัฐบาลในต่างประเทศอาจจะมีดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แม้ไทยอยู่ในอินเวสเมนต์ แต่มีโอกาสที่จะหลุดชั้น แต่ไม่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค เพราะไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนเป็นข้อที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีมาตรการเสริมสิทธิทางเศรษฐกิจไทย
ด้าน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับลดแนวโน้มเครดิตของประเทศไทยจากระดับ Stable เป็น Negative ถือเป็นสัญญาณที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและตลาดการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังพยายามดึงดูดเงินทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย
แม้จะยังไม่ได้ปรับลดอันดับเครดิตโดยตรง แต่การเปลี่ยน outlook เป็น Negative ถือเป็น สัญญาณเตือนต่อความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังในระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะประเด็นด้านวินัยการคลัง การบริหารหนี้สาธารณะ และประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของรัฐ และส่วนหนึ่งเชื่อว่า มาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่กระทบหลายประเทศที่มีการส่งออกและค้าขายกับสหรัฐฯ
หอการค้าไทยฯ ยังเชื่อมั่นว่า แม้ในภาวะที่ความเชื่อมั่นในบางด้านอาจลดลง ไทยยังมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่นที่พร้อมเดินหน้าต่อ ทั้งจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐกำลังดำเนินการ รวมถึงการฟื้นตัวของการลงทุนเอกชนและต่างชาติ
ส่วนของผลกระทบทางอ้อมจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีที่อาจมีการปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า หากมีการดำเนินการตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ก็มีโอกาสกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยและGDP ในภาพรวม

อย่างไรก็ตาม ตามหลักการค้าระหว่างประเทศแล้ว ที่เคยแจ้งว่า เป็นแบบ กาลักน้ำ สินค้ายังไงก็ต้องไหลไปที่อื่น ดังนั้นสำหรับสินค้าและตลาดที่มีแนวโน้มปรับตัวได้ การเร่งขยายตลาดใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ไทยควรเร่งดำเนินการ
ทั้งนี้หอการค้าไทย มีข้อเสนอแนะ คือ การปรับตัวของภาคธุรกิจไทยให้พร้อมรับกับความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกที่มากขึ้น รวมถึงการเร่งขับเคลื่อน การพัฒนาศักยภาพแรงงาน การเร่งนวัตกรรม ใช้ Technology ด้วย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า มูดี้ตัดสินประเทศไทยเร็วไป เพราะการเจรจาแก้ไขปัญหาภาษีตอบโต้การค้าระหว่างประเทศไทย กับสหรัฐอเมริกายังไม่จบ และกำลังอยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งไทยก็มีความพร้อมที่จะไปเจรจา มั่นใจว่า จะได้เจรจากับสหรัฐฯแน่นอนซึ่งอาจจะเป็นช่วงเดือน พ.ค. นี้
สำหรับการปรับลดอันดับเครดิตไทยครั้งนี้ ค่อนข้างแปลก เพราะ 10 ปีที่ผ่านมาคงอันดับไทยมาโดยตลอดทั้งๆ ที่เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ดี โตเฉลี่ยเพียง 1.9% แต่กลับมาปรับลดอันดับช่วงนี้ ทั้งๆที่การส่งออกของไทยกำลังขยายตัวดีมาก โตต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน และยังโตต่อโดยคาดว่าปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่2-3%

มูดี้ส์ มองไม่เห็นภาพรวม มูดี้ส์ต้องดูการคาดการณ์ของตัวเองด้วยว่า ที่ทำมา มันเวิร์คไหม หากมีการประเมินอันดับไทยโดยใช้จากอัตราภาษีตอบโต้ที่คาดว่าสหรัฐฯจะเรียกเก็บ36% ก็ต้องไปปรับลดประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น เวียดนาม
นายพิชัยกล่าวถึงกรณีที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ช่วงบ่ายวันนี้ (30เม.ย.)ว่า หวังว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ย เพื่อทำให้ค่าเงินอ่อนลง เพื่อช่วยหนุนการส่งออกและภาคท่องเที่ยว ซึ่งจากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียครั้งก่อน ได้ถามตนว่าทำไมเศรษฐกิจไทยไม่ดี แต่เงินบาทกลับแข็งค่า และแข็งมากกว่าประเทศในภูมิภาคมาก แข็งค่ามากกว่าตอนไทยเจอปัญหาวิกฤติต้มยำกุ้งอีก
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนั้นอยากทำความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะกู้เงินทั้ง 5 แสนล้านบาท ไม่ได้หมายความว่าจะใช้หมด ที่สำคัญปัจจุบันไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง2แสนล้านบาท เพียงพอที่จะใช้หนี้แบบไม่มีปัญหา
อ่านข่าว:
แรงงานไทย “หนี้” เต็มกระเป๋า 98.8% ชี้ "ค่าจ้างขั้นต่ำ" ไม่สอดคล้องยุคของแพง
เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว สวนทางสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ คลี่คลาย