ทบ.ปรับแผนเข้ม! ประณามผู้ก่อเหตุยิงเด็ก-คนชราเสียชีวิตนราธิวาส

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2568 เกิดเหตุรุนแรงสะเทือนใจใน จ.นราธิวาส กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุ 2 เหตุการณ์ในวันเดียวกัน

เหตุแรกเกิดในพื้นที่หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ เวลา 19.38 น. คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ กราดยิงด้วยอาวุธปืนใส่บ้านประชาชน ขณะที่ชาวบ้านกำลังนั่งดูโทรทัศน์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายเชาว์ อายุ 44 ปี และ นายภาคีไนย อายุ 29 ปี ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ทันที

ในวันเดียวกัน ที่ อ.จะแนะ เกิดเหตุลอบยิงหญิงชราวัย 76 ปี ซึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง ขณะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายวัย 50 ปี ทำให้หญิงชราเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ระหว่างการรักษา เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชุมชนอย่างมาก

รอง ผอ.รมน. กองทัพบก ประณาม-สั่งล่าตัวมือยิง

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) และผู้บัญชาการทหารบก แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมประณามการกระทำของคนร้ายว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางสู้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและไม่อาจยอมรับได้

พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในพื้นที่ โดยเน้นการทำงานร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชน เพื่อปกป้องชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาละหมาดค่ำ (19.00-20.00 น.) ซึ่งคนร้ายมักใช้เป็นจังหวะก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจ ลาดตระเวนเชิงรุก และใช้การข่าวเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ โดยขณะนี้มีเบาะแสและร่องรอยของคนร้ายแล้ว

และยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อติดตามอาการและให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่ากำลังเร่งสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด

กองทัพบก ปรับมาตรการเข้ม "ปกป้องประชาชน"

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.พนา ได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งเชิงรุกและเชิงรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเน้นสกัดกั้นการก่อเหตุต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐ เพิ่มความเข้มงวดของจุดตรวจ และเสริมกำลังในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง การลาดตระเวนจะเข้มข้นขึ้นควบคู่กับการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อสืบสวนและจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว

พล.อ.พนา เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์และสร้างความสงบสุขให้กลับคืนสู่จังหวัดชายแดนใต้ กองทัพบกและ กอ.รมน.ยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงซ้ำรอยในอนาคต

กอ.รมน.เรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ร่วมกันประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และยืนหยัดต่อต้านการก่อเหตุที่ทำลายความสงบสุขของชุมชน พร้อมเตือนว่าผู้ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุ เช่น การซ่อนเร้น ให้ที่พักพิง หรือจัดหาทรัพยากร อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.189 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กอ.รมน.ยังขอความร่วมมือจากประชาชนให้เป็นหูเป็นตา หากพบเห็นบุคคลหรือพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายตรงแม่ทัพภาค 4/ผอ.รมน.ภาค 4 โทร. 061-173-2999 หรือสายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร.1341 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงแจ้งหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ใกล้เคียงได้ทันที

อ่านข่าว :

"ทรัมป์" เปลี่ยนกฎสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ หันหลังให้ความหลากหลาย

เป็นเรื่องดี! ชูศักดิ์มองศาลนัดไต่สวน 13 มิ.ย. ปมทักษิณนอนชั้น 14