ดูแนวโน้มดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 และเฟส 4 ดูจะเป็นไปในแนวไม่ได้ มากกว่าจะได้ใช้งาน จากกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึง การรื้อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ด้วย ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างรอบคอบ

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
วันนี้ (15 พ.ค.2568) นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า อยู่ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ถ้ามองในแง่ของข้อจำกัดทางการคลังมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทรัพยากรทางการคลังที่มีน้อยลงเรื่อยๆ จึงต้องมีความจำเป็นว่าเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องไปเน้นนโยบายที่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ มีการสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างตรงเป้าตรงจุด เพื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด
ทั้งนี้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 มองว่าจากการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจมีค่อนข้างจำกัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีการรั่วไหลออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเงินไปออม หรือไปจ่ายหนี้สิน เป็นการช่วยเหลือแต่ละคน แต่เป็นการช่วยในแง่ของเศรษฐกิจมีผลค่อนข้างจำกัด
จึงจำเป็นต้องมาทบทวนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมาโฟกัสกับนโยบายที่มีผลต่อเศรษฐกิจมากที่สุด และไม่ใช่แค่ดิจิทัลวอลเล็ต แต่ต้องกลับมาทบทวนทั้งงบประมณปีนี้ รวมถึงปีหน้าด้วย ว่ามีงบประมาณส่วนใดที่นำไปใช้แล้วไม่คุ้มค่า หรือมีผลต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
นายพิพัฒน์ เสนอว่า การใช้เม็ดเงินให้ตรงจุดควรพิจารณาใน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ สนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนอย่างตรงจุด เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้น และเปลี่ยนมาใช้ในการลงทุนในโครงการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว และให้ผลตอบแทนต่อระบบเศรษฐกิจสูง
สำหรับการระดมทุนผ่าน G-Token ที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการ นายพิพัฒน์มองว่า ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจ เพียงช่องทางในการระดมทุนของรัฐบาลเท่านั้นเอง
ส่วนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยังต้องรอท่าทีที่ชัดเจนจากรัฐบาล แม้ขณะนี้ประเทศอื่น ๆ เช่น จีน สามารถเจรจาเพื่อลดกำแพงภาษีจาก 145% เหลือ 30% ได้สำเร็จแล้ว
โดยแม้ข้อเสนอ 5 ข้อของไทยจะใกล้เคียงกับหลายประเทศ เช่น การเปิดตลาดในประเทศ การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และการลงทุนในสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ อาจมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าหรือข้อจำกัดเฉพาะอุตสาหกรรม ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ
สิ่งที่กังวลคือ เมื่อสหรัฐฯ เริ่มตกลงกับประเทศใหญ่ๆ ได้ ถ้าประเทศไทยได้รับการตกลงเรื่องการเจรจาช้า อาจจะต้องไปดูเงื่อนไขในการเจรจาว่ามีความเข้มขึ้นมากพอหรือไม่ แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าข้อเสนอการเจรจาของไทยน่าสนใจ
โดยแม้ข้อเสนอ 5 ข้อของไทยจะใกล้เคียงกับหลายประเทศ เช่น การเปิดตลาดในประเทศ การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และการลงทุนในสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ อาจมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าหรือข้อจำกัดเฉพาะอุตสาหกรรม ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ
อ่านข่าว :
เงินหมื่นเฟส 3 จ่อวืด หลัง "พิชัย" ขอทบทวน ต้องรื้อแผนกระตุ้น ศก.
“นักวิชาการ” ตั้งคำถามรัฐบาล ออก ‘จี-โทเคน’ มีเงิน 5,000 ล้านค้ำประกันหรือไม่
รู้จัก "G-Token" พันธบัตรดิจิทัล ครม.เปิดโอกาสคนไทยร่วมลงทุน