ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ชยพล" อภิปรายงบกองทัพ ชี้ยังลดขนาดกองทัพไม่ได้

การเมือง
07:38
160
"ชยพล" อภิปรายงบกองทัพ ชี้ยังลดขนาดกองทัพไม่ได้
อ่านให้ฟัง
14:29อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชยพล" อภิปรายงบกองทัพ ชี้ยังลดขนาดกองทัพไม่ได้ เหตุโครงการเออรี่รีไทร์ งบฯจูงใจน้อย แนะ 3 แนวทาง ปมจัดซื้อเรือ "ฟริเกต" ขณะที่ "รมช.กลาโหม" ยืนยันลดจำนวนกำลังพลต่อเนื่อง แต่เพิ่มเงินเดือนเป็นงบบุคลากรสูง

วานนี้ (29 พ.ค.68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 

นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหม โดยกล่าวว่า ทุกคนต่างต้องการเห็นกองทัพไทยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับด้านขีดความสามารถ ประสิทธิภาพและความโปร่งใส เพื่อลบคำสบประมาทและชื่อเสียงที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาภัยความมั่นคงในปัจจุบัน ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ด้วยรถถังหรือลูกปืน อย่างที่ไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ หากเลือกที่จะกั๊กงบ แล้วถมเงินในเรื่องการทหารอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะกลายเป็นค่าเสียโอกาสของประเทศ ที่ไม่สามารถใช้กรอบงบประมาณแก้ไขปัญหาด้านอื่นได้

ผมอยากให้กองทัพเลิกกั๊กแล้วพักก่อนดีมั้ย เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยรัฐบาลในการหาเงิน ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะพังจริง ใช้เงินให้ถูกที่จ่ายเงินได้ประสิทธิภาพก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้

นายชยพล กล่าวว่า งบประมาณกว่า 4,700 ล้านบาท ของกระทรวงกลาโหม ที่เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2568 ซึ่งงบประมาณครึ่งหนึ่ง ของกระทรวงกลาโหมอยู่ที่งบบุคลากร หากต้องการให้กองทัพมีประสิทธิภาพ โดยเน้นใช้คนน้อยและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการรบสมัยใหม่ แต่ยังไม่ได้มีภาพสะท้อนถึงเรื่องการลดกองทัพอย่างที่กล่าวถึง โดยสะท้อนว่า สิทธิประโยชน์ในโครงการเออร์รี่ รีไทร์ ไม่จูงใจจึงไม่สามารถลดจำนวนนายพลได้ตามเป้าทำให้เสียโอกาสในการประหยัดงบประมาณ ด้วยสิทธิการเออร์รี่ รีไทร์ในปี 2568 - 2560 ได้เงินก้อน 10 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย ขณะที่สิทธิประโยชน์ในช่วงปี 2557 - 2561 ได้ 15 เท่า

นอกจากนี้ ยังเสนอการจัดการกับอาวุธ 3 ขั้นตอนคือ 1.วางแผนให้ดี โดยคำนึงความจำเป็นทางภัยความมั่นคง 2. ซื้อให้พอ โดยจัดซื้อภายในประเทศและนำเข้าอย่างมียุทธศาสตร์ และ 3. ซ่อมให้ถึง โดยซ่อมให้ทนตามวงรอบอย่างเหมาะสม เช่น ความจำเป็นในการจัดหาเรือฟรีเกต หรือ การซ่อมเรืออย่างเหมาะสม

สำหรับเรือหลวงภูมิพล ที่ใช้งานยังไม่ถึง 10 ปีแต่ถูกใช้อย่างหนักขาดการซ่อมบำรุงตามวงรอบ จนเกิดเหตุเครื่องยนต์เสีย ระหว่างภารกิจที่ออสเตรเลีย และต้องเสียงบประมาณ 240 ล้านบาท เฉพาะค่าเครื่องยนต์ ซึ่งงบประมาณในการซ่อมบำรุงแต่ละเหล่าทัพ 3 ปีย้อนหลังพบว่า งบประมาณของกองทัพเรือลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ปัญหาไม่เคยลด

นายชยพล ยังหยิบยกเรื่องมาตรฐานยุทโธปกรณ์กระทรวงกลาโหม ที่ทำให้ผู้ประกอบการไทย ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับปืนยาว ปืนเล็ก ชุดเกราะรถถัง รถยานเกาะ UAV อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงยากในการขายสินค้าให้กองทัพ และยังไม่นับเรื่องปัญหาความโปร่งใสของ TOR ซึ่งกองทัพไม่เคยชี้แจงว่า การซื้อยุทโธปกรณ์มีการซื้อสิ่งใดบ้าง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และจัดให้ข้อมูลอยู่ในชั้นความลับ

นายชยพล ยังกล่าวว่า ที่ ติดใจ คือ สิ่งที่ไม่ควรเป็นความลับ อย่างเช่น ยุทโธปกรณ์เพื่อบรรเทาสาธารณภัย รถตักดิน รถส่องไฟ หรือ เรือท้องแบน ถามว่า มีความละเอียดอ่อนที่จะสะท้อนความสามารถของกองทัพไทยได้ขนาดไหน และสิ่งเหล่านี้ที่กองทัพบกซื้อเป็นไปได้หรือไม่ที่จะอุดหนุนคนไทย

เช่นกรณี ยางรถยนต์ ประเทศไทยก็มียางและยี่ห้อผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะซื้อจากผู้ประกอบการชาวไทย แต่ปรากฏว่ากองทัพบกเลือกที่จะตั้งโรงงานผลิตเอง และใช้สินค้าจาก โรงงานซ่อม รถยนต์กองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ สายสรรพาวุธ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธกองทัพบก (รง.ซย.กรซท.ศซส.สพ.ทบ.)

นายชยพล ยังระบุว่า ในวงเงิน 3,600 ล้านบาท ที่จะเป็นโอกาสผู้ประกอบการไทยจะมีส่วนร่วม ซึ่งในเอกสารไม่ควรเป็นความลับ เช่นเตียง 35,000 หลัง รวมเกือบ 100 ล้านบาท อุปกรณ์สมาร์ตคลาสรูม 15 ล้านบาท รถบรรทุกจำนวน 30 คัน วงเงิน 21 ล้านบาท หรือแม้แต่พ่อพันธุ์ม้า ต้องการม้าพันธุ์ดี สีดำแท้ในการเพาะพันธุ์เพื่อร่วมพระราชพิธีจำนวน 4 ตัว จำนวน 26 ล้านบาท ย้ำถามถึงความจำเป็นในการใช้งบประมาณดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสงสัยถึงงบประมาณปริศนาต้องสงสัย IO ภาค 5 ที่ไร้การชี้แจงจากกองทัพบก รู้เพียงว่า ใช้ทำอะไร งบเท่าไหร่อันสะท้อนถึงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณของกองทัพว่า เป็นเพื่อความมั่นคงของชาติหรือเพื่อความมั่นคงของใคร เพราะขณะนี้มีงบประมาณถูกใช้ไปในการคุกคามคนในประเทศโดยมีโครงการที่น่าจับตาเป็นพิเศษ

นายชยพล ยังกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการตามแผนป้องกันประเทศ และเงินราชการลับ นี่แค่งบประมาณส่วนเดียวที่ไม่มีการชี้แจง แต่ถูกสงสัยว่า เป็นงบประมาณที่ปฏิบัติการคุกคามประชาชน หรือ IO ภาค 5 ที่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อนหน้านี้ ที่ไร้ซึ่งคำตอบและคำชี้แจงจากรัฐบาล คือ กระบวนการบั่นทอนประชาธิปไตยโดยการชักใหญ่ของ ศปก.ร่วม หน่วยงานนอกกระทรวงกลาโหม ที่เป็นผู้บงการควบคุมการทำงานของกองทัพ แค่กองทัพบกกินงบประมาณไป 3,000 ล้านบาทในปี 2569 เป็นรัฐพันลึกอย่างแท้จริงเพราะถามสำนักงบประมาณก็ตอบไม่ได้

นายชยพล ยังระบุถึง ค่าโง่เรือดำน้ำเกือบ 16,000 ล้านบาท ที่จ่ายไปแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววจะได้เรือดำน้ำ เสียค่าโง่ก็แล้ว เจรจาก็แล้ว รัฐมนตรีบินไปเยอรมนีก็แล้วจะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ รัฐบาลจะรับผิดชอบความเสียหายให้กับคนไทยอย่างไรที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ หรือ รัฐบาลสามารถขอเงินคืนได้แล้วหรือยัง แต่รัฐบาลจะเดินหน้าจ่ายค่าเรือดำน้ำแทนที่รัฐบาลจะฟ้องความผิดทางละเมิดต่อศาลปกครอง โจทก์แรกกองทัพเรือและโจทก์ที่ 2 รมว.กลาโหมในขณะนั้น โจทก์ที่ 3 คือ ครม.ที่อนุมัติโครงการในขณะนั้น

นายชยพล ยังให้เสนอตัดงบของกระทรวงกลาโหม เหลือครึ่งเดียวให้คงเหลือ 14,000 ล้านบาท ในการช่วยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เหลือ 7,000 ล้านบาท โดยไม่ได้ต้องการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกต (Frigate) จึงเสนอ ครม.ให้ 1.ทบทวนมติใหม่ เปลี่ยนหลักการอนุมัติจัดซื้อเรือ 2 ลำ และดาวน์ 5% ของมูลค่าโครงการ 2.ชะลอโครงการออกไปเพื่อให้โครงการใหม่มีความชัดเจนมากกว่า 3.ฝืนต่อไป

"รมช.กลาโหม" ยืนยันลดกำลังพลต่อเนื่อง

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวชี้แจงการอภิปรายของนายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรรคประชาชน อภิปรายในเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหม โดยกล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงกลาโหมถึงจะดูมีจำนวนเพิ่มขึ้นแต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนของงบประมาณประเทศแล้ว จะเห็นว่ามีสัดส่วนลดลง ส่วนสาเหตุที่ต้องรักษาความลับเพราะตามระเบียบแล้วหากเอกสารส่งได้ส่วนหนึ่งมีความลับก็จะต้องถือว่าลับทั้งหมด

สำหรับจำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นนั้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการลดกำลังคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะทหารชั้นนายพล ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดให้เหลือ 384 อัตรา ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ภายในปี 2570 กล่าวคือต้องลดจากปัจจุบัน 378 อัตรา ซึ่งในปี 2568 ได้ปรับลดไปแล้ว 308 อัตรา

กระทรวงกลาโหมได้ควบคุมยอดการผลิตกำลังพล จากนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายสิบ มาตามลำดับตั้งแต่ปี 2530 จะพยายามคงยอดตรงนี้ไว้ไม่มีการเพิ่มนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายสิบอีก

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณท่านผู้ทรงเกียรติที่ได้ให้ข้อแนะนำในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ว่า 7-10 เดือนน้อยเกินไป ความจริงแล้วแนวคิดของกระทรวงกลาโหมในการทำโครงการ Early Retire คือ จะใช้งบประมาณของกระทรวงเองโดยไม่ขอจากรัฐบาล ซึ่งจากงบประมาณที่กระทรวงมีอยู่เพียงพอบริหารโครงการแค่ 7-10 เดือน

อย่างไรก็ตาม ผมได้กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ว่าปัจจุบันนี้คณะกรรมาธิการการทหาร เสนอว่าน่าจะปรับเพิ่มขึ้น ก็คงจะมีการปรับปรุงต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลประการสุดท้าย กระทรวงกลาโหม มีแผนปรับลดกำลังพลในภาพรวม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จากเดิมปีนั้นมียอด 237,818 นาย จะปรับลดลง 5% ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2570 กล่าวคือ ปรับลดลงประมาณ 12,000 อัตรา ซึ่งปีนี้ปรับลดไปแล้ว 9,000 อัตรา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกำลังพลประจำการปีที่แล้ว 230,000 อัตราโดยประมาณ แต่ปีนี้มีเพียง 228,000 อัตรา คือ ลดจากปีที่แล้วไป 3,000 กว่าอัตรา

จำนวนกำลังพลที่ลดลง แต่งบบุคลากรเพิ่มขึ้นมีสาเหตุคือ มีการปรับเงินเดือนข้าราชการตามนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดให้เพิ่มเงินเดือน 10% ภายใน 2 ปี และกำลังพลที่เป็นระดับปริญญาตรีให้ปรับเงินเดือนเป็น 18,000 บาท รวมทั้งการเพิ่มเงินค่าครองชีพชั่วคราวด้วย

สาเหตุประการต่อมาคือ มีการปรับค่าตอบแทนพิเศษของทหารกองประจำการ หรือ พลทหาร เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 11,000 บาท นอกจากนั้นยังเพิ่มเงินชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนแรกบรรจุเข้ารับราชการให้เป็น 18,000 บาทเท่ากัน โดยสรุป คือ คนลดลงแต่มีรายละเอียดของการเพิ่มเงินเดือนแต่ละบุคคลมากขึ้น เป็นสาเหตุให้งบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้น

ส่วนกรณีสมุดปกขาว ทบ.ปัจจุบันได้มีแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดหายุทโธปกรณ์ เรื่องเรือฟริเกต (Frigate) ส่วนตัวเห็นด้วยกับเหตุผลของสมาชิก เพราะในชั้นส่งคำขอกองทัพเรือขอมาจำนวน 2 ลำ ลำละ 15,000 ล้านบาท รวมเป็น 35,000 ล้านบาท ในระดับนโยบายจึงมีความกังวลว่า หากมีเหตุไม่คาดคิดทำให้การจัดหาไม่เรียบร้อย รัฐบาลจะสูญเสียเงินถึง 35,000 ล้านบาท จึงให้กองทัพเรือทยอยจัดหา 1 ลำก่อน ในวงเงิน 17,500 ล้านบาท

พล.อ.ณัฐพล ได้นำเสนอยุทโธปกรณ์บางส่วนที่กองทัพไทยสามารถผลิตได้เองในปัจจุบัน อาทิ การพัฒนาเครื่องยิงลูกระเบิด 120 มม., แบบอัตตาจรล้อยาง (ATMM), ปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มม., จรวดหลายลำกล้องอัตตาจร 122 มม. แบบ DTI-2, หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด รุ่น D-Empir V.4, จรวดหลายลำกล้องอัตตาจร 122 มม. แบบ DTI-2, รถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ แบบ D11A, หุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิด รุ่น D-Empir V.4, หุ่นยนต์ตรวจการณ์ขนาดพกพา รุ่น NOONAR V.4, ยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 ATV, เรือระบายพลขนาดกลาง รวมถึงอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน

อ่านข่าว : "ภัณฑิล" อัดสภาของบ 24.9 ล้านทำคลังอาวุธ - สัมมนาปี 67 ใช้มากถึง 800 ล้าน 

"พิเชษฐ์ - พริษฐ์ " โต้ปมงบประมาณปรับปรุงรัฐสภา 

ชมสด วันที่ 2 ประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ถกร่างงบฯปี 69