เป็นไปตามคาด แนวคิดปราบยาเสพติดของนายทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงในการปาฐกถาพิเศษของ ป.ป.ส. จะมีเสียงขานรับจากคนในรัฐบาลถ้วนหน้า ทั้ง นายภูมิธรรม เวชชยชัย ที่คุมกลาโหมและความมั่นคง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ดูแลมหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ดูแลกระทรวงยุติธรรม
แม้แต่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์ฯ หรือ พม.จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยังหนุนใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ที่ผันจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ปันมาใช้ในการปราบปรามยาเสพติดด้วย
ทำให้อาจมีเพียงนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ออกโรงมาเบรกเรื่องโยกงบ 1.57 แสนล้านบาท มาใช้ปราบปรามยาเสพติด ด้วยเหตุผล รัฐบาลมีงบประมาณสำหรับปราบปรามยาเสพติดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อาจเชื่อว่า เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกมองว่า ต้องคอยทำตามแนวทางของนายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ อย่างที่ถูกวิพากษ์ตลอดว่า เป็นนายกฯ แต่เพียงในนาม ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัวจริง
หรืออาจสะท้อนได้ว่า ยังมีประสบการณ์ทางการเมืองน้อย เพราะแม้จะงบประมาณด้านนี้ กระจายอยู่ในหลายหน่วยงานต่างกระทรวง ก็เป็นแบบต่างคนต่างทำ ทำให้ไม่เกิดมรรคผลอย่างที่ควร
แม้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง จะมีตั้งโต๊ะแถลงจับกุมสกัดยาบ้าได้เป็นล้านเม็ด อยู่เนืองๆ แต่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อย เพราะแค่ 7 เดือนแรกปีงบฯ 2568 มียอดจับกุมยาเสพติดได้มากถึง 503 ล้านเม็ด นอกจากนี้ ยังถูกมองได้ว่า เป็นเพียงเพื่อโชว์ผลงานการทำหน้าที่เท่านั้น คนที่มีพรรษาทางการเมืองยาวนาน จึงเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
จึงอาจเป็นที่มาของนายทักษิณเห็นว่า ควรนำงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน มาใช้ในการปราบปรามยาเสพติด เพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า ทั้งยังแจกการบ้าน ครม.และหน่วยงานอื่น ๆ ไปทำหน้าที่แบบบูรณาการ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
ทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปประสานขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเมียนมา เพื่อให้ปราบกลุ่มว้าแดง ที่ได้ชื่อว่าผลิตยาเสพติดรายใหญ่ และส่งผ่านเข้าประเทศไทย จนนำไปสู่ประกาศเตรียมจัดการกลุ่มว้าแดงเอง หากเมียนมาร์จัดการไม่ได้ และกระทรวงมหาดไทย ไปปฏิบัติการเอกซเรย์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่ กอ.รมน.มีภารกิจสำคัญอยู่ และมีงบประมาณถึง 7 พันล้านบาท
แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ใช่เพียงหวัง “ตีปี๊บ” ให้เป็นข่าวใหญ่บนหน้าสื่อ เพื่อกลบข่าวหลายเรื่องที่ รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะเรื่องขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล หรือหวังจะได้เสียงชื่นชมจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะหาไม่แล้ว จะไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิม
เพราะโดยความจริง ต้องให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน เช่น กรณีจะเปิดศึกจัดการกับกลุ่มว้าแดง ซึ่งมีพื้นที่อิทธิพลในประเทศเมียนมา ด้านบนของประเทศไทย ในทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย ตั้งแต่ไม่ใช่เขตอธิปไตยของไทยที่จะทำอะไร หรือส่งกองกำลังเข้าไปปฏิบัติการได้ง่ายดังคิด ดังเหตุการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-เมียนมา กับกองกำลังว้าแดงที่ตั้งฐานปฏิบัติการใกล้ชายแดนไทย 8-9 จุด เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
ว้าแดง หรือ United Wa State Army (UWSA) เป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่มีขนาดใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในเมียนมา มีเป้าหมายสำคัญคือ สถาปนารัฐว้า เป็นรัฐอิสระ จึงพร้อมจะหาเงินเงินทุนมหาศาล จากกิจการที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งผลิตยาเสพติด และเหมืองแร่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำจากประเทศเมียนมา ผ่านแม่น้ำแม่สาย มีสารพิษปนเปื้อน กระทั่งถึงแม่น้ำกก
ว้า มีพื้นที่ปกครองตนเองเรียกว่า รัฐว้า เมืองหลวงคือ ปางซาง อยู่ตอนเหนือของรัฐฉาน ใกล้ชายแดนจีน มีกองกำลังทหารกว่า 30,000 นาย ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเมียนมาแต่เชื่อว่า จีนเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ รวมถึงส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เพื่อเป็นกันชน และยังมีเงินทุนที่หาได้ตลอด
สำหรับเพิ่มเขี้ยวเล็บและศักยภาพการรบ “ว้าแดง” ยังมีอิทธิพลเหนือกองทัพชาติพันธุ์อื่น ในรัฐฉานเหนือ ทั้งกองทัพโกก้าง (MNDAA) กองทัพไทใหญ่เหนือ (SSPP/SSA)
รายได้จากค้ายาเสพติด ทั้งยาบ้าและฝิ่น ถูกนำไปใช้สำหรับสร้างบ้านแปงเมือง พัฒนาถนนหนทางให้ทันสมัย รวมทั้งเมืองสำคัญที่อยู่ตอนใต้ อย่างเมืองสาด เมืองยอน เมืองเมา
ในช่วง 10-20 กว่าปีที่ผ่านมา มีข้อมูลว่า มีกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ที่เป็นเครือข่ายของนักการเมืองระดับชาติ ในภาคเหนือตอนบนของไทยหลายคน เข้าไปรับงาน และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากกลุ่มว้าแดง เท่ากับมีทั้งสายสัมพันธ์และผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันอยู่
ดำริของคนที่ถูกเชื่อว่า เป็นผู้มีอำนาจบารมีตัวจริง ในพรรคแกนนำและรัฐบาล จะทำเรื่องสำคัญ คือปราบยาเสพติดและจัดการกับ “ว้าแดง” อย่างที่กล่าวอ้างถึงได้จริงหรือไม่ และจะใช้กลยุทธ์อย่างไร คือสิ่งที่เป็นประเด็นคำถาม เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่การโชว์วิสัยทัศน์ให้ดูดีน่าเชื่อถือ หรือพูดไปเรื่อยเปื่อย
เหมือนอย่างกรณีที่เคยเปรียบเปรยกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ชายแดนใต้ว่า “เป็นโจรกระจอก” จนนำไปสู่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมหลายครั้งในพื้นที่ คือบทเรียนสำคัญ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ชมสด วันที่ 3 ประชุุมสภา สมัยวิสามัญ ถกงบฯปี 69
แท็กที่เกี่ยวข้อง: