ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สร้างความหวังจากความโกลาหล กลยุทธ์สื่อสารที่ "ผู้นำ" ต้องรู้

สังคม
14:48
82
สร้างความหวังจากความโกลาหล กลยุทธ์สื่อสารที่ "ผู้นำ" ต้องรู้
อ่านให้ฟัง
07:46อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ในยามวิกฤต "คำพูด" ของผู้นำเปรียบเสมือนกุญแจที่สามารถปลดล็อกความสงบหรือจุดระเบิดความโกลาหลได้ในพริบตา การสื่อสารที่รวดเร็ว จริงใจ เห็นอกเห็นใจ จะช่วยควบคุมสถานการณ์ และสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน ท่ามกลางความกดดันและเวลาเพียงน้อยนิด

ในทุกวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นพายุถล่ม วิกฤตเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน "การสื่อสารของผู้นำ" คือตัวตัดสินว่าจะนำพาความมั่นคงหรือความโกลาหลมาสู่ประชาชน การสื่อสารในภาวะวิกฤตไม่เหมือนการสื่อสารทางการเมืองทั่วไปที่เน้นสร้างภาพลักษณ์ เพราะวิกฤตมักมาพร้อมความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว เป้าหมายจึงอยู่ที่การลดผลกระทบ ลบล้างความเข้าใจผิด และสร้างความมั่นใจว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

ผู้นำต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาลในเวลาอันจำกัด โดยต้องสื่อสารอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเห็นอกเห็นใจ เพื่อรักษาความไว้วางใจและนำพาทุกคนฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

10 หลักการทองคำสื่อสารยามวิกฤต

  1. ตอบสนองทันที ออกแถลงการณ์แรกทันทีที่ยืนยันวิกฤต เพื่อแสดงว่ากำลังลงมือแก้ไข ความล่าช้าอาจเปิดช่องให้ข่าวลือครองเมือง
  2. ยึดข้อเท็จจริง ตรวจสอบข้อมูลให้แน่น อย่าแลกความถูกต้องกับความเร็ว และกล้าแก้ไขหากผิดพลาด
  3. สร้างความไว้วางใจ อธิบายว่าวิกฤตอยู่ในการควบคุม และใช้ผู้เชี่ยวชาญหนุนหลังการตัดสินใจ
  4. แสดงความเห็นอกเห็นใจ ใช้โทนเสียงที่เข้าใจความรู้สึกประชาชน เพื่อลดความตื่นตระหนก
  5. ซื่อสัตย์และโปร่งใส อย่าปิดบังความเสี่ยงหรือชะลอข้อมูลสำคัญ เพราะความจริงมักโผล่มาในเวลาที่แย่ที่สุด
  6. อัปเดตสม่ำเสมอ ให้ข้อมูลใหม่ต่อเนื่องเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ
  7. คิดล่วงหน้า คาดการณ์สถานการณ์และเตรียมการสื่อสาร อย่าปล่อยให้กลายเป็นแค่ "ดับไฟ"
  8. ใช้ช่องทางเดียว กำหนดโฆษกหลัก 1-2 คน เพื่อป้องกันความสับสนจากข้อมูลหลายกระแส
  9. มีส่วนร่วมกับชุมชน รับฟังคำถามและตอบกลับ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นมนุษย์และใกล้ชิด
  10. ใช้ทุกแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียช่วยอัปเดตเรียลไทม์ แต่ต้องเสริมด้วยวิธีดั้งเดิม เช่น การแถลงข่าวหรือ SMS
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ตัวอย่างผู้นำที่สื่อสารยอดเยี่ยม

จาซินดา อาร์เดิร์น อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นตัวอย่างผู้นำที่สื่อสารในวิกฤตได้อย่างน่าชื่นชม BBC ระบุว่า ในเหตุกราดยิงมัสยิดไครสต์เชิร์ช ปี 2562 เธอออกแถลงการณ์ทันทีด้วยน้ำเสียงที่เห็นอกเห็นใจ แสดงความเสียใจต่อชุมชนมุสลิม และยืนยันว่าจะดำเนินการเด็ดขาด เธอใช้โซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊กไลฟ์ เพื่ออัปเดตความคืบหน้าและตอบคำถามประชาชนอย่างโปร่งใส การปรากฏตัวที่มัสยิดพร้อมสวมผ้าคลุมศีรษะแสดงถึงความเคารพและความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ได้รับผลกระทบ ทำให้เธอได้รับความไว้วางใจทั้งในและนอกประเทศ

อีกตัวอย่างคือการรับมือโควิด-19 ในปี 2563 อาร์เดิร์นสื่อสารด้วยความชัดเจน ใช้คำว่า "เราเป็นทีม 5 ล้านคน" เพื่อกระตุ้นความร่วมมือ และอัปเดตข้อมูลทุกวันด้วยข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ ผลคือ นิวซีแลนด์ควบคุมการระบาดได้ดีเยี่ยม และเธอกลายเป็นแบบอย่างของผู้นำที่สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

อดีตนายกฯ นิวซีแลนด์ และ ปธน.สหรัฐฯ

อดีตนายกฯ นิวซีแลนด์ และ ปธน.สหรัฐฯ

อดีตนายกฯ นิวซีแลนด์ และ ปธน.สหรัฐฯ

ตัวอย่างผู้นำที่สื่อสารล้มเหลว

ในทางตรงกันข้าม The Guardian เคยรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ในขณะเผชิญวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 ด้วยการสื่อสารที่สร้างความสับสนและขาดความน่าเชื่อถือ เขามักลดทอนความร้ายแรงของไวรัส เช่น อ้างว่า "มันจะหายไปเอง" และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แนะนำให้ฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าสู่ร่างกาย การขาดความเห็นอกเห็นใจต่อผู้เสียชีวิตและการกล่าวโทษจีนหรือองค์การอนามัยโลก ทำให้ประชาชนสับสนและไม่ไว้วางใจ การแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยการโต้แย้งกับสื่อและการหลีกเลี่ยงคำถามสำคัญยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ส่งผลให้สหรัฐฯ มีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตสูง และความน่าเชื่อถือของทรัมป์ในฐานะผู้นำลดลงอย่างมาก

หลุมพรางที่ผู้นำต้องระวัง

  • เงียบหาย การหายตัวไปหรือรอข้อมูลสมบูรณ์แบบทำให้ดูไร้ความสามารถ ประชาชนต้องการผู้นำที่มองเห็นได้
  • มองข้ามความร้ายแรง การบอกว่า "ไม่เป็นไร" ทั้งที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่พูด ทำให้เสียความน่าเชื่อถือทันที
  • โยนความผิด การชี้หน้าคนอื่นอาจดูสะใจ แต่สุดท้ายทำร้ายตัวเองและขัดขวางการแก้ปัญหา
  • กลัวประชาชนตื่นตระหนก ประชาชนไม่ได้ตื่นกลัวง่ายอย่างที่คิด ความกังวลมักมาจากการขาดข้อมูลชัดเจน
  • ควบคุมเกินเหตุ การจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองหรือเน้นปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความรู้สึกประชาชน ทำให้ดูห่างเหิน
  • โฆษกเยอะเกิน ข้อมูลจากหลายปากสร้างความสับสน ประชาชนจะงงว่าเชื่อใครดี

โอกาสและความท้าทาย การสื่อสารยุคดิจิทัล 

ในยุคที่โซเชียลมีเดียครองโลก ข้อมูลแพร่เร็วกว่าพายุ ผู้นำต้องเผชิญการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ แพลตฟอร์มอย่าง X หรือเฟซบุ๊ก ช่วยให้ผู้นำส่งข้อมูลทันใจ ตอบโต้ข่าวลือ และรับฟังประชาชน แต่ความเร็วนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง ข้อมูลเท็จแพร่กระจายง่าย ผู้นำต้องรีบแก้ข่าวด้วยข้อเท็จจริง หรือสร้างหน้า "แยกแยะข่าวลือ" เพื่อสยบความสับสน

ตัวอย่างเช่น ในวิกฤตไฟป่าออสเตรเลีย ปี 2562-2563 สกอตต์ มอร์ริสัน นายกฯ ถูกวิจารณ์หนักที่ตอบสนองช้าและใช้โซเชียลมีเดียอย่างไม่เหมาะสม เช่น โพสต์วิดีโอที่ดูเหมือนประชาสัมพันธ์ตัวเอง แทนการแสดงความเห็นอกเห็นใจ ทำให้ความไว้วางใจลดลง

การสื่อสารในภาวะวิกฤตคือบททดสอบที่เผยตัวตนของผู้นำ คำพูดที่จริงใจ รวดเร็ว และเห็นอกเห็นใจสามารถเปลี่ยนความโกลาหลให้เป็นความหวัง แต่หากผิดพลาด อาจทำลายความไว้วางใจในชั่วข้ามคืน ตัวอย่างจากจาซินดา อาร์เดิร์นแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารที่ชัดเจนและใกล้ชิดสามารถนำพาประชาชนฝ่าวิกฤตได้ ส่วนความล้มเหลวของโดนัลด์ ทรัมป์เตือนว่า การสื่อสารที่ขาดความน่าเชื่อถืออาจยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ผู้นำต้องยึดหลักการทองคำ หลีกเลี่ยงหลุมพราง และใช้ทุกช่องทางอย่างชาญฉลาด

โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเร็วและแรง วิกฤตไม่ใช่จุดจบ
แต่เป็นโอกาสให้ผู้นำพิสูจน์ความสามารถในการนำพาทุกคนไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

แหล่งที่มา :  BBCThe GuardianABC News Australia, Emerald insight, Zencity, Timspro

อ่านข่าวอื่น :

ชัยชนะ "เขาพระวิหาร" แรงบันดาลใจ กัมพูชายื่นคดีสู่ "ศาลโลก"

"ภูมิธรรม" ยืนยัน ประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย. ยังเหมือนเดิม