เป็นครั้งแรกของ กองทัพบก ที่ชวนคนไทยติดแฮชแท็ก “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชาที่ช่องบกเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่ยังคงมีการเผชิญหน้าในพื้นที่ มีการเจรจาระหว่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหมไทย และ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐ มนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. โดยฝ่ายไทยเสนอให้กัมพูชา ถอยกำลังออกไปจากแถวศาลาตรีมุข 150-200 เมตร เหมือนที่เคยตกลงกันไว้ เมื่อปี 2024
และในการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา ( JBC ) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ขอให้นำแผนที่และเรื่องต่าง ๆ มาคุยกัน โดยรมว.กลาโหมไทยฝากให้ พล.อ.เตีย เซยฮา ไปเสนอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จอัครเสนาบดี เตโช ฮุนเซ็น ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาให้พิจารณา ซึ่งกัมพูชาระบุว่า เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ
แต่ในที่สุดเพจกลาโหม กัมพูชา ออกมาปฎิเสธคำขอของไทยที่ให้ถอยทหารออกจากจุดล้ำแดนที่ช่องบก

แม้ต่อมา “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะออกมาแถลงหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้( 6 มิ.ย.2568) ว่า ทั้งกองทัพและรัฐบาลหารือกันตลอดและทราบในอำนาจของตัวเองดี ...ยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายมากขึ้น ซึ่งกองทัพยืนยันว่ามีการจำกัดวงเพื่อไม่ให้มีการขยายความรุนแรงเพิ่มขึ้น
แต่หากเช็คปฏิกิริยาและความเคลื่อนไหวของแต่ละกองทัพที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก หลังนำ “วรรคทอง”ของเพลงชาติไทย ประโยคที่ว่า “ ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ชาด” มาติดแฮชแท็ก # ก็ได้พบลีลาการเคลื่อน ไหวที่น่าสนใจไม่น้อย
หลังจากหน้าเพจเฟซบุ๊ก กองทัพบก Royal Thai Army โพสต์ข้อความเชิญชวนคนไทยติดแฮชแท็ก # เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่พี่น้องทหารเราเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับเพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ก็ได้โพสต์ภาพเดียวกัน และข้อความระบุว่า ขวัญกำลังใจคืออำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน ร่วมส่งกำลังใจง่ายๆ เพียงติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด และขอพลังใจให้ทหารไทย Like Love Share มารัวๆ ในโพสต์นี้ได้เลย
ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Force โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. “ กางม่านเหล็กระบบป้องกันฐานบิน กองบิน ๓ เตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้ง สระแก้ว พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง”
ตามมารัว ๆ ด้วยข้อความ หกเดือนหก (6.6) กองทัพอากาศเตรียมความพร้อม สั่งวันนี้ ส่งทันที ถึงที่หมายฝูงบิน 103 กองบิน 1 เครื่องบิน F-16 นามเรียกขาน “Lightning” ติดตั้งระเบิด พร้อมขึ้นปฏิบัติการสายฟ้าฟาด ปกป้องอธิปไตย #ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบ ไม่ขลาด”
ไม่ต่างจากหน้าเพจเหน้าเฟซบุ๊ก กองทัพเรือ Royal Thai Navy มีข้อความ แถวพร้อม รอฟังคำสั่ง นาวิกโยธินตรวจความพร้อมรบ เตรียมพร้อมรองรับทุกเหตุการณ์ภัยคุกคามทุกรูปแบบ
ตามมาด้วยหน้าเพจเฟซบุ๊ก “กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุนที่ ๑๒ “เผยข้อความ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เราพร้อมสนับสนุนการเคลื่อนย้ายในทุกภารกิจ เพราะเรา คือ หลักประกันความพร้อมรบของหน่วยทหารม้า
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านช่องบก จ.อุบลราชธานีว่า กัมพูชาได้สั่งเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่พร้อมอาวุธเข้ามาประจำการอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะที่ช่องบก ขณะนี้ได้มีการกระจายกำลังอยู่ในพื้นที่เนิน 745 และเนิน 641อยู่ใกล้ๆ ศาลาตรีมุข 12,000 ราย

ส่วนการเคลื่อนไหว ของพรรคการเมือง ในฝั่งรัฐบาลต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่ออกตัวแรงกว่าพรรคอื่น ๆ คือ ภูมิใจไทยและร่วมไทยสร้างชาติ ซึ่งถูกขึ้นบัญชีไว้แล้วว่า การปรับครม.ในครั้งทั้ง 2 พรรค ฯจะถูกเพื่อไทยเรียกคืนกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงมหาดไทย โดยทั้งภท.-และรทสช.ขึ้นหน้าเพจพรรคเป็นรูปธงชาติไทยและข้อความ “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” เช่นเดียวกัน
ฟากฝั่งพรรคฝ่ายค้านคงมีเพียง เพจพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ.ติดแฮชแท็ก# รักชาติ ยิ่งชีพ # ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบ ไม่ขลาด โดยนำภาพ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร สมัยหนุ่ม ๆ เมื่อครั้งประจำการอยู่พล.ร. 2 รอ.

“ไทยยึดหลักสันติวิธี ไม่ต้องการเผชิญหน้า แต่หากอีกฝ่ายไม่มีความจริงใจ ไม่ยอมใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ กลับปลุกปั่นป้ายสี และยกระดับปัญหาไปสู่เวทีโลก ไทยก็จำเป็นต้องเตรียมความพร้อม รับมือในทุกมิติ เพราะการประนีประนอมแบบไม่ลึกซึ้ง ยิ่งจะทำให้คู่เจรจา ไม่เกรงใจและไม่เกรงกลัว” คำเตือนตอนหนึ่งจาก พล.อ.ประวิตร
การสอดรับความเคลื่อนไหวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย พิชิต ไชยมงคล และนัสเซอร์ ยีหมะ ได้นำมวลชนไปยื่นหนังสือถึงกองทัพบก และวันนี้ (6 มิ.ย.2568) พวกเขาก็ได้ไปยื่นหนังสือประท้วงที่สถานทูตกัมพูชา
พิชิต บอกว่า จุดประสงค์ เพื่อส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลกัมพูชาที่มีพฤติกรรมรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ของประเทศไทยหลายครั้ง เช่น การร้องเพลงชาติ การเผาศาลาตรีมุขในจังหวัดอุบลราชธานี และเหตุปะทะกันบริเวณช่องบก ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของชาติไทย
พร้อมประกาศว่าจะสนับสนุนกองทัพไทยอย่างเต็มที่ โดยไม่ยอมเสียอธิปไตยให้กับกัมพูชาเด็ดขาด และในวันที่ 9 มิ.ย.นี้คปท.จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทหารและรัฐบาลกัมพูชาอีกด้วย

หากจับสัญญาณการขยับของภาคประชาชนไม่ได้มีเพียงกลุ่ม คปท.เท่านั้น แต่ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ กลุ่มพันธมิตรของคปท.อดีตนักกิจกรรมนักเคลื่อนไหว อดีต สว.และ สส. จำนวน 40 คน จัดเสวนา “เตือน..! ก่อนรัฐล้มเหลว” เพื่อหาทางออก, ออกแบบแนวทางขับเคลื่อนประเทศ ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายอุดร ตันติสุนทร, นายการุณ ไสงาม, ดร.แก้วสรร อติโพธิ และ ดร.ขวัญสรวง อติโพธิ และฯลฯ
หากดูรายชื่อผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่พบว่าล้วนเป็นคู่ปรับเก่าของ “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคไทยรักไทยในอดีตแทบทั้งนั้น โดยทั้งหมดจะร่วมกันหาทางออกที่ “บ้านสวนวิจิตรา” เลียบด่วนรามอินทรา ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.
ตามติดด้วยการเคลื่อนไหวของทีมบ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง แพทองธาร นายกรัฐมนตรี เพื่อประท้วงการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ช่องบก ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้
ไม่ว่าหมากเกมนี้จะมีเบื้องหน้า-เบื้องหลังอยู่หรือไม่ก็ตาม หากประมวลการขยับของแต่ละภาคส่วน ยากจะปฏิเสธว่าทุกองคาพยพที่เกิดขึ้น มีความสำคัญ และชวนจับตายิ่งนักถ้าการเจรจาขอให้กัมพูชาขยับไปอยู่แนวเดิมไม่มีผลและถูกเมิน ..วิถีชีวิตของคนชายแดนไทย ด้านช่องบกตก จะตกอยู่ในสถานการณ์ใด
อ่านข่าว