ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ขยับแนวเส้นเขตแดน “ช่องบก” กระทบทรัพยากรทะเล “เกาะกูด”

การเมือง
17:55
1,333
ขยับแนวเส้นเขตแดน “ช่องบก” กระทบทรัพยากรทะเล “เกาะกูด”
อ่านให้ฟัง
08:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

หลัง พล.อ. ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ รัฐบาลกัมพูชา ไม่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่กรุงพนมเปญ โดยประกาศขอใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศ ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ส่ง 4 พื้นที่ “ช่องบก-ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาเมือนโต๊ด-ปราสาทตาควาย” ขึ้นสู่ศาลโลก แทนการเจรจาทวิภาคีกับไทย

ไทย-กัมพูชามีแนวชายแดนติดต่อกันยาวประมาณ 798 กิโลเมตร แม้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา จะขึ้นๆ ลง ๆตามนโยบายของรัฐบาลแต่ละยุคสมัย แม้แต่ในยุคที่อดีตผู้นำรุ่นพ่อ-รุ่นลูก จาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา

มาสู่รุ่นลูก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ และ พล.อ.ฮุน มาเน็ต นายกฯกัมพูชา จะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับเริ่มกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังมีข้อพิพาทและเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังคงมีการตรึงกำลังตามแนวตะเข็บชายแดนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ชี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังทหารของฝ่ายไทยหรือกัมพูชา ไม่มีฝ่ายใดอยากสู้รบ เพราะจะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสิ้น แต่ในแง่การเตรียมความพร้อมของทหารไทย ยืนยันได้ว่า พร้อมรับทุกรูปแบบ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีการตรึงกำลังตามปกติ ไม่ได้อยากเปิดสงคราม หากไม่มีความจำเป็น กองทัพบก ไม่ต้องการให้รบ ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียกำลังพล ทหารเราเป็นลูกชาวบ้านทุกชีวิตมีคุณค่า ซึ่งต่างจากกองทัพกัมพูชา ซึ่งไม่ได้สนใจกำลังพลของตัวเอง

เป้าหมายหลักที่ทำให้ฝ่ายกัมพูชารุกคืบมาตลอด คือ ความต้องการให้มีการขยับแนวช่องบกเข้ามา เพื่อทำให้เป็นจุดปักปันเขตแดนใหม่ ซึ่งจุดปักปันเขตแดนนี้ เราวิเคราะห์ว่า หากขยายไป ก็จะทำให้เพิ่มแนวคลุมถึงด้านเกาะกูด เกาะกง จ.ตราด ...คำถามสำคัญคือ ตรงนี้ มีอะไร ที่ทำให้กัมพูชาอยากได้ และรัฐบาลไทยทำไมถึงเงียบ

ปัจจุบันไทย-กัมพูชา มีสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส หรือสนธิสัญญาปักปันเขตแดน หลัก ๆ สองสนธิ คือ ฉบับปี 1904 และ 1907 ซึ่งกำหนดเส้นเขตแดนตามแนวสันปันน้ำและเส้นตรง นอกจากนี้ยังมีบันทึกความเข้าใจ (MOU 43) ในปี 2000 เพื่อร่วมกันสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

ฉบับแรก เป็นสนธิสัญญาที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศสยาม (ประเทศไทยในขณะนั้น) และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาในขณะนั้น เพื่อปักปันเขตแดนระหว่างทั้งสองประเทศ โดยหนึ่งในสาระสำคัญของสนธิสัญญาฉบับนี้ คือ ฝรั่งเศสยอมคืนดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราด‎และเกาะทั้งหลาย ภายใต้แหลมสิงห์ ลงไปจนถึงเกาะกูดให้กับไทย

“ประเด็นที่ต้องนำมาวิเคราะห์ คือ กัมพูชาต้องการให้เกิดการปักปันเขตแดนเร็วๆ ...ถามว่า ทำไมต้องเป็นที่ช่องบก และเกี่ยวพันมาทางทิศตะวันออก คือ เกาะกูด เกาะกง อย่างไร ต้องไปดูสนธิสัญญาที่ใช้กันอยู่กับฝั่งกัมพูชา คือ เราเสียทางฝั่งขวา แม่น้ำโขง ใช้สันปันน้ำ อีกฉบับหนึ่งหลักเขตที่ 1 ด้านช่องสะงำ จ.ศรีษะเกษใช้หลักเขตแดน และจ. ศรีษะเกษ-จ. ตราด มี 73หลัก”

แต่เอ็มโอยู 43 ที่ออกมา กัมพูชาต้องการให้มีการปักปันเขตแดน จึงมีความพยายามอย่างมาก ที่จะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้เกิดการปักปันเขตแดนใหม่ขึ้นมา โดยต้องเริ่มจากจุดที่ 1 เพื่อหาเรื่อง ให้เกิดเรื่องขึ้นมา  แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุ

“ช่องบก” พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี หรือ “สาม เหลี่ยมมรกต” (Emerald Triangle) รอยต่อระหว่างสามประเทศไทย- ลาว-และกัมพูชา มีขนาดประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร คาบเกี่ยวในสองจังหวัดของไทย คือ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ และปัจจุบันช่องบกยังคงเป็นพื้นที่พิพาท เนื่องจากยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน แต่ทั้งสองประเทศ ยังคงกำลังทางทหารอยู่เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันอธิปไตย

“สิ่งที่กัมพูชาต้องการ คือ การเปิดผลประโยชน์จุดแรก ด้านฝั่งตะวันออก ตรงช่องบก ด้วยการขยับแนวช่องบกออกไป และทางกัมพูชาได้ย้ายเข้ามาตั้งหมู่บ้าน จึงชี้ให้เห็นว่า กัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะรบ แต่ต้อง การเปิดเศรษฐกิจชายแดน ติดปัญหาที่ไม่สามารถผ่านขอบชาย แดนไทยเข้ามาได้ เนื่องจากเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าว

สำหรับพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชาด้านนี้ แม้จะมีจุดผ่อนปรนการค้าหลายจุด เช่น ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จุดผ่านแดนช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ และจุดผ่านแดนด้านปอยเปต ถือเป็นช่องทางการค้าที่สำคัญทั้งของ 2 ประเทศ ขณะที่รอบแนวชายแดนฝั่งกัมพูชาจะมีบ่อนการพนันอยู่ทุกจุด

“เหตุที่ต้องการขยับแนวช่องบก เพราะเขมรต้องการเปิดเขตเศรษฐกิจใหม่ ผลประโยชน์จะอยู่ที่การปักปันเขตแดน เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สมัยที่ไทย-กัมพูชา รบกันที่เขาพระวิหาร ไม่เกิน 3 วัน เหตุการณ์ก็จบ เพราะด้านนี้ไม่มีบ่อนการพนัน ...หากจะเอาเขมรให้อยู่ต้องตัดระบบเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ก็ต้องถามว่า นักการเมืองไทยเอาด้วยหรือไม่ บริษัทที่ค้าชายแดน ส่วนใหญ่เป็นของทุนธุรกิเกจเดิมของนักการเมืองไทยเกือบทั้งนั้น”

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า การรบจะเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาล กองทัพและประชาชน เป็นเนื้อเดียวกัน ... แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมืองด้วยกัน จึงทำให้เกิดความขัดแย้ง

พรรคการเมืองและนักการเมือง เขามองเรื่องผลประโยชน์ที่เกิดจากเส้นเขตแดนเป็นหลัก เพราะหากขยับแนวเส้นเขตแดนออก น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หากการปักปันเขตแดนใหม่ ทำแล้วเสร็จ จะมีการแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างไทย-กัมพูชา

ส่วนเรื่องที่กัมพูชาประกาศจะนำพื้นที่ 4 จุด ตั้งแต่ ช่องบก-ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควายขึ้นศาลโลก เป็นเรื่องของฝั่งเขมร เขาอยากประกาศก็ให้ประกาศไป เพราะศาลโลกไม่ได้มีอำนาจที่จะบีบบังคับไทยได้ 

แต่สำหรับในส่วนกองทัพและทหาร แม้แผ่นดินไทยจะเสียไปเพียงแค่เมตรเดียว แต่เรานับว่า ผลประโยชน์ของชาติที่สูญเสียไปก็จะนับเป็นตารางกิโลเมตรแล้ว ซึ่งคงยากที่จะยอมได้

อ่านข่าว 

“รทสช.” ทุนหาย-กำไรหด กลุ่มทุนพลังงานแจ้งเกิด “โอกาสใหม่”

รัฐบาลออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา