วันนี้ (7 มิ.ย.2568) เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือ ปฏิบัติการบินสนับสนุนโปรยสารขจัดคราบน้ำมัน ร่วมกับเรือและเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันดิบ สัญชาติสิงคโปร์ ที่จอดบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ใกล้กับเกาะสีชัง จ.ชลบุรี เพื่อขนถ่ายน้ำมันดิบ ลงสู่ท่อน้ำมันใต้ทะเล ของบริษัทไทยออยล์ เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลกว่า 8,000 ลิตร

ช่วงเย็นวันที่ 6 มิ.ย. นายธวัชชัย ศรีทอง ผวจ.ชลบุรี พร้อมด้วย พล.ร.ต.พิสิฐ รังสีภาณุรัตน์ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 และ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า และผู้บริหาร บริษัท ไทยออยล์ แถลงปิดศูนย์ปฏิบัติการเพื่อแก้ไขสถานการณ์ กรณีเหตุน้ำมันรั่วไหล หลังระดมกำลังเจ้าหน้าที่ นำบูม และสารเคมีจับคราบน้ำมัน จนสามารถควบคุมน้ำมันดิบรั่วไหลได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีคราบน้ำมันตกค้างหรือลอยไปกระทบกับการท่องเที่ยว ทั้งพัทยาและบางแสน

ส่วนสาเหตุ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า เกิดจากลมกระโชกแรงในทะเลเกิน 30 ไมล์ทะเล/ชั่วโมง ระหว่างฝั่งศรีราชากับเกาะสีชัง ทำให้เชือกที่ผูกหัวเรือขาด และท่อส่งน้ำมันที่เชื่อมต่อระหว่างทุ่นกับเรือแยกออกจากกัน แม้ว่า วาล์วฉุกเฉินจะตัดการทำงานทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีน้ำมันที่ค้างอยู่ในท่อรั่วไหลลงสู่ทะเล โดยทางบริษัทจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย และดำเนินการฟื้นฟูผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2566 ก็เคยเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขณะขนถ่ายน้ำมันดิบ บริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี คาดว่า มีน้ำมันรั่วไหลประมาณ 50-70 ลูกบาศก์เมตร โดยบริษัทฯ ได้ขออนุญาต ใช้สารเคมีจับคราบน้ำมันชนิด Super Dispersant 25 จำนวน 6,000 ลิตร

อ่านข่าวอื่น :
พบทหารกัมพูชาระดมพล ขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์ ชายแดนสระแก้ว
"อันวาร์" สายตรงไทย-กัมพูชา ขอลดตึงเครียดชายแดนเจรจาสันติวิธี