วันที่ (10 มิ.ย.2568) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ประธานคณะกรรมการการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม หรือ บอร์ดแพทย์ประกันสังคม เปิดเผยถึง ผลการประชุมบอร์ดแพทย์ประกันสังคม ชุดที่ 17 ครั้งที่ 2/2568 วันนี้ หลังมีการพิจารณาการให้บริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมในระบบประกันสังคม
โดยผลการประชุมเบื้องต้น มีความเห็นให้ปรับสิทธิทางทันตกรรม ในวงเงิน 900 บาท จากเดิมที่กำหนดให้สามารถอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันขุดได้ ให้ปรับเป็นแยกการผ่าฟันคุดออกมาเป็นอีก 1 สิทธิ เนื่องจากเล็งเห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการผ่าฟันคุดสูง โดยจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาเรื่องราคา ที่อาจจะอิงตามกรมบัญชีกลางอีกครั้ง ในการประชุมนัดหน้า วันที่ 14 ก.ค.2568 ก่อนเสนอเข้าคณะกรรมการประกันสังคมเห็นชอบ
เราก็เห็นชัดเจนว่า ผ่าฟันคุด ค่าใช้จ่ายมากว่าถอนฟัน ขูดหินปูนทั่วไป ก็น่าจะมีรายการให้ต่างหาก
นอกจากนี้ เตรียมทำราคามาตรฐานการรักษาทันตกรรม โดยจะกำกับดูแลให้สถานพยาบาลคู่สัญญาไม่เรียกเก็บเกินราคา โดยจะทำงานร่วมกับทันตแพทยสภา และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมถึง สปสช.
ส่วนการปรับเพิ่มค่ารักษาทันตกรรมจาก 900 บาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
"ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐ 900 บาทได้ แต่ไปเอกชนไม่ได้ ก็เลยอยากดูว่า ทำไมภาครัฐทำได้ ทำไมเอกชนทำไม่ได้ แล้วราคามันควรอยู่ตรงไหน จำได้ไหม จาก 600 บาท ขึ้นเป็น 900 บาท คลินิกก็ขึ้น 900 บาทหมดเลย ถ้าขึ้นไปเป็นพัน เดี๋ยวคลินิกก็ขึ้นอีก คนเดือดร้อนก็คือ ชาวบ้าน เพราะฉะนั้น ราคาที่จะใช้กำกับดูแลก็เป็นเรื่องที่กรรมการให้ความสำคัญ" นพ.สุรเดช กล่าว
ส่วนการทบเงินรักษาทันตกรรมที่ไม่ได้ใช้ ไปในปีถัดไป ก็เป็นอีกข้อเสนอที่กำลังพิจารณา แต่จำเป็นที่จะต้องประเมินเงินกองทุนประกันสังคมด้วยว่ารองรับได้หรือไม่
ขณะที่วันนี้ มูลนิธิทำทาง (Tamtang Foundation) พร้อมด้วยองค์กรเครือข่าย 4 คน รวมตัวกันเดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อคณะกรรมการการแพทย์ กองทุนประกันสังคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เลขาธิการ สปส. , สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ และผู้แทนฝั่งผู้ประกันตนในคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) เพื่อหารือแนวทางการบังคับใช้ประกาศ เรื่องบริการยุติการตั้งครรภ์ของผู้ประกันตน
น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานประกันสังคมมีประกาศเรื่องแนวทางการให้การดูแลผู้ประกันตนที่มีความจำเป็นต้องได้รับการยุติการตั้งครรภ์ เลขที่ รง 0626/ว2225 ออกมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา เนื่องจากครบกำหนด 3 เดือนหลังเผยแพร่คำสั่ง แต่การบังคับใช้ยังไม่คืบหน้า ส่งผลให้มีผู้ประกันตนไทย-ต่างชาติถูกปฏิเสธบริการทำแท้ง หรือต้องควักค่าใช้จ่ายเอง สำนักงานประกันสังคมจึงควรมีการสื่อสารกับทางโรงพยาบาลที่อยู่ในระบบประกันสังคม ควรจะมีแพทย์ที่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ หรือหากไม่มีก็จะต้องยื่นใบส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่สามารถทำได้ ประกาศที่ออกมานั้นดีอยู่แล้ว แต่อยากให้ออกบังคับใช้ประกาศหรือร่างกฎหมายที่มีความเข้มข้นมากขึ้น
ด้าน น.ส.ชนฐิตา ไกรศรีกุล ผู้จัดการกลุ่มทำทาง กล่าวว่า เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง จึงขอเสนอแนวทางพูดคุยหารือกับคณะกรรมการการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม ในวันที่ 17 มิ.ย.2568 ตนชื่นชมว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่สำนักงานประกันสังคมมองเห็นการยุติการตั้งครรภ์เป็นส่วนหนึ่งของบริการทางการแพทย์ เป็นสิทธิรักษาที่ผู้ประกันตนควรได้รับ แต่เราจะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง ๆ การพูดคุยหารือร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำกันต่อไป
ด้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ประธานกรรมการการแพทย์ กล่าวให้คำมั่นว่า จะขอตอบสนองประเด็นสำคัญสองประเด็นในวันนี้ ส่วนเรื่องขอเสนอแนวทางพูดคุยหารือในรายละเอียดนั้น จะมีการกำหนดวันที่ชัดเจนกันอีกครั้ง
"ในประเด็นแรก เราให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยหรือแรงงานต่างชาติที่อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคมเดียวกัน จะต้องได้รับสิทธิโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
ส่วนประเด็นที่สองในส่วนของแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการการแพทย์ชุดปัจจุบัน เรามุ่งเน้นไม่เพียงแค่การออกประกาศให้สิทธิ แต่จะต้องทำให้แน่ใจว่า ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงสิทธินั้นได้จริงอย่างสะดวกและเป็นธรรม ส่วนรายละเอียดก็จะมีการพูดคุยหารือกันต่อไป และขอเน้นย้ำไปยังผู้ให้บริการด้านการแพทย์ว่า หากสถานพยาบาลแห่งใดไม่สามารถให้บริการสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ตามสิทธิประกันสังคมได้ ก็มีหน้าที่ในการส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการที่สามารถดำเนินการได้ โดยผู้ประกันตนไม่ควรต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด"
อ่านข่าว :
ป่วยโควิดเพิ่ม 14,716 คน เสียชีวิต 9 คน มากสุด "กทม.-ชลบุรี"
คุ้มครองครบ! ครม.เห็นชอบขยายสิทธิ ม.40 เจ็บ-ป่วย-พิการ-ลูกเล็ก