วันนี้ (19 มิ.ย.2568) ท่ามกลางความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นในตะวันออกกลางเป็นวันที่ 7 สหรัฐอเมริกากำลังชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบว่าจะเข้าร่วมการโจมตีทางทหารของอิสราเอลต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหรือไม่ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสกัดกั้นศักยภาพด้านนิวเคลียร์แต่ต้องหลีกเลี่ยงการทำสงครามเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกัน รัสเซียได้วางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย เสนอแนวทางแก้ไขที่ซับซ้อน เพื่อรักษาผลประโยชน์และสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์ของตนเอง ท่ามกลางความกังวลระดับโลกต่อผลกระทบที่อาจขยายวง
สหรัฐฯ ลังเล "ยุติ" นิวเคลียร์อิหร่าน
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะเข้าร่วมการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลหรือไม่ โดยเฉพาะการพิจารณาใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ขนาดใหญ่ (Massive Ordnance Air Blast bomb หรือ MOAB) เพื่อพุ่งเป้าไปที่โรงงานนิวเคลียร์ที่อยู่ใต้ดินลึก เช่น ฟอร์โดว์ แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า สำหรับทรัมป์แล้ว การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
แม้ทรัมป์จะเปิดรับข้อโต้แย้งจากบุคคลสำคัญอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอล ที่ว่ามีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้นที่สามารถยุติความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านได้อย่างเด็ดขาด แต่เขาก็ยังคงระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสาบานว่าจะหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
ทรัมป์เชื่อว่าการโจมตีที่เด็ดขาดของสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเข้าแทรกแซงสงครามในต่างประเทศอย่างสมบูรณ์ ดังที่เดวิด ฟรีดแมน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลในสมัยแรกของทรัมป์ ได้กล่าวไว้ว่า "อเมริกาอาจจะแค่ทิ้งระเบิด MOAB ไม่กี่ลูกที่ฟอร์โดว์ ทำลายสินทรัพย์นิวเคลียร์สุดท้าย แล้วก็จากไป"
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พันธมิตรบางประเทศของสหรัฐฯ ได้รับแจ้งว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังรอดูผลสำเร็จของการปฏิบัติการของอิสราเอลต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสัปดาห์แรก ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะนำกำลังทหารของสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วยหรือไม่ 1 วันก่อนถึงเส้นตายดังกล่าว ทรัมป์กล่าวว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะดำเนินการอย่างไร และในการสนทนากับพันธมิตรเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เจ้าหน้าที่รัฐบาลก็ไม่ได้เอนเอียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน ทรัมป์กล่าวในห้องทำงานรูปไข่ว่า
ผมชอบตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสงคราม สิ่งต่าง ๆ ในสงครามเปลี่ยนแปลงได้ มันสามารถเปลี่ยนจากสุดขั้วหนึ่งไปอีกสุดขั้วหนึ่งได้
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติระดับสูงของทรัมป์ได้พยายามอย่างตั้งใจที่จะประสานงานกันในการนำเสนอทางเลือกให้กับประธานาธิบดี รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซท ได้กล่าวกับคณะกรรมการวุฒิสภาว่า "งานของผม งานของเรา ในฐานะประธานและผม คือต้องแน่ใจว่าเรา ประธานาธิบดี มีทางเลือกและได้รับแจ้งถึงทางเลือกเหล่านั้นและผลที่ตามมาของทางเลือกเหล่านั้น"

ผู้อำนวยการ CIA ของทรัมป์ จอห์น แรตคลิฟฟ์ และผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ พล.อ. ไมเคิล คูริลลา เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทรัมป์พึ่งพาคำแนะนำ พล.อ. คูริลลา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน ได้ผลักดันมานานหลายเดือนให้มีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารสหรัฐฯ ไปยังตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่อาจขยายวง
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรของสหรัฐฯ ยังคงคัดค้านการเข้าแทรกแซงทางทหาร โดยให้เหตุผลถึงความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของน้ำมันทั่วโลก และอิหร่านอาจเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หลังการโจมตีของสหรัฐฯ วุฒิสมาชิก จิม ริช ประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภา ได้พบกับทรัมป์และกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่สงครามของเรา นี่คือสงครามของอิหร่าน" ขณะที่วุฒิสมาชิกจอช ฮอว์ลีย์ กล่าวว่าเขา "จะไม่สบายใจ" หากสหรัฐฯ ดำเนินการโจมตีอิหร่าน
ทรัมป์เองก็ยังคงย้ำคำมั่นที่จะหลีกเลี่ยง "สงครามระยะยาว" และกล่าวว่า "ผมต้องการสิ่งเดียว คือ อิหร่านต้องไม่มีอาวุธนิวเคลียร์"
อิหร่านยันตอบโต้กลับบนหลักการ "ป้องกันตนเอง"
อิหร่านได้ประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้หากกองกำลังสหรัฐฯ เข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตี มาจิด ทัคต์-ราวานชี รมช.ต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าหากชาวอเมริกันตัดสินใจเข้ามาเกี่ยวข้องทางทหาร เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตอบโต้ในทุกที่ที่เราพบเป้าหมายที่จำเป็นต้องดำเนินการ เขาเน้นย้ำว่าอิหร่านกำลังดำเนินการเพื่อ "ป้องกันตนเอง"
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ก็ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้ยอมจำนนต่อการโจมตีของอิสราเอล และเตือนว่าการเข้าแทรกแซงทางทหารใด ๆ ของสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ต่อพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญด้านอิหร่านบางคนอย่าง ทริตา ปาร์ซี จาก Quincy Institute เตือนว่าการโจมตีของสหรัฐฯ จะนำไปสู่การโจมตีเต็มรูปแบบโดยอิหร่านต่อฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาค และสงครามเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน

รัสเซียเสนอตัว "คนกลาง" เกมชิงอำนาจอิหร่าน-อิสราเอล
ในการตอบสนองต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน รัสเซียได้วางท่าทีอย่างระมัดระวังและซับซ้อน มอสโกได้ประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านว่าเป็นการยั่วยุและไม่อาจยอมรับได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเป็นการ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจและเตือนถึงความเสี่ยงที่สงครามอาจนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคที่กว้างขึ้น
ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้เสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในการยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยเสนอว่ามอสโกสามารถช่วยเจรจาข้อตกลงที่อนุญาตให้อิหร่านดำเนินโครงการปรมาณูอย่างสันติ ขณะเดียวกันก็บรรเทาความกังวลด้านความมั่นคงของอิสราเอลได้ ปูตินได้พูดคุยกับ ปธน.มาซูด เปเซชคียน ของอิหร่าน, นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เพื่อเสนอการเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่านจะแน่นแฟ้นขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่เตหะรานให้การสนับสนุนโดรนและขีปนาวุธแก่รัสเซียในสงครามยูเครน รวมถึงข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ลงนามเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
แต่รัสเซียก็ระมัดระวังที่จะไม่ถูกบีบให้ต้องสนับสนุนอิหร่านอย่างเต็มที่ ความสงสัยและการแข่งขันที่เคยมีมาในอดีตระหว่างรัสเซีย-อิหร่านยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในซีเรียที่รัสเซียต้องการป้องกันไม่ให้ดามัสกัสตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอิหร่านอย่างสมบูรณ์
สิ่งสำคัญคือ รัสเซียก็ไม่ต้องการเห็นอิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เช่นเดียวกับอิสราเอลและสหรัฐฯ นี่คือเหตุผลที่มอสโกเป็นฝ่ายสำคัญในการเจรจาทางการทูตที่นำไปสู่แผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ (JCPOA) ในปี 2558 ปูตินยังระบุว่ารัสเซียมีพนักงานกว่า 200 คนทำงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่บุชเชห์ร และได้ตกลงกับผู้นำอิสราเอลว่าจะรับรองความปลอดภัยของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ปูตินปฏิเสธที่จะตอบว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างไรหากอิสราเอลสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่าน

โอกาสรัสเซียงัดข้อตะวันตกและหนุนราคาน้ำมัน
มอสโกมองเห็นโอกาสมากมายจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง รัสเซียยินดีที่ความขัดแย้งนี้เข้ามาครอบงำสื่อทั่วโลก ซึ่งช่วยเบี่ยงเบนความสนใจทางการเมืองและสาธารณะในสหรัฐฯ และยุโรปไปจากสงครามในยูเครน นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นและความไม่แน่นอนในตลาดหลังการโจมตีของอิสราเอล ยังเป็นประโยชน์ต่อมอสโกอย่างมาก เนื่องจากรายได้จากพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังทำสงครามของรัสเซีย
รัสเซียยังคงพยายามเสริมสร้างความเกี่ยวข้องในระดับโลก โดยมองบทบาทของตนเองในฐานะผู้มีอำนาจในการไกล่เกลี่ยในตะวันออกกลาง อาศัยความเชี่ยวชาญทางการทูตและอิทธิพลกับทุกฝ่าย แม้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิสราเอลจะเย็นชาลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายก็ระมัดระวังที่จะไม่ตัดขาดความสัมพันธ์และรักษาสายสัมพันธ์ไว้ รัสเซียยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจกับรัฐสำคัญอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งหมดต่างมีความสงสัยอย่างลึกซึ้งต่ออิหร่าน เช่น
- ซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรสำคัญในการจัดการตลาดน้ำมันโลก
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หุ้นส่วนทางการค้าที่สำคัญขึ้นในโลกที่ซับซ้อนด้วยมาตรการคว่ำบาตร)
ที่มา : CNN, AP, The Interpreter
อ่านข่าวอื่น :
กต.ส่งหนังสือ "ประท้วงกัมพูชา" ปมคลิปเสียงนายกฯ
นายกฯ ขอโทษปมคลิปเสียง ลั่นไม่มีเวลาทะเลาะเอง พร้อมสนับสนุนกองทัพป้องอธิปไตย