วันนี้ (24 มิ.ย.2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ (8,939 รายการ) ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
แต่ได้ผลในระยะยาว นอกจากจะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงผ่านการสร้างงานแล้ว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยในในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังผันผวนด้วย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 34 โครงการ (7,986 รายการ) วงเงินรวม 85,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 8 โครงการ (2,881 รายการ) วงเงิน 39,136 ล้านบาท
คาดว่าจะสามารถป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน สร้างพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับฤดูแล้ง และป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พื้นที่ได้รับการป้องกันน้ำท่วมหรือการชะล้างพังทลายของดิน 191,167 ไร่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
และสามารถกระจายน้ำไปยังชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ผลิตน้ำเพื่อสนับสนุนภาคเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศ พัฒนาและปรับปรุงระบบน้ำประปา ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 192.22 ล้านลูกบาศก์เมตร ในภาพรวมมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 4,791,974 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์ 906,803 ครัวเรือน และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 73,807 คนต่อเดือน
โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 26 โครงการ (5,105 รายการ) วงเงิน 45,864 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถพัฒนาถนนในภาพรวมได้ 417 กิโลเมตร ซ่อมบำรุง ปรับปรุง และยกระดับเส้นทางได้ 1,689 แห่ง อำนวยความปลอดภัยได้ 3,604 แห่ง และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 2.85 แสนคน

2.ด้านการท่องเที่ยว ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 420 โครงการ (922 รายการ) วงเงินรวม 10,053 ล้านบาท เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง คาดว่าจะสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 2,766,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 55,059 ล้านบาท และมีประชาชนได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวประมาณ 7.6 ล้านคน
3.ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 10 โครงการ (วงเงินรวม 11,122 ล้านบาท เช่น ด้านการเกษตร ผ่านการพิจารณา 4 โครงการ วงเงิน 160 ล้านบาท ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 6,000 บาทต่อไร่ต่อปี ช่วยให้สถาบันเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 320,000 บาทต่อปี

4.ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ ข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 17 โครงการ (21 รายการ) จำนวน 9,201 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) วงเงิน 4,000 ล้านบาท (2) ทุนมนุษย์ด้านการศึกษา วงเงิน 3,641 ล้านบาท และ (3) พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 1,560 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี การอนุมัติข้อเสนอโครงการฯ เป็นการอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเท่านั้น ในขั้นตอนการขอรับการจัดสรรและการเบิกจ่ายงบประมาณ จะต้องมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นายพิชัย กล่าวว่า ผลที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เงินที่ลงทุนสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 7.4 ล้านคน วงเงินการจ้างงาน 34,008 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 30 % ของวงเงินรวมที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4 %
อ่านข่าว:
หอการค้าไทยฯ ชงรัฐ ยกระดับกุ้งไทย หวังฟื้นอุตสาหกรรมกุ้ง
ปิดช่องแคบฮอร์มุซ สนค.หวั่น ราคาพลังงานพุ่งสูง กระทบต้นทุนผู้ส่งออก
จับตา “การเมือง” ร้อนแรงกระทบงบปี69 ทิสโก้ฯ ชี้ฉุดจีดีพีวูบ 1%