วันนี้ (26 มิ.ย.2568) น.ส.มอนต์เซ เฟอร์เรอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่า ทีมนักวิจัย เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2566 ถึงต้นปี 2568 พบศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา ถึง 54 แห่ง และแหล่งต้องสงสัยอีก 40 กว่าแห่ง

นักวิจัยเข้าไปเก็บข้อมูลในศูนย์สแกมเมอร์ 52 แห่ง สัมภาษณ์ผู้ถูกหลอกไปทำงาน 58 คน และ ผู้เสียหาย 365 คน พบว่า ถูกซ้อมทรมานด้วยวิธีการช็อตไฟฟ้า และกระบองโลหะทุบตี หากพยายามหลบหนี หรือ ไม่ยอมทำงานให้
หนึ่งในนั้น เป็นหญิงชาวจีน ถูกหลอกไปทำงานนาน 2 ปี จากโฆษณาชวนเชื่อทางโซเชียลมีเดีย ว่าได้ทำงานต่างประเทศ มีรายได้ 100,000-150,000 ดอลลาร์สหรัฐ
บางคนถูกขายต่อระหว่างศูนย์สแกมเมอร์ และบังคับทำงานใช้หนี้การค้ามนุษย์กว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
แอมเนสตี้ เปิดเผยอีกว่า เคยประสานข้อมูลกับตำรวจกัมพูชาให้ช่วยเหลือ แต่ตำรวจช่วยเหลือบุคคลที่เจาะจงชื่อเท่านั้น ไม่เกิดปฏิบัติการทลายแก๊งอาชญากรรม ไม่เข้าไปยุ่งในตัวอาคาร จึงตั้งข้อสังเกตถึงการรู้เห็นถึงการมีอยู่ของศูนย์สแกมเมอร์ด้วยหรือไม่

ส่วนข้อมูลของมูลนิธิอิมมานูเอล องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ในไทย ระบุว่า มีคนไทยตกเป็นเหยื่อ ตกค้างในศูนย์สแกมเมอร์ 6 เมือง คือเมืองปอยเปต , เมืองกัมปอด , บาเวต เมืองสะวายเรียง , สีหนุวิลล์ จังหวัดพระสีหนุ , โอร์เสม็ด และ กันดาล ติดเวียดนาม กว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นจำนวน 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนไทยที่ตั้งใจไปกระทำผิดจริง
นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิอิมมานูเอลเชื่อว่า มาตรการปิดด่านของไทย ส่งผลต่อแก๊งอาชญากรข้ามชาติสแกมเมอร์ เพราะกลุ่มนี้ต้องการกำลังคน
แนะนำรัฐบาลไทยควรยกระดับ ใช้กลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM ช่วยเหลือ และคัดกรอง ตัดวงจรนายหน้าคนไทย ทำลายทั้งระบบด้วย

จเรตำรวจ ชี้กัมพูชาไม่ร่วมมือปราบคอลเซนเตอร์
ด้าน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า หลังปิดด่าน และตัดระบบโทรคมนาคม ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา พบแนวโน้มการหลอกลวงทางไซเบอร์ หรือคอลเซนเตอร์ลดลงส่วนการปราบปรามเครือข่ายคอลเซนเตอร์ ที่ผ่านมา กัมพูชาไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
จเรตำรวจแห่งชาติระบุว่า มาตรการต่อไปจะใช้ความร่วมมือองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากกัมพูชาและไทย เป็นสมาชิก UNODC และ อินเตอร์โพล จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และข้อบังคับที่กำหนด
ซึ่งจากข้อมูลของหน่วยงานระหว่างประเทศ ชี้ว่ากัมพูชา เป็นฐานปฏิบัติการคอลเซนเตอร์ ที่ใหญ่อันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ ไทยยังเตรียมดำเนินการทางคดีกับเจ้าของตึก 25 ชั้นและ 18 ชั้น ที่ปอยเปต ที่ถูกระบุเป็นที่ตั้งของขบวนการคอลเซนเตอร์
ส่วนการขยายผลไปตรวจสอบกลุ่มทุน โดยเฉพาะกลุ่มฮุยวัน กรุ๊ป ตำรวจ มีหลักฐานแต่ยังไม่เพียงพอต่อการดำเนินคดี
อ่านข่าว :
"มาริษ" หวังกัมพูชาเจรจายุติขัดแย้งไม่ไปศาลโลก ขอเคารพ MOU 43
"ภูมิธรรม" เมิน "ฮุน เซน" รับตำแหน่งเสนาธิการทหารสูงสุดกัมพูชา
นายกฯ แถลงยกระดับปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ขีดเส้นเห็นผลใน 3 เดือน