นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพบปะประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้ (7 กรกฎาคม 2568) ซึ่งเป็นการเยือนทำเนียบขาวครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งสมัยที่ 2 การหารือครั้งนี้มุ่งเน้นผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในกาซาเป็นเวลา 60 วัน และปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังคงถูกจับโดยกลุ่มฮามาส ขณะที่รายงานระบุว่าฮามาสสูญเสียการควบคุมกาซาไปแล้วร้อยละ 80 จากการโจมตีของอิสราเอล
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2568 ก่อนออกเดินทางจากสนามบินเบนกูเรียนในเทลอาวีฟ นายกฯ เนทันยาฮู ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขาเชื่อมั่นว่าการหารือกับ ปธน.ทรัมป์ จะช่วยผลักดันการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันและบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการนำตัวประกันทั้งหมดกลับบ้านและขจัดภัยคุกคามจากกลุ่มฮามาส การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังอิสราเอลส่งคณะผู้แทนไปยังกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เพื่อเจรจากับฮามาส เพื่อสานต่อความพยายามหยุดยิงและนำตัวประกันกลับ
เนทันยาฮูระบุว่า คณะผู้แทนอิสราเอลได้รับคำสั่งชัดเจนให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงภายใต้เงื่อนไขที่อิสราเอลยอมรับได้ การเจรจาครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากท่าทีเชิงบวกของฮามาส ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ก.ค.) ระบุว่าพร้อมตอบรับข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ และยินดีเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงที่นำไปสู่การปฏิบัติ
ตามรายงาน ข้อตกลงหยุดยิงที่อยู่ระหว่างการเจรจาคาดว่าจะครอบคลุมการหยุดยิง 60 วัน โดยมีกำหนดการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 10 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ และคืนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย
หลังการปล่อยตัวประกันในวันแรก อิสราเอลจะถอนกำลังทหารออกจากบางส่วนของตอนเหนือของกาซา และทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มเจรจาเพื่อหาข้อตกลงหยุดยิงถาวร การปล่อยตัวประกันจะดำเนินการโดยไม่มีพิธีการใด ๆ และตัวประกันที่เหลือจะได้รับการปล่อยตัวภายใน 4 วันต่อมา นอกจากนี้ ข้อตกลงยังรวมถึงการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาทันที โดยมีสหประชาชาติและสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์เข้ามาดูแล
อย่างไรก็ตาม ฮามาสได้เรียกร้องให้แก้ไขข้อตกลงบางส่วน เช่น การถอนกองกำลังอิสราเอลทั้งหมดออกจากกาซา การรับประกันว่าไม่มีการสู้รบระหว่างการเจรจา และการกลับมาส่งความช่วยเหลือภายใต้การนำของสหประชาชาติ แต่สำนักนายกฯ อิสราเอลยืนยันว่า ข้อเรียกร้องเหล่านี้เป็นสิ่งที่อิสราเอลไม่สามารถยอมรับได้

ฮามาสสูญเสียการควบคุม 80%
รายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองกำลังความมั่นคงของฮามาสเผยว่า กลุ่มฮามาสสูญเสียการควบคุมพื้นที่ในกาซาไปประมาณร้อยละ 80 อันเป็นผลจากการโจมตีของอิสราเอลอย่างต่อเนื่องนานหลายเดือน ระบบการบังคับบัญชาและควบคุมของกลุ่มล่มสลาย โดยผู้นำระดับสูงของฮามาสเสียชีวิตไปถึงร้อยละ 95 ในช่วงหยุดยิง 57 วันเมื่อต้นปี 2568 ฮามาสพยายามปรับโครงสร้างทางการเมือง การทหาร และความมั่นคง แต่เมื่ออิสราเอลยุติการหยุดยิงในเดือนมีนาคมและมุ่งโจมตีโครงสร้างที่เหลือ กลุ่มฮามาสต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่
ภาวะสุญญากาศด้านความปลอดภัยในกาซานำไปสู่การเกิดกลุ่มอาชญากรและกลุ่มติดอาวุธที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในกาซาตอนใต้ กลุ่มติดอาวุธ 6 กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มท้องถิ่นที่มีอำนาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของฮามาส โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือ ยัสเซอร์ อาบู ชาบับ ซึ่งมีฐานอยู่ในเวสต์แบงก์ ฮามาสตั้งรางวัลสูงสำหรับผู้ที่สามารถกำจัดอาบู ชาบับได้
ปัจจุบัน คาดว่ายังมีตัวประกันชาวอิสราเอลราว 50 คนในกาซา โดยอย่างน้อย 20 คนน่าจะยังมีชีวิตอยู่ การสูญเสียการควบคุมของฮามาสทำให้สถานการณ์ในกาซายิ่งซับซ้อน โดยเฉพาะในแง่ของการเจรจาและการจัดการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เนทันยาฮูเผชิญแรงกดดันทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ภายในประเทศนั้น กลุ่มผู้ประท้วงและอดีตผู้นำด้านความมั่นคง รวมถึงครอบครัวของตัวประกัน เรียกร้องให้กลับมาเจรจาหยุดยิงเพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฝ่ายขวาจัดในรัฐบาลของเนทันยาฮู เช่น รัฐมนตรีคลัง เบซาเลล สโมทริช ต่อต้านการหยุดยิงถาวรและเรียกร้องให้ดำเนินการทางทหารต่อเพื่อกำจัดฮามาส
ในขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ ได้แสดงท่าทีชัดเจนในการผลักดันให้อิสราเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลง โดยเมื่อวันอาทิตย์ (6 ก.ค.) ทรัมป์โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียว่า "MAKE THE DEAL IN GAZA. GET THE HOSTAGES BACK!!!" และระบุว่าเชื่อว่าข้อตกลงหยุดยิงอาจเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการเจรจาเพื่อหยุดยิงถาวรหากฮามาสยอมรับเงื่อนไขในกรอบข้อตกลงของสหรัฐฯ

อ่านข่าวอื่น :
ตีก้นนักเรียน 60 ครั้ง! ผู้ปกครองสุดทน แจ้งความครูพละศรีราชา