วันนี้ (7 ก.ค.2568) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ สปสช. มีมติเห็นชอบให้ “บริการฮอร์โมนเพื่อการยืนยันเพศสภาพ” เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ "บัตรทอง 30 บาท" ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) และลดความเสี่ยงจากการใช้ฮอร์โมนอย่างผิดวิธี
บริการดังกล่าวสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลังจากที่ประชุมมีมติ โดยจะจัดหายาและกระจายไปยังหน่วยบริการทั่วประเทศผ่านโรงพยาบาลราชวิถีและองค์การเภสัชกรรม สำหรับยาฮอร์โมนที่จัดสรรในเบื้องต้นมีทั้งหมด 6 ชนิด ซึ่งบางรายการต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการจัดการ
ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่สามารถให้บริการล่วงหน้าได้ จะสามารถเบิกงบคืนภายหลังตามหลักเกณฑ์ที่กำลังจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในเรื่องความพร้อมของบุคลากร นายแพทย์จเด็จระบุว่า ได้มีการหารือกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ และจะมีการอบรมแพทย์เพิ่มเติมให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างน้อยให้แพทย์มีความรู้เพียงพอในการให้บริการ เบื้องต้นผู้รับบริการจะต้องเข้ารับการปรึกษากับหน่วยบริการก่อน เนื่องจากการใช้ยาฮอร์โมนต้องสอดคล้องกับเพศสภาพและมีการประเมินด้านสุขภาพประกอบ
ปัจจุบันมีข้อมูลว่ามีผู้ที่รับฮอร์โมนประมาณ 20,000 คน แต่คาดว่าความต้องการจริงอาจสูงถึงหลักแสนคน สปสช. จะทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและราชวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อพัฒนาระบบบริการอย่างทั่วถึงและปลอดภัย
อ่านข่าว : Pride Month 2025 เริ่มแล้ว ผลักดัน "ฮอร์โมน" สิทธิพื้นฐานระบบบัตรทอง
"คลินิกสุขภาพเพศ" บอกได้ ข้ามเพศให้ปลอดภัย ไม่ใช่แค่ฉีดฮอร์โมน
เตือน “ชาย-หญิงข้ามเพศ” อย่าเสี่ยงใช้ฮอร์โมนเอง แนะปรึกษาแพทย์เฉพาะด้าน