กระทั่งอ้างเพื่อใช้เวลาไปทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน แล้วค่อยกลับมาผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.เข้าสภาฯ อีกที หลังจากพรรคภูมิใจไทย ถอนตัวจากรัฐบาล
คงจำกันได้ ปลายสมัยประชุมสภาฯครั้งที่แล้ว นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค และทายาท “ครูใหญ่” ประกาศชัดกลางสภาฯ จะไม่มีวันรับร่างกฎหมายฉบับนี้
เมื่อสถานการณ์ส่อเค้าไปต่อยาก พรรคเพื่อไทยจึงชักแม่น้ำทั้ง 5 ถอยร่างกฎหมายนี้ออกไปก่อน แล้วอ้างจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมความผิดทางการเมือง เข้าไปเป็นวาระแรกๆ แทน เพราะทราบดีว่า มีทั้งฝ่ายการเมือง และประชาชนทั่วไป ทั้งที่เคยมีส่วนร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง และคนที่ไม่เคยมีส่วนร่วม แต่อยากเห็นประเทศลดความขัดแย้ง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ คอยลุ้นเอาใจช่วยร่างกฎหมายนี้อยู่ไม่น้อย
อ่านข่าว : "อดุลย์" ยื่นหนังสือนิรโทษกรรมถึง "ฝ่ายค้าน-รัฐบาล" ขอสภาฯ ผ่านร่างโดยเร็ว
ความจริง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เคยให้เหตุผลเดียวกันและสั่งเป็นการบ้านในเรื่องนี้มาแล้ว ในการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ให้ สส.พรรคทำหน้าที่ดังกล่าว หลังจากผู้นำด้านจิตวิญญาณของพรรคได้ฟันธงว่า เพราะรัฐบาลทำพีอาร์น้อย ทำให้คนไม่เข้าใจว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพลกซ์ จะมีกาสิโนอยู่เพียงแค่ 10 %
จากนั้นเพียง 1-2 สัปดาห์ต่อมา จะมีเสียงตอบกลับจาก สส.หลายคนว่า ได้ทำความเข้าใจและประชาชนได้เข้าใจเรื่องนี้แล้ว ราวกับว่าประชาชนทั่วไป ต่างกิน “หญ้าหวาน” แทนข้าว
และทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวว่า สส.และฝ่ายการเมืองในแทบทุกระดับ ต่าง “ฝันหวาน” เอามือลูบปากมาตลอด เพราะจะได้อานิสงส์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม หากกาสิโนได้เกิดขึ้นจริง
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความแฉปมเบื้องหลังขย่มรัฐบาลเรื่องนี้อีกรอบ เป็นคำตอบทั้งกรณีพรรคภูมิใจไทยและร่วมรัฐบาล ต่างไม่มีใครเห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ.ที่มีกาสิโนพ่วงอยู่ด้วยฉบับนี้ และทั้งคำตอบที่มาของการหายไปของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงเวลานี้
นายอนุทิน ระบุชัดทุกพรรคร่วมไม่มีพรรคไหนเห็นด้วยกับกาสิโน แต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะพรรคภูมิใจแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ยกเว้นพรรคประชาชาติที่ออกเป็นแถลงการณ์ชัดเจน
และที่ชัดกว่านั้น คือการอ้างถึงการประชุมระะดับผู้นำประเทศ ระหว่างผู้นำจีน ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง กับนายกฯของไทย น.ส.แพทองธาร มีอย่างน้อย 3 ครั้งที่ผู้นำจีน ขอให้ยกเลิกนโยบายนี้เสีย หาไม่แล้วจะมีมาตรการต่าง ๆ ต่อเรื่องนี้จากรัฐบาลจีน
แต่ท่าทีรัฐบาลไทยกลับเมินเฉย และไม่ให้ความสำคัญต่อความเห็นของผู้นำจีน
นายอนุทินทราบเรื่องนี้ดี เพราะอยูในวงการประชุมนั้นด้วย
แต่ใช่ว่า น.ส.แพทองธาร จะยอมรับเสียงวิพากษ์จากอดีตรองนายกฯ ร่วมรัฐบาล ที่คอยเดินตามตลอด แต่กลับย้อนว่า เป็นการใส่สีตีไข่ อ้างเป็นเพียงคำแนะนำจากผู้นำจีน ไม่มีพูดถึงมาตรการตอบโต้เรื่องนักท่องเที่ยวจากจีน มิหนำซ้ำ ตอกกลับด้วยว่า นักท่องเที่ยวจีนหายเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องของมหาดไทยโดยตรง
ทั้งยังซัดกลับว่า มหาดไทยไม่กล้าแม้แต่เรื่องตัดไฟฟ้า ต้องสั่งแล้วสั่งอีก และนักท่องเที่ยวจีนก็ไม่ได้หายถึง 90 % อย่างที่อ้าง แถมยังได้นักท่องเที่ยวจากยุโรปมาทดแทน
โต้กันไป สาวไส้กันมา เป็นที่เอือมระอาของคนไทยที่ได้เห็นวุฒิภาวะ และการแสดงออกด้วยอารมณ์ที่ไม่เข้าท่าไม่เหมาะสมกับสถานภาพที่เป็นอยู่ สะท้อนชัดว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร”
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ ยังโดน “อังเคิล-ฮุนเซน” คอยไล่ตีขนาบข้างไม่ยอมเลิก กรณีตำรวจไทยไล่กวาดล้าง “แก๊งมิจ” อาชญากรพนันออนไลน์ เครือข่าย “ก๊ก อาน” นักธุรกิจใหญ่ชาวกัมพูชาที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “ฮุน เซน” มาแต่ไหนแต่ไร
ท่ามกลางคำถาม ตำรวจไทยเพิ่งทราบว่ากลุ่มแก๊งอาชญากรข้ามชาติรายใหญ่ที่มีฐานปฏิบัติการและผู้นำเสวยสุขอยู่ในประเทศไทยหรือ
หรือที่ผ่านมามีอิทธิฤทธิ์ใดคอยปกป้องปกปิด จนทำให้สายตาพร่ามัวมองไม่เห็นเชียว หรือกระทั่งล่าสุด ผู้นำตัวจริงของกัมพูชา กล้าร้องท้าทายให้ไทยกล้าไต่สวนนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีความใกล้ชิดกับตน ถึงขนาดมีห้องนอนในบ้าน
เข้มข้นจนคอการเมืองต้องสูดปาก รอติดตามชมตอนต่อไปแบบไม่กระพริบตา
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : มติสภา 253 : 67 ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกจากวาระการประชุม
การเมืองในประเทศ-ภาษีทรัมป์ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.ต่ำสุดรอบ 28 เดือน