วันนี้ (15 ก.ค.2568) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน คดีบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยคดีนี้มีอัยการ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ และมีนายทักษิณ เป็นจำเลย ไต่สวนเป็นนัดที่ 4
พยานรวม 6 ปาก ช่วงเช้าไต่สวนไปแล้ว 4 ปาก ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง ประกอบด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ , นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้บัญชาการในช่วงเวลาที่นายทักษิณถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 โดยพยานปากที่ 1 และ 4 ใช้เวลาไต่สวน นานคนละประมาณ 1 ชั่วโมง ในขณะที่พยานปาก 2 และ 3 ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
ประเด็นการไต่สวนเน้นไปในเรื่องการส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี 2560 และกฎกระทรวงหรือไม่ และการบังคับโทษ รวมไปถึงการพิจารณาพักโทษที่มีกระบวนการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยให้เปรียบเทียบกับการปฏิบัติกับนักโทษรายอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปี และการให้ความเห็นชอบในการขยายเวลารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วง 30 วัน , 60 วัน , 120 วัน และ 180 วัน
ช่วงหนึ่งในการไต่สวน ศาลได้ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องในการอนุมัติขยายเวลาพักรักษาตัว มีการติดตามอาการหรือไม่และสามารถนำตัวกลับมารักษาต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้หรือไม่
อีกช่วงหนึ่งยังมีประเด็นการไต่สวนมีเรื่องกระบวนการส่งตัวไปรักษา ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยอาการว่ามีอาการป่วยเข้าขั้นวิกฤตรุนแรง ต้องได้รับการรักษาหรือถึงขั้นต้องผ่าตัด แต่เมื่อส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาภายนอกแล้ว ท้ายที่สุดผู้ป่วยปฏิเสธการผ่าตัด แต่ขอรักษาโดยการใช้ยาแทน
ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าการเบิกความของพยาน ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คนปัจจุบันและคนก่อนหน้า มีประเด็นที่ไม่ตรงกัน คือขั้นตอนการส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ ว่าจะต้องส่งตัวไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นอันดับแรกก่อน หรือสามารถส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก ที่เป็นโรงพยาบาลเครือข่ายได้เลย
อ่านข่าว :
"ทักษิณ" เชื่อ "แพทองธาร" รอดคดี ลั่นไม่ยอมให้ถึงทางตัน
"ทักษิณ" เข้าบ้านพิษณุโลก ร่วมถก "ทีมไทยแลนด์" รับมือภาษีทรัมป์