วันนี้ (17 ก.ค.2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยได้เตรียมแนวทาง การช่วยเหลือทางคดีกับผู้ที่กระทำผิดมาตรา 112 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ว่ามีวิธีในการสื่อสารที่จะให้เกิดความชัดเจนถึงคนที่ได้รับผลกระทบคดีทางการเมืองที่ทางพรรคเพื่อไทยสามารถมาสื่อสารได้ แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงให้สัมภาษณ์ว่ามีการเตรียมพร้อมไว้หลายอย่างแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้สังเกตเห็นจากการให้สัมภาษณ์ของประธานวิปรัฐบาล ว่าสาเหตุการโหวตของพรรคเพื่อไทย เป็นในทิศทางนี้ เนื่องจากเป็นมติของวิปพรรคร่วมรัฐบาล และเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาลหากโหวตไม่ตรงกัน อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
"ส่วนตัวคิดว่ามีวิธีในการโหวตในสภาหลายอย่าง แน่นอนที่สุดว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่ไม่สามารถบีบบังคับพรรคร่วมพรรคอื่นให้โหวตรับร่างกฎหมายได้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าพรรคเพื่อไทยมีการสื่อสารอย่างเข้มแข็งเพียงพอ และเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนหลายคนที่ถูกดำเนินคดีการเมืองมาก่อนอย่างเข้มแข็งเพียงพอ เจรจาในวิปได้หรือไม่ว่า ไม่จำเป็นต้องออกมาเป็นมติ พรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยสามารถโหวตงดออกเสียงให้กับร่างอื่น และเพิ่มโอกาสให้กับร่างของภาคประชาชน และร่างของพรรคประชาชนสามารถผ่าน ในวาระที่ 1 และเข้าสู่ในชั้นกรรมาธิการได้ครบทุกร่างมากกว่านี้ การอ้างว่าเป็นมติวิปพรรคร่วมรัฐบาลเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่" นายณัฐพงษ์กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวย้ำว่าพรรคเพื่อไทยต้องสื่อสารให้เกิดความชัดเจนว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยได้อ้างถึงว่ามีวิธีการสื่อสารไม่ได้คืออะไร ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ในสภาผู้แทนราษฎร ในชั้นกรรมาธิการ พรรคประชาชนพยายามใช้กลไกทุกวิถีทางในสภาเพื่อผลักดันให้กฎหมายนิรโทษกรรมมีการเปิดกว้างมากที่สุด
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลยแต่ออกมาพูดเสียก่อน นายณัฐพงษ์ เชื่อว่าเหตุผลหลังบ้านในการคว่ำร่างกฎหมายของภาคประชาชน และร่างของพรรคประชาชน ประเด็นหลักคือเรื่องการนิรโทษกรรมมาตรา 112 หรือไม่ เป็นสาเหตุสำคัญที่สังคมรู้ดี โดยการให้เหตุผลตามหลังโดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ โดยอ้างว่าเป็นมติของพรรคร่วมรัฐบาลย้ำว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีเสียงและน้ำหนักมากเพียงพอที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาล เข้าใจได้ ไม่ใช่อ้างว่าตัวเองเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำและต้องยอมพรรคร่วมรัฐบาลทุกเรื่อง
ส่วนเรื่องนี้จะโยงคดี 112 นายทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลนัดพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค.นี้มีนัยหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามที่ได้ยืนยันมาก่อนว่าการนิรโทษกรรม ไม่ควรพุ่งเป้าถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ควรครอบคลุมทุกกลุ่มและไม่ควรเลือกปฏิบัติ ถึงจะสามารถสร้างสันติสุขและเดินหน้ากระบวนการปรองดองได้อย่างแท้จริง
อ่านข่าว :
ไปต่อหรือพอก่อน? ม.112 ในกฎหมายนิรโทษกรรม
ศาลนัด 22 ส.ค.ตัดสิน "ทักษิณ" ม.112 แถลงปิดคดีใน 15 วัน
สภาโหวตรับ 3 ร่างนิรโทษกรรม "รทสช.-กธ.-ภท." ตีตกฉบับ ปชน.-ภาคประชาชน