ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ศบ.ทก.” ชี้กัมพูชาเริ่มรุนแรง ก่อนถล่มเป้าหมายพลเรือน

การเมือง
15:01
2,170
“ศบ.ทก.” ชี้กัมพูชาเริ่มรุนแรง ก่อนถล่มเป้าหมายพลเรือน
อ่านให้ฟัง
08:40อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศบ.ทก. ยืนยันกัมพูชา เปิดฉากยิงปะทะฐานหมูป่า ตาเมือนธม หลังไทยพยายามตะโกนเจรจาแต่ไม่เป็นผล จากนั้นขยายการโจมตี ไปที่บ้านเรือนประชาชน-โรงพยาบาล ทำคนไทยเสียชีวิต ชี้ อาวุธของฝ่ายทางกัมพูชา เป็นจรวดหลายลำกล้อง ควบคุมทิศทางไม่ได้ วิงวอนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง

วันนี้ (24 ก.ค.2568) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสรุปสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา

พล.ร.ต.สุรสันต์ ไล่เรียงสถานการณ์ตั้งแต่วานนี้ เวลา 16.55 น.กำลังพลของกองทัพบก เหยียบทุ่งระเบิดบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย 1 นาย บาดเจ็บสาหัสข้อเท้าขาวขาด อีก 4 นาย มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ จากแรงสั้นเทือนของระเบิด

ขณะที่วันนี้ ตั้งแต่เช้ามามีเหตุการณ์ ตั้งแต่เวลา 07.35 น.ทราบข่าวว่า ฝั่งกัมพูชาใช้โดรนบิน เพื่อตรวจการการวางกำลังพลของฝ่ายไทย บริเวณประสาทตาเมือน จากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังกัมพูชา โดยอาวุธเข้าประจำการที่บริเวณด้านหน้า แนวลวดหนาม พร้อมกำลังพล 6 นาย อาวุธครบมือ มี RPG อยู่ในมือ เคลื่อนมายังบริเวรแนวหน้า ฝ่ายไทยได้พยายามตะโกนเจรจา แต่ก็ไม่เป็นผล

จนกระทั่งเวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงบริเวณฐานหมูป่า ห่างจากประสาทตาเมือนประมาณ 200 เมตร ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ จากนั้นสถานการณ์ก็ขยายพื้นที่ ออกไปตามแนวชายแดนต่าง ๆ เกิดพื้นที่ปะทะอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร ภูมะเขือ ช่องอานม้า และช่องจอม ซึ่งปัจจุบันฝ่ายกัมพูชา ใช้อาวุธหนัก เช่น BM 21 ปืนใหญ่ขนาด 122 mm ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน และการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย

นอกจากนี้ยังโจมตีไปที่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และยังมีการโจมตีไปทางโรงพยาบาลของฝ่ายไทยด้วย ซึ่งเราได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน หนึ่งในจำนวนนั้น เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และเสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยมีการดำเนินการตามมาตรา 39 ของพระราชบัญญัติ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 กำหนดให้กองทัพไทย จัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารในแต่ละระดับขึ้นตั้งแต่ยามปกติ เพื่อให้ใช้ในการติดตามสถานการณ์ และเป็นศูนย์ควบคุมอำนวยการและสั่งการปฏิบัติงาน มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการใช้กำลังทางทหาร ในการปฏิบัติการทางทหารได้

ในส่วนของ ศบ.ทก. เราได้เน้นย้ำมาเสมอเรื่องการเปิดปิดด่าน ยืนยันว่าไม่เคยปิด ใช้มาตรการถึงระดับที่ 2 นั่นก็คือการจำกัดคน และเวลา แต่ปัจจุบันในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องยกระดับมาตรการ ควบคุมชายแดน ในจุดผ่านแดนต่าง ๆ ไประดับที่ 4 ปิดด่านทุกด่าน ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพี่น้องประชาชน ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงบ่ายวันนี้เวลา 14.00 น. มีการประชุมสภาความมั่นคง หรือ สมช. เพื่อกำหนดแนวทางต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การทำยุทธวิธีของกัมพูชา พุ่งเป้าไปที่ประชาชนจะมีมาตรการอย่างไร พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า อาจจะมีบางคนไม่อยากออกจากพื้นที่ จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนออกจากพื้นที่ เนื่องจากมีความเสี่ยง ไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้

ส่วนกระสุนการพุ่งเป้าโจมตีไปยังพลเรือน พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมข้อมูลและหลักฐาน ส่วนอาวุธของฝ่ายทางกัมพูชา ต้องยอมรับว่า ขีดความสามารถจรวดหลายลำกล้อง การควบคุมวิถีทิศทาง ควบคุมได้ยาก เพราะฉะนั้นการมาแต่ละครั้งจะมาเป็นชุด และผลกระทบหรือความเสียหาย จะเป็นไปตามบ้านเรือน

ส่วนจะมีถกมาตรการให้สถานการณ์คลี่คลาย พล.ร.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด การรายงานจะเป็นการรายงานอย่างเป็นทางการ สายผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะ ผอ.ศบ.ทก. เป็นห่วงว่า ศบ.ทก.มีเพียงหน้าที่สนับสนุนทหารในพื้นที่ เปลี่ยนบทบาท

ขณะที่มิติด้านการต่างประเทศ นางมาระแรกกล่าวว่า การดำเนินการด้านการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ขอรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2568 กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการ บรรยายสรุป แก่ขนาดทูตต่างประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ในเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศ จำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ มาเข้าร่วม

ซึ่งเราได้แสดงจุดยืนโดยระบุว่า ได้ประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง และประท้วงไปที่ประธานที่ประชุมรัฐภาคี อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งผู้แทนประเทศต่าง ๆ ได้รับทราบจุดยืนและเห็นพร้อมกับแนวทางของไทย และเมื่อวานนี้ ที่มีกำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นาย ประสบเหตุในพื้นที่ช่องอานม้า อีกครั้ง

กระทรวงการต่างประเทศ ขอประณามอย่างที่สุด ถึงการละเมิดอธิปไตย และการละเมิดสัญญาออตตาวา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป

สำหรับสถานการณ์การปะทะของกำลังทั้งสองฝ่าย ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ ว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะดำเนินการเพื่อปกป้อง ผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตย ของไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด พร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพไปพร้อมกองทัพไทย เพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป

อ่านข่าว : ลำดับเหตุการณ์นำมาสู่การปะทะระหว่าง "ไทย-กัมพูชา"

มทภ.1 สั่งปิด 5 ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งสระแก้ว

สธ.ย้ายผู้ป่วย 5 โรงพยาบาล หลังเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา