ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สภาฯ ยุคไร้ศักดิ์ศรี งานการเมืองมาก่อนประชาชน “ศรีธนญชัย” เกลื่อน

การเมือง
14:33
191
สภาฯ ยุคไร้ศักดิ์ศรี งานการเมืองมาก่อนประชาชน “ศรีธนญชัย” เกลื่อน
นับแต่เปิดสภาต้นเดือน ก.ค.2568 หลังพรรคภูมิใจไทยถอนยวงจากรัฐบาล สภาผู้แทนฯก็มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมตลอด

แม้ในทางทฤษฎี และคำยืนยันของแกนนำพรรคเพื่อไทย ย้ำว่าไม่มีปัญหาเสียงสนับสนุน แต่ในทางปฏิบัติกลับสวนทาง

ทุกครั้งที่ฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม จะมีปัญหา เนื่องจาก สส.รัฐบาลที่มีเสียงรวมกัน 262 คน แทบไม่เคยเข้าร่วมประชุมเกินครึ่งของ สส.ทั้งสภาที่มีอยู่ คือ ไม่เคยถึง 248 คนเลย

ข้ออ้างหนึ่ง เป็นเพราะติดประชุมกรรมาธิการ ทั้งที่เคยมีเสนอให้ประชุมคนละวันกับสภาใหญ่ และยังพยายามใช้วิธีกดออดเตะถ่วงเรียกเข้าห้องประชุม แต่ไม่ได้มรรคผล

ที่นิยมใช้ตอนนี้ คืออาศัยความเก๋า แต่ไม่ยอมรักษาภาพพจน์ความน่าเชื่อถือที่ประชาชนมีต่อสภา ประธานในที่ประชุม จะชิงปิดประชุมทันที เพื่อเลี่ยงคำว่า “สภาล่ม”

โดยไม่สนค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าอาหารที่เป็นสวัสดิการที่สภาต้องจัดเตรียมไว้ให้ มื้อละ 861 บาท ยังไม่นับเวลาที่ถูกท่านเผาเล่น

ล่าสุด ต้อนรับรองประธานสภาคนที่ 1 คนใหม่ แต่เป็น สส.รุ่นลายคราม วัย 65 ปี นายไชยา พรหมา ที่เคยกระเด็นจากรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ตามแนวทางเก้าอี้ดนตรีผลัดกันชม

กว่าจะเลือกได้ต้องลากดึงตั้งแต่เช้าไปถึงช่วงบ่าย มี สส.แสดงตนเกินครึ่งแค่ 2 คน แสดงวิสัยทัศน์เสร็จ อ้างระเบียบไร้คู่แข่ง ได้เป็นรองประธานสภาทันที

โดยมีรองคนที่ 2 ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง และเป็น สส.อาวุโสอีกคน นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด วัย 68 ปี มีส่วนร่วมในฐานะประธานการประชุม คนนี้ก็โชว์เก๋า ชิงปิดประชุมสถาในการทำหน้าที่วันแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว

กว่าจะได้รองประธานสภาคนที่ 1 มีการประท้วงจาก สส.ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ 2 พี่น้อง ตระกูลปริศนานันทกุล จากพรรคภูมืใจไทย จนคนพี่วอล์คเอ้าท์ ขณะที่ สส.พรรคประชาชน ไม่ขอเป็นองค์ประชุม

สส.ภูมิใจไทย ยังรวมตัวแถลงข่าว พาดพิงแสดงความผิดหวังไปถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กรณีรีบปิดประชุมสภาฯ หลังเลือกรองประธานจบ

เพราะเป็นการปิดโอกาส ไม่ให้ สส.ได้ทำหน้าที่อภิปราย สอบถามมาตรการดูแลเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่รอต่อคิวอยู่

ทำให้ต้องไปอีก 1 สัปดาห์ แม้ว่าปัญหาและความเดือดร้อนของคนนั้นรอไม่ได้

เท่ากับสะท้อนว่าเรื่องของนักการเมืองด้วยกันสำคัญกว่าประชาชน และยังเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ประธาน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา วัย 81 ปี จากพรรคประชาชาติ ถูกวิพากษ์การทำหน้าที่ประธาน เอนเอียงไปทางฝ่ายรัฐบาล

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการประชุมสภาหลายครั้งต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความไร้ประสิทธิภาพ ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี เพียงแค่ฝ่ายรัฐบาลต้องการยื้อเวลา เพื่อรอให้ผ่านคดีสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือคดี “นายใหญ่” นายทักษิณ ชินวัตร

รวมทั้งเพื่อผลักดันเรื่องหลักๆ และจำเป็นต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบปี 2569 ที่จะเข้าวาระ 2-3 วันที่ 13-15 ส.ค. หรือ การเร่งเดินหน้านโยบายเรือธงเพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า อาทิ ราบยาเสพติด หรือรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย

และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เพื่อจัดวางคนใหม่ รองรับในการเลือกตั้ง ดังที่ได้เห็นในหลายกระทรวง โดยเฉพาะมหาดไทย

การประชุมสภา จึงถูกสนใจแต่เป้าหมาย ไม่สนใจวิธีการ จะฉาวจะเน่าในอย่างไร แต่ต้องดันทุรังทำแข่งกับเวลา จึงเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนที่สุด ของสภาผู้แทนฯ ขณะนี้

ข้ออ้าง “สภาล่ม” กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เพราะนักการเมืองใหม่แบบ “ศรีธนญชัย” มีเดินกันให้พล่านไปหมด

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : รอง ผบก.ป. พบ “หมอบี” มีมูลความผิด ดึงเงินบริจาคใช้ผิดวัตถุประสงค์

เริ่มแล้วโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ จ้างงาน "ผู้ช่วยดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง"

กต.ย้ำ "ไทย-กัมพูชา" ยึดข้อตกลงหยุดยิงเคร่งครัด