ยูเครน-ยุโรป เตือน "ทรัมป์" รัสเซียไม่เคยพร้อม "ยุติสงคราม" จริง

วันนี้ (14 ส.ค.2568) ก่อนการประชุมครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่อะแลสกาในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน โดยที่ ปธน.ทรัมป์ ได้ตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ยุโรปและทำเนียบขาวว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเกี่ยวกับปูติน เนื่องจากรัสเซียไม่เพียงปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง แต่ยังเพิ่มการโจมตีในยูเครน

แม้ทำเนียบขาวจะมีความหวังว่าเป้าหมายระยะสั้นของปูตินอาจเปลี่ยนไป แต่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังคงกังขา โดยระบุว่าปูตินยังคงมีเป้าหมายยึดครองดินแดนสูงสุดและอาจใช้การหยุดยิงเพื่อปรับกำลังพล ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปูตินคิดว่าเขากำลังชนะ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอม

ทรัมป์ที่เคยคุยโวถึงความสัมพันธ์อันดีกับปูติน ได้เปลี่ยนท่าทีอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ บอกกับ CNN ว่า พันธมิตรยุโรปสังเกตว่าทรัมป์มีความเข้าใจมากขึ้นว่า "ปูตินเป็นผู้นำที่โหดเหี้ยม" และเคยแสดงความโกรธต่อปูตินเมื่อช่วงฤดูร้อน ที่ถึงขั้นสบถคำหยาบคายในการประชุมส่วนตัว

สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทรัมป์ ก็แสดงความไม่พอใจว่ารัสเซีย "กำลังหลอกล่อสหรัฐฯ" แต่คนรอบข้างทรัมป์ก็ยังเชื่อมั่นว่า ปธน.ทรัมป์จะสามารถประเมินท่าทีของ ปธน.ปูติน ได้ภายใน 2 นาทีแรกของการพบปะ และทรัมป์ก็ได้เตือนว่ารัสเซียจะเผชิญผลกระทบรุนแรงมาก หากปูตินไม่จริงจังกับการยุติสงคราม รวมถึงอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหรือภาษีที่รุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยให้เส้นตายเรื่องการหยุดยิงพร้อมขู่แซงก์ชัน "กองเรือเงา" ของรัสเซีย

อ่านข่าว : "ทรัมป์" ขู่ "ปูติน" เผชิญผลลัพธ์ร้ายแรง ถ้าไม่ยุติสงคราม

ยูเครน-ยุโรป เตือนทรัมป์อย่า "หลงกล" ปูติน

ยูเครนและยุโรปกังวลว่าทำเนียบขาวอาจถูกเครมลินบงการ และมอบชัยชนะให้ปูตินบนเวทีโลก โดยเฉพาะเมื่อไม่มี ปธน.เซเลนสกี เข้าร่วม เจ้าหน้าที่ยุโรปมองว่าข้อเสนอของรัสเซียที่ให้ยูเครนยอมจำนนดินแดนดอนบาสเพื่อแลกกับการหยุดยิง ไม่ใช่ข้อตกลงแต่เป็น "การยอมจำนน" ผู้นำยุโรปเรียกร้องให้ทรัมป์ไม่ทำข้อตกลงฝ่ายเดียว

อ่านข่าว : "เซเลนสกี" ลั่นไม่ยอมเสียภูมิภาค "ดอนบาส" ให้รัสเซีย แลกสันติภาพ

ปธน.เซเลนสกีและผู้นำยุโรปได้ประชุมกับทรัมป์และเห็นพ้อง "5 หลักการร่วมกัน" โดยเน้นย้ำว่าทุกสิ่งที่เกี่ยวกับยูเครนจะต้องหารือร่วมกับยูเครนเท่านั้น และ รัสเซียไม่มีสิทธิ์ยับยั้งโอกาสของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและ NATO เซเลนสกียังเรียกร้องให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหากไม่มีข้อตกลงหยุดยิง และเตือนว่าปูตินจะพยายามหลอกลวงทรัมป์ เพราะไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการหยุดยิงหรือยุติสงครามอย่างแท้จริง

แม้ว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแผนของปูตินได้ในบางครั้ง เช่น การตัดสินใจบุกยูเครนในปี 2565 แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขามีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตัดสินใจรายวันของปูตินค่อนข้างน้อย เนื่องจากเครมลินยังคงเป็น "เป้าหมายที่เข้าถึงได้ยาก" ที่ไม่สามารถจารกรรมข้อมูลแบบดั้งเดิมได้ มุมมองที่แพร่หลายในหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ คือ ปูตินยังคงมีเป้าหมายการยึดครองดินแดนยูเครนแบบสูงสุด เช่นเดิม

พวกเขาเตือนว่าปูตินน่าจะใช้การหยุดยิงเพื่อปรับกำลังทัพและอาจโจมตีกรุงเคียฟอีกครั้ง และยังคงต้องการไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม NATO และ ไม่ให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพจากต่างชาติเข้ามาในพื้นที่ ปูตินเชื่อว่าเขากำลัง "ชนะ" และไม่มีเหตุผลที่จะยอมอ่อนข้อ เขามองว่าควรกอบโกยชัยชนะและดินแดนที่ยึดได้ในปัจจุบัน ก่อนที่จะพยายามยึดเพิ่มเติมในอนาคต

อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซีย ไมเคิล แมคฟอลล์ กล่าวว่าปูตินในปัจจุบันมีแนวคิด อุดมการณ์มากกว่าการเป็นผู้นำที่เน้นการทำธุรกรรม และมีแรงจูงใจจากความคิดจักรวรรดินิยม ซึ่งทำให้ยากต่อการเจรจา ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า ความมุ่งมั่นของปูตินในการยึดยูเครนนั้นทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เขากลายเป็นคู่เจรจาที่ยากกว่าเดิม

ยูเครนคือเรื่องรอง สัมพันธ์สหรัฐฯ คือเป้าจริง

เป้าหมายที่แท้จริงของปูตินอาจไม่ใช่แค่สันติภาพในยูเครน แต่เป็นการพลิกฟื้นความสัมพันธ์กับวอชิงตัน และแยกความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหรัฐฯ ออกจากชะตากรรมของยูเครน ซึ่งจะนำไปสู่การแบ่งแยกพันธมิตรตะวันตก เครมลินยังมองหาโอกาสสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และอวกาศกับสหรัฐฯ รวมถึงข้อตกลงที่สร้างผลกำไรด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในอาร์กติก

การที่คิริลล์ ดมิทริเยฟ ทูตเศรษฐกิจระดับสูงของเครมลิน เป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนรัสเซียในการประชุมครั้งนี้ ก็บ่งชี้ถึงการเจรจาข้อตกลงทางเศรษฐกิจ และหากปูตินบรรลุเป้าหมายในการประชุมนี้ "คำถามเรื่องยูเครน" อาจถูกลดความสำคัญลง เหลือเป็นเพียงหนึ่งในหลายประเด็นที่ผู้นำมหาอำนาจทั้งสองหารือกัน

การประชุมที่อะแลสกาจึงไม่ใช่แค่การแสวงหาสันติภาพ แต่เป็นเวทีที่แต่ละฝ่ายต่างมีเป้าหมายและวาระซ่อนเร้นของตนเอง โดยมีชะตากรรมของยูเครนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของทรัมป์และความทะเยอทะยานที่มิได้เปลี่ยนแปลงของปูติน

อ่านข่าวอื่น :

"ทรัมป์" ประชุมออนไลน์ ยูเครน-ยุโรป ก่อนเจรจา "ปูติน" อะแลสกา

จำคุก "อดีตสตรีหมายเลข 1 เกาหลีใต้" คดีคอร์รัปชัน-แทรกแซงเลือกตั้ง