และแล้วนักรบลูกอีสานขนานแท้ “รองเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 ได้รับไม้ต่อจาก “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เป็นขุนศึกขึ้นมาคุมทัพภาคที่ 2 คนใหม่ วันที่ 1 ต.ค.2568
การเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ของ พล.ต.วีระยุทธ ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก แม้จะมีอาวุโสอันดับ 1 แต่เส้นทางการทำเติบโตของเขา ไม่ใช่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบเท่านั้น แต่ยังมีฝีมือการทำงานที่เฉียบคมจนเป็นที่ยอมรับของอดีตนายทหารรุ่นพี่หลายๆ
ในปี 2554 สมัยที่ยังเป็น “ผู้พันเติ่ง” พ.ท. วีระยุทธ เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบเฉพาะกิจที่ 161 หรือ “กองพันเฉพาะกิจพระวิหาร” มีพื้นที่หน้าแนวที่ต้องรับผิดชอบ ตั้งแต่ช่องอานม้า-ภูมะเขือ และพื้นที่พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อนถือเป็นภารกิจหนักหน่วงแต่ไม่เคยปริปากตามบุคลิก
อดีตแม่ทัพภาค 2 หลายคน ต่างการันตีว่า พล.ต.วีระยุทธ์ หรือ “รองเติ่ง” เป็นนายทหารที่ดี ไม่ต่างจาก “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน ดังนั้นชาวบ้านจะไม่ผิดหวังในเรื่องการทำงาน เพราะจะไม่มีเรื่องผลประโยชน์อื่นใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องนับเป็นคนฝีมือในการทำงานและเหมาะสมกับการรับไม้ภารกิจต่อจากพล.ท.บุญสิน เพราะทำงานควบคู่ด้วยกันมาตลอด

เติบโตในชีวิตราชการตามลำดับในพื้นที่อีสานใต้ ตั้งแต่เริ่มราชการจาก ร.ต.จนมาเป็นผู้หมวด เป็นผู้พันและผู้กอง กระทั่งก้าวเป็น พ.อ. วีระยุทธ ตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 (ผบ.ร.16) ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร เมื่อปี 2561 และผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.ขุนหาญ อ.ขุขันธ์ และ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ฝั่งตรงข้าม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชาจึงรู้จักคนและพื้นที่ตลอดแนวชายแดน
ปี 2564 พล.ต.วีระยุทธ ขยับเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ควบคุมพื้นที่ไทย-กัมพูชา ซึ่งถือเป็นตำแหน่งหลักฝ่ายยุทธการควบคุมกำลังรบที่สำคัญ ก่อนขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวได้ว่าดูแลและรู้จักพื้นที่ชายแดนอีสานใต้มาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นช่วงที่ลงไปเป็นผบ.ฉก.ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามประวัติ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ เป็นชาวอำเภอธวัชบุรี เกิดที่บ้านยางกู่ ต.มะอึ จ.ร้อยเอ็ด เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย รุ่นที่ 74 จบเตรียมทหาร รุ่น 26 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 37 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ และ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง

ช่วงที่เกิดการณ์การปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา หลังทหารเขมรเปิดฉากถล่มยิงปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาลและโรงเรียน ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค. 2568 นอกจาก พล.อ.พนา ผบ.ทบ.จะลงไปบัญชาการรบอยู่ในพื้นที่แล้ว ยังมีพล.ท.บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 ยังมี “รองเติ่ง” พล.ต. วีระยุทธ ร่วมวางแผนปฏิบัติการอยู่ในหน้าแนวด้วย
ไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิรบปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ภูมะเขือ ช่องอานม้า และช่องบก ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมพื้นที่การรบและการประสานการรบระหว่างแนวหน้า ศูนย์ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าและศูนย์ปฏิบัติการการหลัก
นอกจากนี้ยังได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของกองทัพภาคที่ 2 ในการเข้าประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ และการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค( RBC )ด้วยเช่นกัน

ช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา “รองเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ ยังเป็นผู้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) จำนวน 8 ประเทศ ลงพื้นที่ 4 จุด ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี , ผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ,โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ,ช่องจุ๊ปตะโมก จ.สุรินทร์ โดยคณะIOT ชุดนี้เป็นกลุ่มที่เห็นการเก็บกู้ระเบิดของทีมTMAC ในพื้นที่ว่า มีระเบิดสังหารบุคคลและระเบิดรถถังของฝั่งกัมพูชาที่แอบไว้วางไว้
อย่างไรก็ตาม นับจากวันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป “แม่ทัพเติ่ง” พล.ท.วีระยุทธ จะต้องเข้ามาคุมทัพภาคที่ 2 โดยเฉพาะเขตชายแดนอีสานใต้ที่ยังมีปัญหาความขัดแย้ง และยังเป็นสมรภูมิรบ ที่ยังไม่ได้ข้อยุติระหว่างไทย-กัม พูชา อีกครั้งหนึ่ง
อ่านข่าว
จับตาศึก ไทย-เขมร รับมือสมรภูมิรบรอบ 2 "ตาพระยา-พระวิหาร"
น้อยใจทุกครั้งที่ถูกถาม ทหารมีไว้ทำไม ? "ก้นบึ้ง" แม่ทัพภาคที่ 2
"ออกญา" ตำแหน่งมีราคา "บรรดาศักดิ์กลุ่มทุนธุรกิจ" ในกัมพูชา