ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับตาศึก ไทย-เขมร รับมือสมรภูมิรบรอบ 2 "ตาพระยา-พระวิหาร"

การเมือง
14:48
356
จับตาศึก ไทย-เขมร รับมือสมรภูมิรบรอบ 2 "ตาพระยา-พระวิหาร"

แนวรบตาพระยายังไม่ขยับ แม้เมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) สระแก้ว จะประกาศเปิดด่านคลองลึกเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้ชาวไทย-กัมพูชา เดินทางกลับภูมิลำเนาที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทุกวันพุธและวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 -16.00 น. ทำเอาคณะทัวร์ไทยพากันลงลานจอดที่กองทัพภาคที่ 1 กันฉ่ำ

ย้อนรอยเส้นทางทัวร์ นับแต่เกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเห็นได้ว่า “จุดหักพักรถ” ด้านจ.สระแก้ว จันทบุรี และตราด เป็นอีกสมรภูมิสำคัญที่ต้องจับตา หลังกองทัพไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ของไทย 11 จุดยุทธศาสตร์สำคัญในเขตอีสานใต้ 4 จังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และศรีษะเกษ พื้นที่อธิปไตยกลับคืนมาได้จากการเข้ามารุกล้ำดินแดนของฝั่งกัมพูชา

หลังทหารกองกำลังบูรพา ชุดฉก.อรัญประเทศนำรั้วลวดหนามไปล้อมแนวเขตอธิปไตยไทยที่ชายแดนบ้านหนองจาน -คลองลึก-บ้านโนนหมากมุ่น ด้านจ.สระแก้ว โดยเฉพาะระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ซึ่งเป็นแนวชายแดนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพล.ท. อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศกฎอัยการศึกให้พื้นที่บ้านหนองจานเป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2568 พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้ลงนามในประกาศกองกำลังบูรพากำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย หลังกัมพูชาได้ขนชาวบ้านเข้ามาก่อเหตุจลาจลในพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ สระแก้ว เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงเกรงว่าอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย

คำสั่งประกอบด้วย ให้ถนนศรีเพ็ญเป็นแนวรักษาความสงบเรียบร้อย ห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด หรือสิ่งเทียมอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ห้ามปิดเส้นทางที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการดำรงชีวิต ห้ามถ่ายภาพฐานปฏิบัติการทางทหาร ห้ามทะเลาะวิวาทดื่มของมึนเมา และห้ามนำเครื่องขยายเสียงเข้าพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ยังประกาศบทบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลต่างด้าวที่ละเมิดคำสั่งกองกำลังบูรพา ทั้งการดำเนินคดีข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หากเข้ามารื้อสวดหนามของฝั่งไทย การขโมยลวดหนาม การทำลายทรัพย์สิน และการห้ามเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย

ถือเป็นมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่ชายแดนด้านจ.สระแก้ว ที่เข้มข้นจากเบาไปหาหนัก 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันระหว่างเขตพื้นที่อีสานใต้และชายแดนบูรพา จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ต้องใช้ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่แตกต่างกันในการตอบโต้

ขณะที่ฝั่งแนวรบด้านตาพระยา ยังคงเตรียมพร้อมตั้งรับและเริ่มขยับด้วยการให้เจ้าหน้าที่ที่ดินอรัญประเทศได้ลงพื้นที่ออกรังวัดที่ดินในให้ชาวบ้าน 20 ราย ที่ถือหนังสือสำคัญครอบครองที่ดิน แต่จำเป็นต้องยกเลิกปฏิบัติการดังกล่าวชั่วคราว เนื่องจากเกรงจะมีปัญหาความปลอดภัย จากการลอบวางระเบิดสังหารจากฝั่งกัมพูชา

อีกด้านหนึ่งของแนวรบชายแดนอีสานใต้ หลังจากพลทหารอดิศร ป้อมกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณปราสาทตาควาย เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2568  ทำให้ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดไฟเขียวให้ทหารที่ประจำการอยู่หน้าแนวสามารถใช้อาวุธตอบโต้ทันที หากเขมรยังลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหาร PMN-2 ตามแนวชายแดนไทย

ท่ามกลางการปฏิเสธเสียงแข็งจาก CMAC กัมพูชา โดยอ้างว่า PMN-2 เป็นระเบิดตกค้างในยุคเขมรแดงและยืนยันเคารพในพันธสัญญาออตตาวาเป็นเหตุให้ พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ตอบโต้ทันควันว่าทุ่นระเบิดที่กัมพูชานำมาทำร้ายฝ่ายไทยนั้นเป็นทุ่นระเบิดเพิ่งนำมาวางใหม่เป็นของใหม่และไม่ใช้ทุ่นระเบิดตกค้างมาจากสงครามในอดีต เพราะมีโครงสร้างพลาสติกเป็นของใหม่ต่างจากของเก่าชัดเจน

ด้วยประจักษ์พยาน ไม่ได้มีเพียงทหารไทย 6 นายที่ต้องสูญเสียขาจากการลาดตระเวน หลังเจรจาหยุดยิงเท่านั้น แต่หลักฐานที่ทีมศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) เก็บกู้ได้บริเวณทางขึ้นภูมะเขือ ทั้งระเบิดสังหารบุคคลและระเบิดรถถัง TM-58 ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) สมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เห็นกับตาตัวเอง คือ หลักฐานชิ้นสำคัญ

ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมกับ ภาพ คลิปเสียง และข้อมูลอื่น ๆ ซึ่ง เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์ ข้อความว่า "ด่วน... เปิดหลักฐานจากมือถือทหารกัมพูชาที่เจ้าหน้าที่ไทยเก็บได้บนภูมะเขือ"

มีภาพหลักฐานโยงไปถึงทหารกัมพูชาที่ลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในฝั่งไทยพร้อมภาพอื่น ๆ และกิจกรรมในพื้นที่อีกจำนวนมากนั้นยังไม่มีคำชี้แจงทางฝั่งกัมพูชาว่าเป็นของปลอมหรือไม่

แหล่งข่าวจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ทางกองทัพฯได้ส่งมือถือของทหารเขมรที่ลืมไว้บนภูมะเขือมาให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจสอบโดยยืนยันข้อมูลทั้งหมดกลับไปที่กองทัพแล้วและขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากมีการส่งโทรศัพท์เข้ามาเพิ่มอีก

ตอกย้ำด้วยการแถลงของ พล.ต.วินธัย ว่า ทหารไทยได้ยึดโทรศัพท์มือถือของทหารเขมร ทั้งของผู้ที่มีชีวิตและคนที่เสียชีวิต รวมจำนวน 20 เครื่อง และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบในรายละเอียดเพื่อเป็นหลักฐาน นอกเหนือจากมือถือที่ตรวจพบบนภูมะเขือ

“ข้อมูลจากการตรวจพิสูจน์ พบว่า มีทั้งภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ สอนวิธีการใช้ทุ่นระเบิดและการพูดภาษาเขมรชัดเจน คงไม่มีใครไปทำปลอมได้” พล.ต. วินธัย ระบุสั้น ๆ

การเปิดศึกรอบสองระหว่างไทย-กัมพูชา ยังไม่เกิดขึ้นแต่การขยับเข้ามาของกองกำลัง BHQ และการขนอาวุธหนักเข้ามาประจำการที่ชายแดนจ.พระวิหารและจ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้ามด้านจ. สุรินทร์ และอุบลราชธานี พร้อม ๆการปรากฏตัวของ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผู้บัญชาการทหารอารักขาที่ จ.เขาพระวิหาร เมื่อเร็วๆนี้ หลังจากหายหน้าไปช่วงหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ฝั่งกัมพูชาก็ได้เตรียมพร้อมเต็มอัตรา

ศึกไทย-กัมพูชา ยังไม่จบสองพื้นที่จุดเสี่ยงแนวปะทะ “พระวิหาร-ตาพระยา” ยังต้องจับตา ท่ามกลางการเปลี่ยนตัว “ขุนศึก” ที่จะรับไม้ต่อจาก พล.ท. อมฤต แม่ทัพภาคที่ 1 และพล.ท.บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าสมรภูมิรบจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร 

อ่านข่าว

น้อยใจทุกครั้งที่ถูกถาม ทหารมีไว้ทำไม ? "ก้นบึ้ง" แม่ทัพภาคที่ 2

"ออกญา" ตำแหน่งมีราคา "บรรดาศักดิ์กลุ่มทุนธุรกิจ" ในกัมพูชา

"ทักษิณ" เตรียมบินต่างแดน "ป่วยทิพย์" เส้นตาย คดีชั้น14 รพ.ตร.