นับจาก ออกญา เชง เสร็ยร็วต หรือ Love Riya ถูก กษัตริย์ “นโรดม สีหมุนี” ถอดถอนบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ตามข้อเสนอของ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2568 หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับที่บ้านพักภายในหมู่บ้านโครงการ ML เมืองตาขะเมา จังหวัดกันดาล เมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ถึงบัดนี้ เชง เสร็ยร็วต หรือ Love Riya หรืออีกชื่อ “วัน มรณา “ยังคงถูกจำคุกในข้อหา ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ทำลายขวัญกำลังใจศักดิ์ศรีของทหาร
เลิฟ ริยา (Love Riya) หรือ วัน มรณา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของกัมพู ชา และเจ้าของแบรนด์โลชั่นชื่อดัง เหตุเกิดขณะอยู่ระหว่างการไลฟ์ขายสินค้า และกล่าวพาดพิงถึง ฮุน เซน เรื่องปกปิดตัวเลขการสูญเสียของทหารในแนวหน้า ทำให้ ฮุน ซีนัต น้องสาวของ ฮุน เซน ขอให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ชี้เป้าให้ตำรวจจังหวัดกันดารเข้าจับกุม
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากเธอไลฟ์สดทางโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 6 ส.ค.และ 13 ส.ค. 2568 เนื่องจากมีข้อความที่ทางการกัมพูชาเห็นว่าเป็น การกระทำที่ผิดกฎหมาย หลังจากถูกรวบในเรือนจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เธอจำหน่ายพบว่า 4 ผลิตภัณฑ์มีสารที่อาจก่อมะเร็ง เกินกว่ากฎหมายหมายกำหนด และทางการกัมพูชาอยู่ระหว่างตั้งข้อหาเพิ่ม
การถอดบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ของ เชง เสร็ยร็วต ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นปฎิบัติการเชือดไก่ให้ลิงดู หลังจากอินฟลูฯชื่อดังของกัมพูชา ถูกจับไม่นาน

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2568 “เมี๊ยะห์ ซาราห์” นักข่าวชาวกัมพูชาของสำนักข่าว CCN TV รายงานว่า กัมพูชาเสียดินแดน จากกรณีที่ทหารไทยล้อมรั้วลวดหนามและขับไล่ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำ ทำให้เกิดกระแสข่าวว่าชาวกัมพูชารู้สึกพ่ายแพ้ ก็ตามไปติด แม้เขาจะไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม แต่ในวันรุ่งขึ้น (21 ส.ค. 2568) เมี๊ยะห์ ซาราห์ ได้ถูกกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบข่าวทันที
การพยายามปิดบังข้อมูลและบิดเบือนไม่ให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายในกัมพูชา เกิดขึ้นหลายครั้งนับ หากจากเกิดเหตุการณ์การปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค.2568 รวมทั้งรายงานของนักข่าวกัมพูชาล่าสุด ที่ฝั่งตรงข้ามจ.สระแก้ว
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2568 ที่ประชุมสภาแห่งชาติกัมพูชา มีมติเห็นชอบผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่ออนุญาตให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายเพิกถอนสัญชาติของบุคคลที่ถูกตัดสินว่าสบคบคิดกับชาวต่างชาติเพื่อบ่อนทำลายผลประโยชน์แห่งชาติ
แม้นักสิทธิมนุษยชนจะวิพากวิจารณ์ว่า กฎหมายดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปากผู้วิจารณ์รัฐบาล แต่กระทรวงยุติธรรมกัมพูชาอ้างว่า กฎหมายฉบับนี้จะบังคับใช้เฉพาะกับบุคคลผู้กระทำการทรยศ บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติเท่านั้น และผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดต่อผลประโยชน์ของชาติก็ไม่จำเป็นต้องกังวล

ในอดีตการได้รับบรรดาศักดิ์ในประเทศกัมพูชา มักจะได้เฉพาะขุนนางชั้นสูง ตามระบบลำดับชั้น โดยหลังการฟื้นฟูราช อาณาจักรกัมพูชาในช่วงทศวรรษ 1990 ได้มีการเลือกตั้งและฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง โดยสมเด็จนโรดม รณฤทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกับ ฮุน เซน นำระบบบรรดาศักดิ์ของราชวงศ์กลับมาใช้อีกครั้ง
ในบรรดาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ “ออกญา” ได้ถูกฟื้นคืนมา เพราะ "บรรดาศักดิ์" ทำให้กัมพูชาสามารถฟื้นฟูชนชั้นสูงในราชอาณาจักรได้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนกับ “บรรดาศักดิ์”ดังกล่าวผ่านการบริจาค โดยเครือข่ายตระกูล ข้าราชการ และนักธุรกิจที่มีฐานะ เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวก และได้รับการคุ้มครอง
จากข้อมูลพบว่า นับตั้งแต่ปี 1955-2025 รวมระยะเวลา 71 ปี จำนวนบุคคลที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งออกญาในกัมพูชามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,342 ราย มีรายละเอียดดังนี้
1955-2016 ระยะเวลา 62 ปี จำนวน 631 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 47.01
2017-2025 ระยะเวลา 9 ปี จำนวน 711 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 52.98
ในปี 1994 หลังจากที่กัมพูชาจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ ผู้มีจิตศรัทธาที่บริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่าให้แก่รัฐบาล อาจได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นออกญา - Oknha
ในปลายปี 2017 ราคาของตำแหน่งนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นถึงห้าเท่า โดยตำแหน่งออกญา หรือ ขุนนาง ดังกล่าวจะมอบให้กับบุคคลผู้มั่งคั่ง เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเงินจำนวนมาก ด้วยการบริจาคเงินอย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณ 16,190,000 บาท ให้กับรัฐบาลกัมพูชา
ซึ่งผู้จะใช้ “ออกญา” นำหน้าชื่อได้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีอิทธิพลและมีบทบาทสำคัญในประเทศ และเป็นทหารระดับชั้นนายพลเท่านั้น

นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง “ออกญา” ต้องมีบทบาทและหน้าที่ในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และได้รับสิทธิพิเศษ เช่น การได้รับการยกย่องจากสังคม มีโอกาสใกล้ชิดกับชนชั้นนำและข้าราชการระดับสูง
“ออกญา” แม้จะเป็นเครื่องหมายแสดงสถานะทางสังคมอันสูงส่ง ในทางกลับกันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเกี่ยว พันระหว่างผู้มั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์ที่สุดในทางการค้าและธุรกิจต่าง ๆ กับพรรครัฐบาล ซึ่งมักเชื่อมโยงกับโอกาสทางธุรกิจและอิทธิพลทางการเมือง
ทั้งนี้ ในปี 2017 กัมพูชาได้รับเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจากจีนเป็นมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 27% ของเงินลงทุนทั้งหมดของประเทศ นอกจากนี้ จีนยังให้เงินช่วยเหลือและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่กัมพูชา และมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงกว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่เม็ดเงินลงทุนนำเข้าได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเข้ามาของอาชญากรชาวจีนจำนวนมากในคราบของนักลงทุน โดยเฉพาะเมืองสีหนุวิลล์ กลายเป็นศูนย์ กลางของกิจกรรมผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงการพนันและการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมีชาวจีนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเหล่านี้
กลุมอาชญากรชาวจีนดังกล่าวในคราบของนักลงทุนหลายนำเงินสกปรกที่ได้จากการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การฉ้อโกงและการพนันออนไลน์ นำเงินรายได้ที่ได้มาจากการฟอกเงินมาบริจาคให้แก่รัฐบาลกัมพูชา เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งตำแหน่ง “ออกญา” นำหน้าชื่อจีนของตนเอง เพื่อใช้แสดงถึงเกียรติ ยศ ศักดิ์ศรีทางศีลธรรม ในแวดวงทางสังคมของตนในกัมพูชา
ด้วยเหตุนี้ จึงอาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ราคาตำแหน่ง “ออกญา” มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นห้าเท่าตามกลไกทางตลาด
กิ่งอ้อ เล่าฮง : เรียบเรียง
อ้างข้อความ : A noble commitment to the values of Oknhahonor, moral dignity, and an unswerving dedication to the economic growth of Cambodia.
: Open Development Cambodia (ODC)
อ่านข่าว