ผ่านไปแล้ว 25 วัน นับจากไทย-กัมพูชา เจรจา “หยุดยิง”โดยไม่มีเงื่อนไข เหตุการณ์ปะทะจากการเปิดฉากโจมตีของฝั่งกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24 -28 ก.ค. 2568 ในอีสานใต้ 4 จังหวัด ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตจำนวน 15 นาย ได้รับบาดเจ็บกว่า 200 นาย แม้การปะทะตรง ๆ ยังไม่เกิดขึ้น แต่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านตะวันออก เป็นอีกจุดสำคัญที่มีการตรึงกำลังและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ในวันพรุ่งนี้(22 ส.ค.) ทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จะลงพื้นที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เขตพื้นที่รับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา
สมรภูมิรบในสนามชายแดนไทย-กัมพูชาระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ยังไม่จบ ชีวิตนายทหารที่จากไป ทุกคนถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ เพจกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ได้มีการจารึกชื่อนักรบบินโดรนที่เสียชีวิตบริเวณจุดปะทะปราสาทตาควาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2568 จำนวน 3 นาย คือ ส.อ. จิรายุ สิงห์อ้น , ส.อ. นพดล บุญเลิศ และ ส.อ. กฤษฎา น้อยโคตร มาตั้งชื่อ “โดรนฟีนิกซ์” เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ และตอกย้ำว่า “แม้ร่างกายจากไป แต่เกียรติศักดิ์จะคงอยู่เหนือกาลเวลา”

“นกฟีนิกซ์” คือ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ เพราะขนของฟีนิกซ์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัว มีเสียงร้องที่ไพเราะดังเสียงดนตรี รูปร่างสวยสง่างาม เปี่ยมด้วยความเป็นมิตร
ตามความเชื่อ เชื่อว่านกฟีนิกซ์สามารถชุบชีวิตผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เพลงของฟีนิกซ์มีเวทมนตร์สามารถกระตุ้นความกล้าหาญ แห่งจิตใจบริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดชั่วร้าย

“ฟีนิกซ์” จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยตัวเอง เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย (500 ปี หรือ 1,461 ปี) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นนกตัวใหม่
ข้างต้นเป็นเรื่องราวของนักรบที่จากไป แต่สำหรับทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บ และยังอยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แผลในความทรงจำยังคงแจ่มชัด หน้าเพจเฟซบุ๊คของ “ครูหนุ่ม ศนิโรจน์” หรือ พล.ต. ศนิโรจน์ ธรรมยศ ที่ปรึกษาด้านประ วัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร อนุสรณ์สถานแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย เผยแพร่คำสัมภาษณ์ 2 นักรบกล้าปะทะจรวด BM 21 คือ จ.ส.อ.อำนาจ วงษ์ศรีวอ และ อส.ทหารพราน ศุภกิจ อ้อนพรรณนา ทำให้เห็นภาพความทรงจำของการสู้รบดุเดือดในวันนั้น

จ.ส.อ.อำนาจ เล่าว่า ช่วงตีสาม วันที่ 27 ก.ค. 2568 มีการระดมยิงปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชา เรายิงไป เขายิงสวนกลับมา จนถึงช่วงเช้าเวลา 9.00-10.00 น. เห็นว่ายิงมาแล้ว อีกสัก 5-10 นาที คงจะมีการยิงอีก จึงอาสาออกไปเอาผ้าใบกันฝนมาปูพื้นในบังเกอร์ เพราะว่าอยู่ในนั้นมาหลายวัน มันแฉะและอับชื้น หัวหน้าฯ บอกอย่าเพิ่งไป ให้มันหยุดยิงจริง ๆ ก่อน แต่ไม่อยากรอ จึงรีบไปและมุดออกมา ก็จะวิ่งกลับไปที่ฐาน
“ผ่านบังเกอร์ พี่ทหารพราน (อส.ทพ. ศุภกิจ) ก่อน เขาเรียกถาม ไอ้น้อง เอ็งจะไปไหนวะ บอกว่า จะไปเอาของแป๊บหนึ่ง หยุดคุยกับเขาครู่หนึ่ง ไม่ถึง 5 วินาที ผมก็วิ่งลงคูเลต และปีนคูเลต แล้วจะวิ่งขึ้นฐาน จังหวะนั้นได้ยินเสียงแล้ว ตั้ม ๆ ตั้มๆ คิดว่าเป็นเสียงปืนใหญ่ฝั่งเรา แต่ความจริงมันเป็นเสียง BM 21 ตกที่นอกฐาน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จากวิ่ง เลยเดินต่อ ได้ยินเสียงระเบิด ด้วยความที่ผมอยู่เนินต่ำด้วย มันต้องวิ่งขึ้นเนินสูง ประมาณ 3 วินาที หลังได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้งแรก ระเบิด BM 21 ก็มาตกอยู่ตรงหน้าดักทางที่ผมกำลังจะไปพอดี 2 ลูก ระยะไม่เกิน 20 เมตร”

จ.ส.อ.อำนาจ เล่าว่า ด้วยความโชคดีที่อยู่เนินต่ำ พอระเบิดลง จึงทำอะไรไม่ถูก เพราะว่าไม่คิดว่าจะใกล้ขนาดนี้ โดนแรงอัด มึนจนทำอะไรไม่ถูก กระทั่งมีลูกที่ 3 ลงมาอีก เลยรู้ว่าคือระเบิด BM 21 บอกกับตัวเองว่า “ตายแน่กู” แล้วรีบหมอบลง คลานไปอยู่ใกล้ๆโขดหิน ด้านหน้าเป็นต้นไม้ ซึ่งช่วยซับแรงระเบิดด้านหน้าไม่ให้โดนเยอะ
“ผมเก็บตัว เก็บคอ งอเข่า เอาหน้าแนบพื้นดินให้มากที่สุด แต่ระเบิดลงไม่หยุด...คิดว่า หากอยู่ตรงนี้ต่อ ตายแน่ ๆ เศษดิน หล่นเต็มไปหมด จึงลองดันตัวเองขึ้น และรีบวิ่งกลับไปทางที่มา ลงไปในคูเลต แล้วเข้าไปในบังเกอร์เก่า เป็นบังเกอร์เล็ก ๆ นั่งได้ 2-3 คน และมองไปด้านหลัง เห็นกลุ่มควันเต็มไปหมด จังหวะนั้นตาลาย หูอื้อ ไม่ได้ยิน จึงพยายามตั้งสติ ทั้งกลัวและตื่นเต้น ไม่เคยเจอแบบนี้ มีแต่เลยไป หรือตกไม่ถึง แต่คราวนี้ กัมพูชาเล็งยิงรถถัง เพราะมีรถถังขึ้นมายิงเสร็จแล้วลงไป”

จ่าอำนาจ บอกว่า หลังตั้งสติได้ และคิดว่าปลอดภัยเพราะเสียงระเบิดเงียบแล้ว จึงสำรวจร่างกายตัวเองจับศีรษะ แขน ขา ตา ว่ามีเลือดหรือไม่ มองขาตัวเอง เห็นกางเกงเป็นรู แต่ยังไม่เห็นแผล เลยนำมีดพกตัดขากางเกงออก เห็นแผลเริ่มใจเสีย เพราะเนื้อหายไปเป็นรูเบ้อเริ่มใหญ่มาก แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บ ก็สำรวจส่วนอื่นต่อ ตัดกางเกงออก ก็เห็นแผลและเลือด ก็พยายามกดแผล ห้ามเลือด
“ลองยืนดู ยืนได้จากนั้นจึงกึ่งเดินและวิ่งไปหาคนช่วย พี่ทหารพรานฯ พอเห็นก็ตกใจ และพยายามวิทยุติดต่อหน่วยแพทย์ให้มาช่วย และปฐมพยาบาลห้ามเลือด โชคดีที่ไม่โดนกระดูกและเส้นเลือดใหญ่ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่กล้ามเนื้อกับปลายประสาทเล็กน้อย จึงทำให้ที่โดนมีอาการชา ไม่มีความรู้สึกเจ็บ และอีก 2 ชั่วโมงก็ถูกส่งตัวมารักษาที่รพ.น้ำยืน เพื่อประเมินอาการ ก่อนจะถูกส่งต่อมาที่รพ.เดชอุดม”
โดยแพทย์ที่ทำการรักษาแจ้งว่า พบสะเก็ดระเบิดขนาด 1.6 เซนติเมตรฝัง ต้องผ่าออก ก็ตกใจมาก เพราะปกติถ้าโดนระเบิดBM 21 ลง หากไม่เสียชีวิตก็ต้องพิการ หลังผ่าตัดรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568
ผมดีใจ ร้องให้ ที่รอดมาได้ เพื่อนที่ฐานไม่มีใครเป็นอะไร ... ตอนนี้ รักษาตัวโอเคแล้ว เหลือแค่กายภาพบำบัดกับตัดไหม พี่ทหารพรานที่อยู่บังเกอร์แรกช่วยผมไว้ แกตามมารักษาตัวทีหลัง ถ้าไม่ได้พวกพี่เขา ผมก็คงแย่...ถือเป็นโชคชะตาที่ได้มาเจอกัน และผมจะไม่มีวันลืมเขาเลย
และย้ำว่า คืนแรกที่เข้ามารักษาตัว ยังมีอาการสะดุ้งตื่น และผวา ภาพยังจำติดตา อยากให้การสู้รบจบลงเร็วๆ และเกิดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ทหารทุกนาย หากไม่ได้กำลังใจและการเสียสละของคนที่อยู่แนวหลัง ยอมให้ลูก สามี ออกมาแนวหลังก็เสียสละไม่แพ้แนวหน้า
หลังจากหายแล้ว ก็จะกลับไปอยู่แนวหน้าหมือนเดิม กลับไปทำให้มันจบ ๆ ไม่ทิ้งเพื่อนๆ แน่นอน

ขณะที่ อส.ทพ.ศุภกิจ อ้อนพรรณนา เล่าว่า วันที่ 27 ก.ค.ระเบิด BM 21 ลงฐานเละจนไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร เพราะกัมพูชายิงมาเป็นชุด พระ และเสื้อผ้าหายไปหมด เหลือตะกรุดอันเดียว ระเบิดลงใกล้มาก สนั่นหวั่นไหวไปหมด ขณะนั้นทำได้แต่หมอบ ในใจคิดพลีชีวิตแล้ว เพราะระเบิดลงใกล้เหลือเกิน ลูกหนึ่งลงหน้าเบิม ด้านหลังระเบิดลงห่างออกไปไม่ถึง 20 เมตร
“ความถี่ของระเบิดชุดหนึ่งลง ไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว โงหัวไม่ขึ้น ไม่ได้รู้สึกกลัวตาย ตรงกันข้ามกลับเห็นใจบรรพบุรุษของเรามาก ขนาดเรารบแค่ 5 วัน ยังโดนขนาดนี้ แต่พวกบรรพบุรษรบมาเป็นปี เพื่อแผ่นดินของเรา จึงอยากขอบคุณพประชาชน พี่น้องคนไทย การสนับสนุน มีปัจจัยในการรบมาก รั้วของชาติแข็งแรงได้ เพราะแนวหลัง”
ล่าสุด พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ระบุว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาในหลวงและพระราชินี ทรงติดตามสถาน การณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาตลอด ในกรณีที่เกิดความสูญเสียได้พระราชทานความช่วยเหลือ และทางรองราชเลขานุการฯ ได้ติดต่อมายังกระทรวงกลาโหมว่า ในหลวงทรงห่วงใย เรื่องการพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ ทหาร ตำรวจ ตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพรานที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
โดยหลักเกณฑ์จะไม่ต่างจากกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากการขอเหรียญกล้าหาญในครั้งนี้ มีกำลังพลเข้าปฎิบัติการเป็นจำนวนมาก กระทรวงฯ จึงจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดเสนอในคราวเดียวกัน เพื่อขอพระราชทานให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่
เรียบเรียงโดย : กิ่งอ้อ เล่าฮง
ขอบคุณ :เพจ กองทัพภาคที่ 2 และเพจ ครูหนุ่ม ศนิโรจน์
อ่านข่าว
ผ่าทางตัน “เพื่อไทย” ฝ่าวิบากกรรมใหญ่ “แพทองธาร-ทักษิณ”
"สิงห์ (ภูมิธรรม) ดำ" กระชับมหาดไทย จัดทัพ "ปกครอง" รับเลือกตั้ง
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
- โดรนฟินิกซ์
- จารึกชื่อนักรบบินโดรน
- กองทัพภาคที่ 2
- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
- 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
- ชายแดนไทยด้านจ.สระแก้ว
- จังหวัดอีสานใต้
- พื้นที่อีสานใต้
- ชายแดนไทย -กัมพูชาล่าสุด
- บ้านหนองจาน สระแก้ว
- ล้อมรั้วลวดหนามบ้านโนนหมากมุ่น
- คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT)
- ข่าวชายแดนไทยกัมพูชาล่าสุด
- ข่าวชายแดนไทยกัมพูชาวันนี้
- เจาะข่าวจริงกับไทยพีบีเอส